วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

Attack on Titan Fiction – เกือบ -II- NC

-II-
TiTle : Attack on Titan Fiction – เกือบ
AuThor : Akerah
StaRRing: Levi X Eren

-II-
แกรู้รึเปล่า ว่าพูดอะไรอยู่ผมมองหน้าเอเลนชัดๆ
รู้สิ ถึงได้บอกพี่อยู่นี่ไง”
ถ้าพี่ทำจริงๆ แกจะโกรธพี่ไหม
ผมรอพี่มานานแล้วนะ
ถือว่านั่นคือคำอนุญาตก็แล้วกัน.....

ผมพลิกตัวขึ้นทาบทับไอ้เด็กเหลือขอกดจูบดูดดุนริมฝีปากบางสีอ่อนเบาๆ ค่อยๆถ่ายเทอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดของผมให้เอเลนมันรับรู้ว่าผมรัก คิดถึงมันมากมายแค่ไหน เอเลนจูบตอบผมอย่างอ่อนโยน เรียวลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดพัวพันเบาๆ ผมสอดมือลูบไล้แผ่นอกเนียนมือช้าๆ
ตัวแกยังเย็นอยู่เลย
ผมหนาวนี่ฮะ พี่ก็รีบๆกอดผมสิจะได้อุ่นๆ
เอเลนตอบเสียงสั่นผมถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วรูดเสื้อแขนยาวตัวโคร่งที่เอเลนสวมเอาไว้ออกจากตัวมัน
พี่จะช่วยให้แกอุ่นเอง
ถ้าไม่ไหวบอกพี่นะ..... ผมกระซิบเสียงแผ่วชิดริมหูเล็ก เอเลนเม้มริมฝีปากแน่นพยักหน้ารับพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ผมกดจูบซุกไซร้ซอกคอขาวกรุ่นกลิ่นหอมเบาๆ เอเลนปรือตาสอดมือขยุ้มกลุ่มผมสีเข้มแน่น ใช้ฟันคมถากถางลากไล้ซอกคอขาวมาจนถึงแผ่นอกเนียน กดจูบสร้างรอยกุหลาบสีหวานถ้วนทั่ว ถ้าหากผมทำรอยพวกนี้บนซอกคอเนียน คนอื่นๆคงจะมองเอเลนไม่ดีนัก ลิ้นอุ่นเลาะเล็มยอดอกสีหวานเบาๆ เอเลนครางฮือขณะแอ่นกายตอบรับสัมผัสหวามไหว
พี่จะอ่อนโยนกับแกที่สุด.... ผมอยากจะให้มันรู้สึกดีมากที่สุด ครั้งแรกของเรา ควรจะเป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลบเลือน
มือเล็กลูบไล้แผ่นหลังผมเบาๆ
ผมรู้สึกดี เพราะเป็นพี่ เสียงหวานกระซิบตอบพร่าสั่น ผมกดจูบกลีบปากบางย้ำๆ
พี่ก็รู้สึกดี เพราะเป็นแก

ลากเรียวลิ้นชิมรสผิวเนียนละเอียดมือตั้งแต่ยอดอกบางมาจนถึงหน้าท้องที่แบนราบ เอเลนเกร็งตัวพยายามสกัดกั้นเสียงคราง ลิ้นนุ่มเลาะเล็มซอกซอนเข้าสู่ร่องสะดือเล็กเบาๆ หน้าท้องเรียบเนียนหดเกร็งเบี่ยงหลบสัมผัสชวนสยิว มือบางเอื้อมคว้าบดคลึงแกนกายของผมที่มันเริ่มขยายขนาดจนเต็มที่เบาๆ ผมปลดกางเกงนอนตัวบางของเอเลนออกเพื่อทักทายส่วนอ่อนไหวที่เริ่มแข็งขืนของไอ้เด็กเหลือขอ บดเคล้าบีบคลึงแกนกายที่เริ่มชูชันขึ้นช้าๆ เอเลนถอนหายใจเฮือกอย่างอัดอั้น มือใหญ่กอบกุมรูดรั้งตลอดความยาวตั้งแต่โคนจรดปลาย ก่อนที่จะครอบครองกอบกลืนแกนกายสีอ่อนด้วยปากร้อน ลิ้นอุ่นเลาะเล็มเลียวนรอบส่วนปลายก่อนจะลากไล้ดูดดูนไปตามความยาวของส่วนอ่อนไหว เอเลนกำผ้าปูที่นอนแน่นบิดเร่าด้วยความทรมาน เสียงหวานครางแผ่วอย่างสุขสม
ผมรูดรั้งดูดดุนจนแกนกายสีอ่อนปริ่มขึ้นมาด้วยน้ำสีขาวขุ่น ก่อนจะเดินหน้าปฏิบัติการพาไอ้เด็กนี่ขึ้นไปให้ถึงฝั่งฝันในที่สุด น้ำรักสีขาวขุ่นเอ่อล้นปากออกมานิดๆ ใช้นิ้วยาวปาดเกลี่ยน้ำสีขาวขุ่นแล้วซอกซอนชอนไชเข้าสู่ช่องทางสีหวานที่ตอดรับคับแน่นช้าๆ เอเลนเกร็งตัวกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ช่องทางด้านหลังของตน
อย่าเกร็ง......แกจะเจ็บ
ผม....ผมไม่เคย......เอเลนตอบเสียงสั่นขณะที่อ้าปากหอบหายใจ
ไม่ต้องบอกก็รู้ ผมกดยิ้มมุมปาก แน่นอนว่าคับแน่นขนาดนี้ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันคงไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนแน่ๆ
ผ่อนคลายลงหน่อย.....เดี๋ยวแกก็รู้สึกดีขึ้น ผมบอกขณะสอดนิ้วเพิ่มขนาดเพื่อทำความคุ้นเคยให้กับมันมากขึ้น เด็กน้อยสะดุ้ง หลุดครางเสียงกระเส่า
อ๊า...พี่ฮะ!!!...
ครั้งแรกของเรา พี่อยากให้แกจำไว้.....ว่ารู้สึกดีแค่ไหน ผมกดจูบขมับชื้นเหงื่อเบาๆเอเลนกอดรัดกายผมไว้แน่น
พี่รีไว....ผมรัก.....รักพี่นะฮะ เอเลนหอบหายใจเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ผมยิ้มรับคำหวานเบาๆ
พี่ก็รักแกว่ะ ผมปลดเปลื้องกางเกงนอนสีขาวของตนเองออก จับเรียวขาขาวแยกออกจากกันแล้วแทรกกายเข้าไปยังหว่างขาเรียบเนียน แกนกายใหญ่ที่ขยายขนาดอย่างเต็มตัวถูกส่งเข้าไปแทนที่นิ้วยาว เอเลนผวาโผตัวจิกไหล่ของผมไว้แน่น
เจ็บมากไหม ผมลูบแผ่นหลังบางปลอบประโลมมันเบาๆ
ถ้าจะทำ......อย่าถามสิฮะ
ผมดันแผ่นหลังบางให้ชิดกับหัวเตียง แล้วโถมกายเข้าหาร่างบางจนสุด เอเลนส่งเสียงครวญครางบางเบา มือเรียวยึดไหล่ผมเอาไว้แน่น ผมปล่อยให้เจ้าตัวขบกัดลงบนไหล่ผมเพื่อระบายอารมณ์ภายใน
ไหวใช่มั้ย....ผมถามมันย้ำอีกครั้ง ดูท่าทางมันคงเจ็บมาก
ขยับเถอะฮะ ผมอึดอัด

