วันศุกร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Attack On Titan Fan fic.:ผ่าพิภพบันทึกฟาโรห์ -4

Attack On Titan Fan fic.:ผ่าพิภพบันทึกฟาโรห์
Pairing: (LevixEren)
Rate: NC-17
Warning:*เนื้อหาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ตัวละครมีตัวตนจริงในการ์ตูนเรื่องผ่าพิภพไททัน แต่เหตุการณ์และสถานที่ทั้งหมดเป็นนามสมมติที่แอบมีเค้าเรื่องจริงปะปนเล็กน้อย!!!!*
Story By:AkeRah,Trendy Blood
………………………………………………………………………………………………..
Chapter 4:

            เจ็บๆ นั่นคือความรู้สึกแรกที่ได้รับหลังจากแสงสีทองที่ห่อหุ้มกายพลันหายไป เอเลนค่อยๆลืมตาขึ้นแสงคบเพลิงในสุสานของฟาโรห์แห่งอียิปต์ที่ขุดค้นเจอสะท้อนเข้านัยน์ตา รูปปั้นของอนุบิสที่กระทบกับคบเพลิงสะท้อนเด่นชัดถึงสภาพของอายุที่ผ่านมายาวนานของรูปปั้นหิน
            นี่...ตกลงเราฝันไปจริงๆสินะ.... ก่อนที่จะหายใจอย่างโล่งอกกุญแจที่กำแน่นอยู่ในมือของเด็กหนุ่มเป็นสิ่งยืนยันเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อสำรวจร่างกายของตน เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เป็นแนวอียิปต์ยุคโบราณประดับอยู่บนร่างกายของเด็กหนุ่ม เฉกเช่นเดียวกับเหล่าอักขระตัวอักษรแปลกๆที่ถูกเขียนขึ้นบนผิวยังคงเด่นชัด ไม่เพียงเท่านั้นนิ้วมือที่บวมแดงจากการพุพองราวกับโดนของร้อนยังคงรู้สึกแสบที่ผิวเนื้อ ขณะที่เอเลนกำลังตะลึงงันกับสิ่งที่เกิดเสียงเอะอะโวยวายจากภายนอกก็ดังขึ้น และเสียงนั้นก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เป็นเสียงที่เขาคุ้นหูเป็นอย่างดี
            “เอเลนทำไมลูกมาอยู่ที่นี้?” คริชาแปลกใจเมื่อเห็นบุตรชายมาโผล่ในห้องเก็บพระศพขององค์ฟาโรห์ที่ค้นพบ แล้วต้องยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีกกับสภาพของลูกชายสุดที่รักที่ตอนนี้แต่งกายได้เข้ากับสถานที่อย่างน่าตกใจ
            “พ่อไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกจะชื่นชอบวัฒนธรรมอียิปต์จนแต่งองค์ทรงเครื่องขนาดนี้ ตั้งใจมาถ่ายเซลฟี่ให้เพื่อนๆดูหรือไง?” คริชายื่นหน้าเข้าใกล้บุตรชายสำรวจร่างกายของเด็กหนุ่มที่ยังคงนั่งอยู่อย่างงงงวย
            “โฮ่ หาข้อมูลมาดีนี่เรา ไหนดูซิเขียนว่าอะไร .......เทพราผู้คุ้มครอง อวตารลงมาเพื่อช่วยเหลือ....” ชายวัยกลางคนจัดการเดินรอบๆสำรวจลูกชายสุดที่รัก ทั้งจับยกแขนขึ้น ทั้งสำรวจสิ่งต่างๆบนร่างกายแล้วต้องทึ่งกับความเหมือนจริงในทุกรายละเอียดจนเขาอดคิดไม่ได้ว่าบางทีถึงลูกเขาจะชอบอารยธรรมกรีกโบราณ แต่ดูรูปการแล้วความหวังในการให้ฝักใฝ่และหลงใหลวัฒนธรรมอียิปต์คงใกล้แค่เอื้อม
            “พ่อขอถามหน่อย” ร่างที่นั่งนิ่งอยู่นานๆค่อยๆเอ่ยเสียงแผ่ว
            เอเลนหันสบตากับบิดาอย่างจริงจัง ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่นจนคริชาขมวดคิ้วตาม
            “ตอนนี้หน้าผมมีอะไรแปลกๆไหมพ่อ?”
            หลังจากฟังคำถามจากลูกชาย ผู้เป็นพ่อจึงสำรวจใบหน้าและร่างกายของลูกชายไปมา ก่อนใบหน้าสูงวัยนั้นจะทำสีหน้าตึงเครียด
            “เอเลนหน้าของลูก....”
            เด็กหนุ่มเริ่มมีสีหน้าจริงจัง คำสาปไอฟาโรห์นั้นอย่าบอกนะว่าตามมาถึงที่นี้หน้าของเขามีอะไรแปลกๆใช่ไหม!! ทั้งที่กำลังตื่นตระหนกกับท่าทางของบิดา แต่แล้วอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อก็รวบตัวเขาไปกอดแน่นพลางเอาหน้าถูไถกับแก้มเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่
            “หน้าของลูกเหมือนคาร่าแม่ที่ตายไปไม่มีผิดเลย!!!
            “พอเลยพ่อ หนวดมันทิ่ม!!