ผมเคลื่อนกายโยกเย้าตามที่มันต้องการ เอเลนกัดริมฝีปากเชิดหน้าครางฮืออย่างเร้าอารมณ์ ผิวขาวเนียนขึ้นสีเลือดฝาดอมชมพูทั่วร่าง ผมซุกหน้าสูดดมความหอมหวานของซอกคอขาวเนียนเบาๆ พลางขยับเรือนกายในจังหวะที่เร่งเร้าขึ้น ขาเรียวกอดรัดสะโพกหนาให้อิงแอบแนบชิดมากขึ้น ไม่อาจห้ามตัวเองได้ผมถึงกับหลุดครางกับความอ่อนนุ่มและความตอดรัดที่กำลังสัมผัสอยู่
สะโพกนุ่มร่อนขยับตอบรับในจังหวะที่สอดประสาน กดจูบแลกลิ้นพัวพันกับกลีบปากบางซ้ำๆในยามที่อารมณ์ของเราสองกำลังทะยานขึ้นถึงขีดสุด ผมเร่งจังหวะกระแทกกายหนักๆ ย้ำๆ จนกระทั่งน้ำรักสีขาวขุ่นถูกฉีดพ่นจนเอ่อล้นช่องทางสีอ่อน เอเลนเองก็ปลดปล่อยอารมณ์ร้อนออกมาเต็มหน้าท้องของผมอีกครั้ง กระแทกกายย้ำๆอีกสองสามครั้งก่อนจะถอนแกนกายออก ร่างบางหลุดเสียงครางเบาๆด้วยความเสียวซ่านจากการเสียดสี
โอเคใช่มั้ย.... ผมดึงร่างที่อ่อนระทวยของเด็กหนุ่มมากอดไว้
อืม ก็ดีฮะ เอเลนครางรับซุกหน้าลงกับอกผม หยดน้ำอุ่นๆเกลือกกลิ้งจากนัยน์ตาสีมรกตสวย
พี่รีไวฮะ ผมไม่อยากกลับบ้านเสียงหวานพร่าสั่นน้อยๆ ผมลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“ไม่อยากกลับก็ไม่ต้องกลับ พรุ่งนี้พี่จะไปขอคุณป้าให้แกมาเรียนที่นี่ อยู่กับพี่ที่นี่
ผมไม่อยากไปเลยฮะ พี่รีไว ผมอยากอยู่กับพี่ตลอดไป
ก็มาอยู่กับพี่ที่นี่สิ เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป ริมฝีปากบางกดจูบลงบนปลายคางของผมเบาๆ
กอดผมอีกได้มั้ย.....รักผมให้มากๆกว่านี้อีกได้มั้ยฮะ พี่รีไว
ถึงแกไม่ขอ พี่ก็จะทำอยู่แล้ว...... ผมผลักแผ่นหลังเล็กเอนราบลงกับที่นอนนุ่ม

ในค่ำคืนที่หนาวเหน็บผมได้แต่กอดเอเลนครั้งแล้วครั้งเล่าถ่ายเทความอดอุ่นอารมณ์ความรู้สึกในหัวใจของเราให้แก่กันและกันอย่างไม่รู้จบ น้ำเสียงหวานส่งเสียงครางอย่างสุขสมซ้ำแล้วซ้ำอีก
ถ้าพี่จะกอดแกจนเช้า......แกจะว่าอะไรมั้ย ชดเชยกับหกปีที่เสียเวลาไป ผมเอ่ยถามขณะที่โยกกายอยู่บนเรือนกายบาง เอเลนหอบหายใจตอบออกมาเบาๆ
ถ้าพี่ไหว.....ผมก็โอฮะ....


ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ข้างกายผมไม่มีเงาของเอเลนอยู่เลย ผมสวมเสื้อผ้าแล้วลุกออกไปดูที่ห้องนั่งเล่น
ว่างเปล่า.......
มันหายไปไหนของมันนะ พอจะเดินไปเปิดหาน้ำดื่มในตู้เย็นผมก็เจอโพสท์อิท แปะไว้หน้าตู้เย็น

ผมไปแล้วนะฮะ........ลาก่อน รักพี่ที่สุด
-เอเลน-

กลับไปแล้วเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าจะพากลับบ้าน ไอ้เด็กบ้า.....ไม่รอกันเลยผมบ่นกับตัวเองเบาๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
เห็นทีคงต้องกลับบ้านแล้วสินะ ครั้งแรกในรอบหกปีเลยนะที่ผมจะได้กลับบ้าน ก็สัญญากับมันไว้แล้วนี่ว่าจะไปขอมันกับคุณน้า ถ้าผมไม่กลับไปเอเลนมันคงได้งอนผมไปตลอดชีวิตแน่......แบบนั้นท่าจะแย่นะ

ระหว่างที่นั่งบนรถเมล์ผมคอยมองทิวทัศน์สองข้างทางโดยตลอด ดูๆไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนัก พอลงจากรถผมก็เลือกที่จะเดินทอดน่องช้าๆมาตามถนนคอนกรีตสายหลัก เส้นทางที่ผมกับเอเลนมักจะเดินไปกลับบ้านและโรงเรียนด้วยกันเสมอ อันที่จริงถ้าผมจะโทรบอกที่บ้านให้คนมารับคงจะสะดวกกว่า แต่แบบนั้นก็คงไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ
โรงเรียนเก่าของเรา แม้อาคารจะดูสีซีดไปบ้าง แต่ก็ยังมั่นคงแข็งแรงเหมือนเดิม
ร้านไอศกรีมที่ผมกับเอเลนมักจะแวะกินก่อนกลับบ้านทุกครั้งก็ยังคงเปิดอยู่ แต่ดูเหมือนว่าร้านจะใหญ่กว่าเดิมแฮะ เดินมาสักพักผมก็สะดุดตากับร้านขายดอกไม้ใกล้ๆกัน ผมยังจำได้วันวาเลนไทน์เมื่อหกปีก่อน เอเลนมันงอนผมที่หน้าร้านนั้นนั่นเอง

พี่จะซื้อไปให้ใครอ่ะ ไอ้ตัวเล็กมันเอ่ยถามขณะที่ผมยืนเลือกดอกกุหลาบสีสดอยู่
ก็ให้สาวน่ะสิ ผมตอบมันไป
สาวที่ไหน.....พี่มีแฟนเหรอ
ยัง.....แต่วันนี้ไม่แน่.....
ไร้สาระ.....
กับคนที่รู้สึกดีด้วย มันก็ต้องมีอะไรพิเศษให้กันบ้างสิ
แล้วผมล่ะ.....ถามจริงผมสำคัญกับพี่บ้างไหม ไม่เห็นพี่จะสนใจให้อะไรผมเลย
สำคัญสิ ถึงยังไงแกก็สำคัญกับพี่ที่สุดอยู่แล้ว อย่าทำหน้าหงิกแบบนั้นเห็นแล้วหมั่นไส้

แล้วมันก็งอนผมไปเลย วันนั้นแทนที่ผมจะได้ไปเดทกับสาวที่ชอบกลับกลายเป็นว่าผมต้องไปเสียเวลาตามง้อมันทั้งวันแทน คิดแล้วก็ขำนะ มันคงอยากจะได้ดอกไม้จากผมบ้างล่ะมั้ง เอาน่า ไหนๆจะไปขอมันทั้งที เซอร์ไพรส์มันหน่อย มันคงจะดีใจจนอ้อนทั้งวันแน่ๆ
ผมเลือกดอกกุหลาบกำใหญ่ให้พี่เจ้าของร้านช่วยจัดช่อให้ พี่เจ้าของร้านจัดดอกไม้ไป พลางมองหน้าผมไปคงจะสงสัยว่าผมเป็นใครดูท่าคงจะจำไม่ได้
พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมถามไปตรงๆ
เรานี่หน้าตาคุ้นๆนะ เหมือนเคยรู้จัก
ผมรีไวไงครับ เมื่อก่อนตอนไปโรงเรียนผมก็เดินผ่านร้านพี่ทุกวัน ลืมกันได้
อ้าว รีไวจริงเหรอ ไม่เจอกันตั้งหกปี แกหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ
อันนี้มันก็แน่อยู่แล้วล่ะครับ
กลับมาเยี่ยมบ้านล่ะสิ แล้วดอกไม้นี่จะซื้อไปฝากสาวที่ไหนล่ะ
อ๋อ....ว่าจะเอาไปฝากเอเลนมันน่ะครับ
เอเลนเหรอ.....
ครับ
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพี่เจ้าของร้านเจื่อนลงเล็กน้อย พี่เขาก้มหน้าก้มตาจัดดอกไม้จนเสร็จแล้วยื่นให้ผ
เท่าไหร่ครับ
เอาไปเถอะ....
หา...
ถ้าจะเอาไปให้เอเลน.....แกเอาไปเถอะ พี่ไม่คิดเงิน
แต่ว่า.....
รับไปเถอะ....เอเลนมันต้องดีใจมากแน่ๆ พี่เจ้าของร้านบอกขณะส่งยิ้มบางๆมาให้ ผมกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกจากร้านมาอย่างงงๆ พอบอกว่าเอาไปให้ไอ้เด็กเหลือขอก็ได้ฟรีเลยแฮะ ดีชะมัด!!!
ผมเดินทอดน่องต่อมาเรื่อยๆจนมาถึงบ้านสีขาวหลังโตที่ผมจากไปเมื่อหกปีก่อน
คิดถึงเป็นบ้า
สายแล้ว พ่อกับแม่ผมคงเตรียมตัวจะออกไปทำงานกันแล้วล่ะ ผมเปิดประตูเข้าบ้านแล้วตะโกนเสียงก้อง
กลับมาแล้วครับ!!!!”
ว๊ายตายแล้ว..........รีไว!!!!” แม่ตกใจร้องลั่นแล้วหันมามองผม
เด็กบ้า....กลับมาแล้วหรอ ลูกยอมกลับมาแล้วจริงด้วย แม่ดีใจจนน้ำตาแทบไหล ผมกอดแม่ไว้แล้วหอมแก้มแม่แรงๆ
ก็กลับมาแล้วสิครับ
ไอ้ลูกคนนี้ร้อยวันพันปีบอกให้กลับบ้านบ้างก็ไม่ยอมกลับ บทจะกลับก็แอบมาดื้อๆ พ่อผมบ่นยิ้มๆ
ก็ผมคิดถึงพ่อกับแม่นี่ครับ
ออกมาแต่เช้าเลยรึเปล่าลูก กินข้าวกินปลามารึยัง ตายแล้ว แก้มเย็นเชียว แม่ถามผมพลางหยิกแก้มผมแรงๆ
แม่.....ผมเจ็บนะ ผมยังไม่หิวครับ กะว่าจะไปกินที่บ้านเอเลน
ไปหาเอเลนเหรอ....
ครับ พอดีมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณน้า......ผมจะขอคุณน้าพาเอเลนไปอยู่ด้วยกันที่โตเกียวครับ

พ่อกับแม่นิ่งค้างสนิท.................

ผมรู้ว่าพ่อกับแม่คงทำใจลำบาก แต่ผมรักเอเลนจริงๆนะครับ พ่อแม่ก็รู้จักมันดีว่ามันเป็นคนยังไง อยากจะให้พ่อกับแม่เข้าใจเราสองคนด้วย....
รีไว ลูก แต่เอเลนเขา......แม่กำลังพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับผม แต่ถ้าจะห้ามก็ไม่ทันแล้วล่ะ ในเมื่อเราทั้งคู่มาไกลเกินกว่าจะถอยกลับแล้ว
แม่ครับ......แม่รักผมใช่มั้ย ถ้ารักผม เอาใจช่วยผมด้วยนะครับ ให้คุณน้ายกเอเลนให้ผมด้วย เดี๋ยวเย็นๆผมจะกลับมานะครับ ผมหอมแก้มแม่แรงๆแล้วรีบวิ่งออกมาโดยไม่รอฟังคำทักท้วงจากแม่
รีไว.....เดี๋ยวลูก.....รีไว
เสียงเรียกของแม่ยังดังไล่หลังมา แต่ผมก็ยังไม่ยอมหันกลับไปมอง ถ้าหากในตอนนั้นผมหันกลับไปมองแม่สักนิดก็คงจะได้เห็นภาพแม่ยืนร้องไห้ซุกหน้าอยู่กับอกพ่ออยู่แน่ๆ
ผมออกเดินถัดจากบ้านของตัวเองมาอีกสองสามหลังก็ถึงบ้านของเอเลนแล้ว
บ้านเงียบชะมัด ผมสูดหายใจลึกเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง แล้วซ่อนช่อดอกไม้ไว้ข้างหลัง ถ้ามันเห็นก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์น่ะสิ
เคาะประตูบ้านเบาๆสองสามที ประตูก็เปิดออก หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยละม้ายกับเอเลนเปิดประตูออกมา
สวัสดีครับคุณน้าคาร่า ผมกล่าวทักทายพร้อมกับยิ้มให้เธอ เธอมองหน้าผมชัดๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ
รีไว....รีไว ใช่มั้ยลูก.....
ครับ...ผมเอง
กลับมาแล้วสินะ.....ในที่สุดก็กลับมาสักที เธอโผเข้ากอดผมทั้งน้ำตา
อ่าครับ....ผมกลับมาแล้ว ดูท่าคงจะไม่ได้มีแค่เอเลนที่คิดถึงผม คุณน้าเองก็อาการหนักน่าดูเหมือนกัน
ผมมาหาคุณน้าครับ......ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะคุย เรื่องของผมกับเอเลน ผมพยายามพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ให้ตายเถอะเกิดมาไม่เคยเป็นการเป็นงานขนาดนี้เลยนะ มาขอลูกชายเขาทั้งทีต้องดูดีสักหน่อย
หลังจากผมพูดจบ เธอก็นิ่งไป มือเรียวที่สั่นเทาของเธอจูงแขนผมให้เดินตาม
เอเลนน่ะ.........รอรีไวอยู่นะลูก
มันง่ายขนาดนี้เลยเร๊อะ!!! ผมกระชับกำช่อดอกไม้เอาไว้อย่างตื่นเต้น เดินตามคุณน้ามายังสวนหลังบ้าน ที่ๆเมื่อก่อนผมกับเอเลนมักจะมาปูเสื่อทำการบ้าน อ่านหนังสือ นั่งเล่นด้วยกันตรงนี้เสมอ
เอเลน.....รีไวมาหาแล้วนะลูก คุณน้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้หัวใจของผมแทบหยุดเต้น โลกทั้งโลกเหมือนหยุดนิ่ง ผมตัดขาดตัวเองออกจากการรับรู้ทั้งหมด ร่างกายของผมรู้สึกหนักอึ้งและเฉื่อยชา สิ่งที่ผมพอจะบอกตัวเองได้ตอนนี้คือ

ผมกำลังร้องไห้

น้ำตามากมายพร่างพรูหลั่งไหลออกมาจากหัวใจที่บาดลึกจนผมไม่อาจควบคุมตัวเองเอาไว้ได้
รีไวมาแล้วนะลูก.......พี่รีไวของลูกกลับมาหาลูกแล้ว.....เห็นรึเปล่าเอเลน เสียงแหบพร่าคละเคล้าด้วยเสียงสะอื้น
ผมสาวเท้าเข้าไปยืนเบื้องหลังของเธอ

รีไวกลับมาแล้ว......แต่ลูกทิ้งแม่ไปทำไม เอเลน...... ร่างกายที่บอบบางของคุณน้าได้แต่ร่ำไห้คร่ำครวญอยู่บนพื้น ผมเสหน้าออกมองดูรอบด้าน พยายามสกัดกั้นเสียงสะอื้นของตนเอาไว้เฝ้าบอกตัวเองย้ำๆ

ไม่จริง....ผมกำลังตาฝาด  มันไม่ใช่เรื่องจริง

ผมพยายามปาดน้ำตา เผื่อว่าจะได้มองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น แต่น้ำตาเจ้ากรรมนี่มันยังคงไหลอย่างไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุด ผมหันกลับมามองภาพเบื้องหน้าอีกครั้ง
ป้ายหลุมศพสีขาวตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าป้ายหินอ่อนสลักชื่อ

‘Eren Jaeger’

ผมรู้สึกเข่าอ่อนจนทรุดกายลงกับพื้นอัดอั้นลมหายใจติดขัด นี่สินะที่เขาบอกว่าใจจะขาด......มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ผมรู้สึกจุกจนพูดอะไรไม่ออก ผมไม่รู้จะทำอะไร ผมไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่ามันเป็นไปได้ยังไง ผมได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นนานพอดูกว่าจะหาเสียงของตนเองเจอ
ตั้งแต่เมื่อไหร่......เอเลน......ตั้งแต่เมื่อไหร่
อาทิตย์ก่อน เอเลนป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาล.....หมอบอกว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย นอนพักแค่สามวันเอเลนก็...... คุณน้าเริ่มร้องไห้หนักขึ้นอีกครั้ง
มะเร็งปอดเหรอ...... ผมได้แต่สงสัย เอเลนน่ะเหรอ.....
ตั้งแต่รีไวไป เอเลนก็สูบบุหรี่หนักขึ้นกว่าเดิม น้าเตือนเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง เอาแต่บอกว่าถ้ารีไวกลับมาแล้วถึงจะยอมเลิก สุดท้ายก็.....
“เอเลนอยากจะให้ฝังร่างเขาไว้ที่นี่ ที่ๆเคยมีความทรงจำร่วมกันกับรีไว
ทำไม.....ทำไมแกต้องทำร้ายตัวเองแบบนั้น แกทำแบบนั้นทำไม ผมได้แต่ตัดพ้อกับป้ายหลุมศพเบาๆ ถ้าโกรธพี่ ก็ลงโทษพี่สิ แกจะทำร้ายตัวเองทำไม
เอเลนน่ะ.....รอรีไวตลอดเลยนะลูก แม้แต่วินาทีสุดท้าย เขาก็ยังรอ.....
มีของที่เอเลนฝากไว้ให้รีไวด้วยนะลูก คุณป้าลุกเดินออกไปสักครู่ก็กลับมาพร้อมกับกล่องกระดาษสาในมือ
จดหมายทั้งหมดนี้ เอเลนเขียนเอาไว้ตั้งแต่วันแรกที่รีไวไป แต่ไม่ยอมส่งสักที เขาบอกว่าถ้ารีไวยอมกลับมา จะมอบทั้งหมดนี้ให้เอง
ผมรับกล่องกระดาบใส่จดหมายมาถือไว้ น่าแปลกนะทั้งๆที่มันเป็นเพียงแค่กล่องกระดาษธรรมดาแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างหนักอึ้งเหลือเกิน
ผมขอ.....อยู่ตรงนี้ได้ไหมครับ”
คุณน้าพยักหน้ารับแล้วเดินกลับเข้าบ้านไป  ผมวางช่อดอกกุหลาบในมือหน้าป้ายหลุมศพ ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้เลย
แกบอกว่ารอพี่.....แล้วพอพี่กลับมา แกทิ้งพี่ไปทำไม
อยากจะอยู่กับพี่ตลอดไป.....ใครใช้ให้แกหนีไปก่อน ผมซุกหน้าลงกับท่อนแขนตัวเองไว้
แกทิ้งพี่ไปทำไม.....แกไม่รักพี่แล้วรึไง....เอเลน

ผมได้แต่ปล่อยให้น้ำตาหลั่งไหลออกมาเพียงเพื่อหวังว่าน้ำตาจะช่วยชะล้างความทุกข์ใจของผมออกไปได้บ้างไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ อากาศรอบกายจะหนาวเหน็บแค่ไหน ผมไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ผมได้แต่หวังว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความฝัน ฝันร้ายที่เมื่อผมตื่นขึ้นมาก็จะพบว่าเอเลนยังคงอยู่ข้างๆ.........เหมือนเมื่อคืนนี้

ผมหลับตาลงนับหนึ่งถึงสิบใจใจช้าๆ แล้วลืมตาขึ้น......

ผมยังคงอยู่ที่เดิม ป้ายหลุมศพของเอเลนก็ยังอยู่ตรงหน้าผมดังเดิม ความจริงที่ประสบทำให้ผมน้ำตาไหลอีกครั้ง ผมหยิบจดหมายเหล่านั้นขึ้นมาอ่านฉบับหนึ่ง พยายามปัดป่ายหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าเพื่ออจะมองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น
ไอ้พี่เตี้ย!!!
อยู่ดีๆก็มาบอกว่าต้องไป ทำไมพี่ไม่บอกฉันก่อนหน้านั้นให้ผมทำใจ ทำไมพี่ไม่ถามผมว่าอยากไปด้วยมั้ย พี่ไม่สนใจความรู้สึกผมเลยรึไง ไม่ห่วงใช่มั้ยว่าถ้าพี่ไม่อยู่ผมจะเป็นยังไง โกรธพี่แล้วนะ....โกรธจริงๆ รีบมาง้อด้ว
ทำไมต้องปล่อยให้ผมคิดถึงพี่เก้อแบบนี้.....รักพี่นะฮะ พี่รีไว
เอเลน

ผมสูดหายใจลึก แล้วหยิบฉบับต่อไปมาอ่าน

ใจดำ!!!
พี่ไม่สนเลยใช่มั้ยว่าผมจะเป็นยังไง หายหัวไปเป็นชาติไม่เคยติดต่อมาเลย รู้ไหม ผมสูบบุหรี่จนปอดจะไหม้อยู่แล้วนะ ถ้าพี่ห่วงผมกลับมาสิฮะ กลับมาหาผม มาบอกให้ผมเลิก โถ่เว้ย....ไม่กลับมาเหรอ งั้นผมจะไปสูบแล้วนะ....ได้ยินมั้ย จะสูบบุหรี่อีกแล้วนะ
พี่ไม่สนใจผมแล้วเหรอฮะพี่รีไว.....ผมรักพี่นะฮะ
เอเลน

ฉบับต่อมา

ไอ้พี่บ้า
สามปีแล้วนะ สามปีแล้วที่พี่ไม่ติดต่อมาเลย ตายไปแล้วรึไง ต้องให้ผมจุดธูปเรียกพี่มามั้ยถึงจะได้เจอหน้า คิดถึงพี่จนใจจะขาดอยู่แล้ว พี่ลืมผมไปแล้วเหรอ ลืมเอเลนคนนี้ไปแล้วเหรอ ถ้าพี่ไม่กลับมา ผมจะมีชู้นะคอยดูดิ
ถ้าไม่อยากโดนสวมเขาก็กลับมาได้แล้ว.....รักพี่เหมือนเดิมนะฮะ
เอเลน

ฉบับแล้วฉบับเล่าที่ผมเปิดอ่าน แต่ละแผ่นล้วนมีแต่ถ้อยคำตัดพ้อต่อว่าผมมากมาย แต่สุดท้ายมันก็จะจบลงด้วยคำว่ารักเสมอ ผมหยิบจดหมายฉบับบนสุดขึ้นมา กระดาษสีขาวถูกแต่งแต้มด้วยรอยแดงหยดเล็กๆ ที่น่าจะเป็นรอยเลือดอยู่ประปราย

พี่รีไว
จนถึงตอนนี้พี่ก็ยังไม่ยอมกลับมาสินะ หกปีแล้วนะฮะ ผมรอพี่มาหกปีแล้วจริงๆ ใจคอแกจะให้ผมไปลากคอพี่กลับมาใช่มั้ย พี่ถึงจะยอม ผมเหนื่อยแล้วนะ เหนื่อยที่จะรัก เหนื่อยที่จะรอพี่แล้วจริงๆ คนใจดำ มาหาผมสิ ดูแลผมสิ รู้ไหมตอนนี้ร่างกายผมไม่ไหวแล้วนะ ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทนได้อีกนานแค่ไหน บางทีจดหมายฉบับนี้ อาจจะเป็นฉบับสุดท้ายที่ผมจะได้เขียนถึงพี่แล้วก็ได้ พี่รีไว.......
ผมรักพี่ คิดถึงพี่ อยากอยู่กับพี่ ผมมันงี่เง่า เอาแต่ใจ หัวรั้นพี่ถึงไม่สนใจผมใช่มั้ย ไม่รักผมอีกแล้วใช่มั้ย แต่ผมรักพี่นะฮะพี่รีไว จะรักตลอดไป
......คิดถึงมากมาย
เอเลน
ผมได้แต่กอดกระดาษแผ่นนั้นแนบอกไว้แน่น
เอเลน.....ขอโทษ.......พี่ขอโทษ”
พี่รักแกนะเอเลน.....รักแก....อภัยให้พี่ได้ไหม.....
....กลับมาอยู่กับพี่ได้ไหม.....เอเลน
พี่รักแก ได้ยินไหม......พี่รักแก.....
ผมได้แต่คร่ำครวญคำว่ารักและขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่รู้ดีว่าต่อไปนี้มันคงไม่มีความหมายอะไรอีกแล้ว ในเมื่อคนที่ผมอยากจะบอกมากที่สุด ไม่ได้อยู่กับผม.......อีกต่อไปแล้ว

คนบางคน อาจจะกลัวที่จะเอ่ยคำว่ารัก
คนบางคน อาจจะคิดว่ารักแท้ต้องใช้เวลา    
คนบางคน อาจจะมองข้ามความสำคัญของคนใกล้ตัวไป
คนบางคน อาจจะคิดว่า ยังไงก็ได้ ขอแค่รักกันก็พอ
แต่คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของเขาคนนั้นบ้างไหม คิดถึงหัวใจของเขาบ้างไหม จะต้องรออีกนานเท่าไหร่ ปล่อยให้เวลาล่วงเลยอีกนานแค่ไหน คุณถึงจะให้ความสำคัญกับเขาคนนั้นอย่างเต็มที่จริงๆสักที

อย่าคิดว่ารักแท้ต้องใช้เวลา เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ คุณอาจจะพบว่ามันสายเกินไป

อย่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยเปล่าแล้วปล่อยให้คนที่คุณรักต้องคอยเก้อ.......... เหมือนอย่างผม


ภายในสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ ท่ามกลางผู้คนที่กำลังตื่นเต้นกับการชื่นชมสถาปัตยกรรมโบราณ ชายวัยสามสิบปลายๆกำลังขะมักขะเม้นกับการลงดินสอร่างภาพสนามกีฬาโคลอสเซียมลงบนกระดาษสมุดโน๊ตที่มักจะพกติดตัวอยู่เสมอ ในรูปเล่มรวบรวมภาพวาดของสถาปัตยกรรมที่งดงามมากมายจากทั่วทุกมุม ด้วยอาชีพสถาปนิกอย่างเขาทำให้ต้องเดินทางอยู่เสมอ ยิ่งฝีมือดีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการตัวมากเท่านั้น จึงไม่แปลกเลยที่เขาแทบจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศมากกว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น คราวนี้ก็เช่นกัน โปรเจคของเขาอยู่ที่กรุงโรม ก่อนที่จะเริ่มนำเสนอแผนงานในวันพรุ่งนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจใช้เวลาว่างๆในวันหยุดพักผ่อนหย่อนใจให้ผ่อนคลายเสียก่อน
เพราะทุกครั้งที่วาดรูปทำให้ใจเขาสงบลง..........

มือเรียวตวัดลายเส้นลากดินสอลงบนผืนกระดาษอย่างคล่องแคล่ว นัยน์ตาคมเข้มจดจ่ออยู่กับภาพเบื้องหน้าไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบกาย เส้นผมสีเข้มแซมสีเทาอ่อนไปตามกาลเวลาที่ผันผ่าน แม้จะล่วงเลยเข้าสู่วัยเลขสามปลายๆย่างเข้าเลชสี่แต่อายุที่มากขึ้นกลับไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมคายนั้นดูหมองลง แต่กลับดูสุขุม ลุ่มลึก เป็นผู้ใหญ่มากยิ่งขึ้น
มือเรียวเก็บดินสอยัดใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตขณะที่ปิดสมุดโน้ตลง กวาดตามองรอบด้านนักท่องเที่ยวเริ่มมากันหนาตัวมากขึ้น
เที่ยงแล้วสินะ............ชักเริ่มจะหิวขึ้นมาหน่อยๆ
เปิดสมุดโน้ตขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เป็นภาพร่างของเด็กหนุ่มร่างบางในอิริยาบถต่างๆที่เขาถ่ายทอดจากความทรงจำผ่านปลายนิ้วออกมาเป็นภาพราวกับคนๆนั้นยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
“เกือบยี่สิบปีแล้วนะเอเลน.......เกือบยี่สิบปีแล้วที่แกจากพี่ไป”
แต่ในระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยเลยสักครั้งที่ชายหนุ่มผู้นี้จะลืมเลือนเด็กหนุ่มไปจากความทรงจำ

“ต้องยอมรับว่าภาพโคลอสเซียมของคุณดูสมจริงและสวยมาก แต่ขอถามอะไรอย่างได้มั้ยว่าคุณแอบวาดรูปผมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เด็กหนุ่มชาวต่างชาติร่างสูงนั่งลงข้างเขาพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจิดจ้า เส้นผมสีบลอนด์ทอง นัยน์ตาสีเขียวมรกตและผิวที่ขาวจนเรียกได้ว่าแทบจะเป็นผิวเผือกบ่งบอกความเป็นเชื้อสายยูโรเปียนของเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างชัดเจน
“รูปในมือคุณ เหมือนผมจังนะว่ามั้ย” เขาพูดย้ำชี้ไปที่หน้าตัวเองและชี้ไปยังสมุดโน้ตในมือของชายชาวเอเชียแปลกหน้า รีไวเบิกตาโพลงจ้องมองเด็กหนุ่มนิ่งงัน
“โอเค คือผมก็ไม่ได้ว่าอะไรแค่อยากจะบอกว่าฝีมือคุณดีมาก ผมเองตอนนี้ก็กำลังเรียนเรื่องการออกแบบแต่ฝีมือการร่างแบบของผมมันห่วยแตก.....คือเพื่อนสนิทผมบอกมาน่ะ” เด็กหนุ่มกล่าวยิ้มๆขณะที่ยื่นมือไปแย่งสมุดโน้ตเล่มนั้นมาเปิดดูอย่างถือวิสาสะ
“จะบอกว่าเป็นผมก็คงไม่ใช่เท่าไหร่ คนในรูปยังดูเด็กอยู่เลยนะ ถ้าจะบอกว่าคุณวาดผมเมื่อตอนอยู่เกรดแปดก็คงไม่ใช่เพราะเราไม่เคยเจอกันมาก่อน” เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่ยื่นส่งสมุดโน้ตคืนให้ รีไวรับกับไปถือไว้เงียบๆ
“คุณพอจะเข้าใจภาษาอังกฤษมั้ย” เด็กหนุ่มถามย้ำ รีไวพยักหน้ารับ
“งั้นก็พูดอะไรบ้างสิ”
“ฉันเองก็คิดว่าเขาไม่ใช่เธอเหมือนกัน” เด็กหนุ่มยิ้มรับ
“ก็นะ.......คือผมรู้ว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิง และก็ไม่ได้มีเจตนาจะจีบหรือว่าอะไร แต่ว่าทั้งๆที่ผมมั่นใจว่าเราไม่เคยเจอกันมาก่อนแต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าผมรู้จักกับคุณ......นานมาแล้ว” เด็กหนุ่มกล่าวยิ้มๆ นัยน์ตาสีเขียวมรกตส่องประกายวิบวับเหมือนอย่างที่เขาเคยเห็นมาก่อน
“ฉันเองก็......รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน” รีไวตอบเสียงเบาขณะที่หัวใจเต้นสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้น
“ดีจริง ผมคิดว่าผมประสาทไปคนเดียวเสียอีก” เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่ยิ้มกว้าง ในจังหวะนั้นเอง มีเด็กหนุ่มที่หน้าเหมือนม้าตะโกนมาจากฟากประตูทิศตะวันออกของสนามกีฬา
“เอเลน!!! กลับกันได้แล้ว”
เด็กหนุ่มโบกมือเป็นเชิงรับทราบก่อนจะหันมายิ้มให้กับชายแปลกหน้าชาวเอเชียอีกครั้ง ทั้งสองเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเอ่ยขึ้น
“เอ่อ......ผมต้องกลับแล้ว พวกเพื่อนผมกำลังรออยู่” รีไวพยักหน้ารับเงียบๆ เด็กหนุ่มพะว้าพะวังอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเขาอีกครั้ง
“คุณจะอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน คือผมชื่นชมฝีมือคุณมากและผมก็หวังว่าจะมีโอกาสได้รับคำแนะนำอะไรดีๆจากคุณบ้าง......คุณว่าไง”
“ก็คงหนึ่งอาทิตย์.........ไม่สิ อาจจะหนึ่งเดือน หรือนานกว่านั้นก็เป็นได้” รีไวกล่าวตอบซึ่งทำให้เอเลนยิ้มกว้างออกมา
“ถ้างั้นเราคงได้เจอกันอีกใช่มั้ยครับ”
“ใช่แน่นอน” เอเลนพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
“เอ่อ.......จะมีทางไหนที่เราจะติดต่อกันได้มั้ย”
รีไวยื่นนามบัตรจากกระเป๋าอกเสื้อส่งไปให้ เอเลนก้มอ่านก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“คุณรีไว......ผมคงต้องไปแล้ว เพื่อนรออยู่”
“แล้วเจอกัน”
“โอเคครับ” เอเลนรับคำขณะที่ก้าวถอยหลังไปช้าๆ เด็กหนุ่มหันหลังกลับมามองเขาอยู่บ่อยครั้งขณะที่เดินห่างออกไป
“เดี๋ยว.....เอเลน......เอเลนใช่มั้ย”
“อ่า.....ครับ” เด็กหนุ่มแลดูปลาบปลื้มมากที่เขาเรียกชื่อของตน
“นี่เที่ยงแล้ว”
“ใช่ครับ”
“แล้วฉันก็หิว”
“เอ่อ.....ผมก็หิว”เอเลนตอบยิ้มๆ
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเพิ่งมาโรม เธอพอจะแนะนำร้านอาหารอร่อยๆสักร้านได้มั้ย”
“ได้สิครับ.....แต่เพื่อนผมรออยู่”
“หลังจากทานข้าวเสร็จ เราค่อยไปหาร้านกาแฟอร่อยๆสงบๆดื่มแล้วคุยกันเรื่องการวางโครงสร้างและการร่างแบบลายเส้นสักหน่อยเป็นไง หลังจากนั้นฉันจะไปส่งนายกลับบ้าน นายกลับไปทบทวนถ้าสงสัยอะไรคืนนี้ก็โทรหาฉัน หรือให้ฉันโทรไปก็ได้แล้วแต่นายสะดวก......ว่าไงหนุ่มน้อย โอเคมั้ย” เอเลนรับฟังคำเชิญชวนของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่กว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อยๆ
“ก็ดีนะครับ งั้นผมจะไปเอากระเป๋ากับเพื่อนก่อน คุณรอผมตรงนี้สักครู่ก็แล้วกัน”
“ไปนานแค่ไหน” พอได้ยินว่าให้รอ รีไวก็เริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมา
“เดี๋ยวเดียวครับ ผมไปไม่นาน” เอเลนตอบก่อนจะเดินห่างออกไปแต่ชายหนุ่มกลับคว้ามือเขาเอาไว้
“ฉันว่า ฉันไปด้วยดีกว่า” เอเลนมองใบหน้านิ่งๆของชายผู้สูงวัยกว่าอย่างตื่นๆก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
“คุณนี่ยึดติดกับอะไรแปลกๆดีเหมือนกันนะ” รีไวกระชับมือเรียวเอาไว้แน่นแล้วออกเดินนำหน้าลากเอาเด็กหนุ่มร่างสูงที่มัวแต่ขำไม่หยุดให้เดินตามมา
“ถ้านายต้องสูญเสียใครสักคนไปเพราะการรอคอย นายจะรู้สึกขำไม่ออก เชื่อฉันสิเจ้าหนู” รีไวเอ่ยเสียงเข้มชักสีหน้าไม่พอใจนิดๆ ทำให้เอเลนกลั้นขำหนักยิ่งขึ้น
“ถ้าไม่อยากรอก็ไปพร้อมๆกันก็ได้ครับ แฟร์ดี ไม่ต้องให้ใครรอใคร”
“ว่าแต่ว่าไอ้เด็กหน้าม้านั่นเพื่อนเหรอ”
“อ๋อ แจนเหรอครับ เพื่อนสนิทเลยแหละ พอดีเลยผมจะได้แนะนำคุณให้เขารู้จักด้วย”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ค่อยถูกชะตากับมันเท่าไหร่”
“แต่เขาเป็นเพื่อนผมนะ คุณไม่อยากรู้จักก็ต้องรู้จักอยู่ดี”
“เว้นมันไว้คน”
“คุณนี่เป็นคนห่ามๆตรงๆดีจริงๆ” เอเลนส่งเสียงหัวเราะชอบใจบีบกระชับมือรีไวเอาไว้แน่น

ชายหนุ่มสองคนเดินเคียงข้างกันพูดคุยสัพเพเหระ สองมือเกาะเกี่ยวสอดประสานยึดมั่นกันและกันไว้แนบแน่นก้าวเดินไปในเส้นทางที่ทอดยาวไปเบื้องหน้าอย่างมั่นคง
ความรักก็เหมือนกับอากาศที่ลอยวนอยู่รอบตัว มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่สามารถรู้สึกได้ และเมื่อถึงเวลาที่ความรักเข้ามาทักทาย เราก็ไม่จำเป็นจะต้อง รอจวบจนมันผ่านเลยไป แค่คว้าเอาไว้ให้แน่นๆและช่วยกันฟูมฟักก็เพียงพอ

“คุณแน่ใจนะว่าไม่อยากทักทายแจน” เอเลนถามย้ำอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“แน่นอนที่สุด แค่ไปเอากระเป๋าแล้วรีบมาก็พอ” เอเลนยิ้มรับก่อนจะหันไปตะโกนบอกกลุ่มเพื่อน
“เฮ้ พวกนายฉันมีใครจะแนะนำให้รู้จัก นี่คุณรีไว ที่ปรึกษาส่วนตัวของฉัน”
“เด็กบ้าเอ้ย!!!” รีไวถึงกับกุมขมับกับความรั้นของเด็กหนุ่มเจ้าถิ่น
“ที่ปรึกษาส่วนตัวอะไรไม่เห็นเคยรู้มาก่อน” แจนเอ่ยขัดขณะที่ยื้อยุดกระเป๋ากับเอเลน
“ที่ปรึกษาส่วนตัว เขาก็ต้องปรึกษากันเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับแก อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องน่า”
“แกจะไปกับเขาเนี่ยนะ”
“เออ.....แล้วเจอกันที่มหาลัย” เอเลนแย่งกระเป๋ามาถือไว้แล้วเดินกลับไปหารีไว ชายหนุ่มทั้งสองเดินจูงมือกันออกไปจากโคลอสเซียมโดยไม่สนใจสายตาหมาเหงาของแจนที่มองตามแผ่นหลังทั้งคู่ไปติดๆ รีไวหันหลังกลับมาปรายตามองเด็กหนุ่มหน้าม้านิดๆรู้สึกสะใจไม่น้อย แจนถึงกับโวยลั่น
“ว้ากกกกกก อุตส่าห์เฝ้ามันมาตั้งแต่เด็ก ถูกไอ้เตี้ยที่ไหนไม่รู้คาบไปกินเอาได้......เอเล้น!!!!!!




 """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" The END""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

2 ความคิดเห็น:

  1. โอ้เศร้าเหลือเกิลลลล
    แต่ตอนจบทำให้รู้สึกดีขึ้นมานิดนึงคะ
    จะรออ่านเรื่องต่อๆไปนะครัช

    ตอบลบ