            เอเลนรีบดันพ่อที่เห่อลูกชายออกห่าง ก่อนจะจัดการดึงมือที่ราวกับคีบหนีบของผู้เป็นบิดาออกนั่นเหนื่อยไม่ใช่เล่น!! เขาก็มัวตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนลืมไปว่าพ่อของเขาเป็นพวกคลั่งลูกชายขนาดไหน ยิ่งเขาหน้าตาถอดแบบแม่ที่เสียไปด้วยอุบัติเหตุด้วยแล้วยิ่งทำให้อาการเห่อลูกของคนเป็นพ่อมีทวีคูณ และเพราะอย่างนั้นตั้งแต่แม่เขาเสียไปตั้งแต่เล็กๆ พ่อจึงเป็นคนเลี้ยงดูเขามาและพาเขาออกสำรวจด้วยบ่อยๆ การที่เขาเขาใจภาษาอียิปต์และอ่านอักษรฮีโรกริฟฟิกออกบ้างจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่มันเป็นสิ่งที่เขาเห็นจำเจจนไม่ได้ใส่ใจ ถึงแม้จะอ่านออกและเข้าใจภาษาแต่เรื่องประวัติศาสตร์เรียกได้ว่ารู้แค่ว่าอียิปต์คือรากฐานของอารยะธรรมลุ่มน้ำไนล์แค่นั้น
            “ว่าแต่ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตอนพ่อเข้ามาที่นี้พ่อเจอศพคนงานเข้า โดนอาวุธมีคมหัวขาดกระจุย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตอนนี้คีธกำลังจัดการแจ้งเจ้าหน้าที่และเร่งตรวจสอบอยู่”
            เอเลนยิ้มเฟื่อนให้กับบิดา จะให้บอกไปคงไม่เชื่อว่าคนงานโชคร้ายคนนั้นโดนรูปปั้นอนุบิสตัดหัวเอาน่ะสิ มีหวังพ่อบ้าคงหาว่าเขาเริ่มเป็นอียิปต์ลิซึ่มเอาก็ได้ จริงสิ!!
            “พ่อไอนี่เปิดหีบศพได้นะ ไม่แน่อาจเจออะไรน่าตื่นเต้นกว่าพระศพฟาโรห์ก็ได้” เอเลนยื่นกุญแจทองคำให้กับบิดา เปิดสุสานได้ทีนี้เขาคงกลับไปเยอรมันได้เร็วขึ้นหรืออย่างน้อยถ้าเกิดแสงประหลาดพาเขาไปที่แปลกๆแบบนั้นอีกคราวนี้ก็มีเจ้าพ่อบ้าไปด้วย และคนคลั่งอียิปต์ขนาดนี้คงรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์เลยล่ะ
            “หืม ได้มาจากไหนนี่ไอลูกชาย?” คริชามองสำรวจกุญแจที่เด็กหนุ่มให้มา กุญแจทองคำที่ดูเหมือนของเก่าแต่กลับสุกสกาวอย่างน่าประหลาด
            “อ...อา.... เจอตกหน้าทางเข้าสุสานน่ะ มันไขหีบได้แน่พ่อลองดูสิ!” ใครจะไปบอกได้เล่าว่าไอรูปปั้นอนุบิสฆาตกรเป็นผู้ที่ให้เขามา ของแบบนี้มีแต่ต้องพาไปเจอของจริงด้วยกันนี่แหละ
            คริชาลองเสียบกุญแจเข้าไปตรงรูกุญแจหีบศพตามที่ลูกชายชี้นำ
            กริ๊ก
            เสียงของกุญแจกับแม่สลักดังสอดคล้องกัน แววตาของชายวัยกลางคนวาววับอย่างตื่นเต้น แต่แล้วต้องผิดหวังเพราะฝาโลงกลับไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
            “อ...อะไรกัน เมื่อคืนผมยังเปิดได้อยู่เลย!” เอเลนคว้ากุญแจจากมือบิดามาลองไขดูเองอีกครั้ง
            เสียงกุญแจกับล็อกที่เข้าสลักกันนั้นได้ยินเด่นชัดแต่ฝาโลงยังคงนิ่งสนิท ไม่มีทีท่าว่าจะยอมขยับโดยง่าย ทั้งที่เมื่อคืนเขาจำได้ว่าฝาโลงนั้นเปิดได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งไม่ปรากฏแสงสีทองที่ทำให้เขาทะลุเวลาได้อีก..... หรือบางทีเขาจะฝันไปเองจริงๆ........ แต่.....แล้วสรารูปเขาตอนนี้ล่ะ จะว่าเขาละเมองั้นเหรอ?!
            แต่ถึงมันจะเปิดไม่ได้เขาก็ไม่ได้อยากเก็บกุญแจไว้หรอกนะ เอเลนจึงจัดการจับยัดมือให้พ่อของตนที่ยังคงง่วนอยู่ในสุสาน แล้วปลีกตัวมาจัดการอาบน้ำล้างเหล่ารอยอักขระที่ถูกเขียนขึ้นบนร่างกาย แม้จะต้องใช้เวลานานเป็นชั่วโมงและถูจนผิวเป็นรอยแดงพื่อลบหมึกเหล่านี้ก็ต้องทำ จะให้เขาเดินออกไปหาผู้คนโดยที่มีอักขระเขียนว่าร่างอวตารแห่งราแบบนี้คงไม่ดีนัก
            หลังจากอาบน้ำอย่างทุลักทุเลจนหมึกทั้งหมดถูกชะล้าง เอเลนจึงจัดการมาเปิดคอมพิวเตอร์แลปทอปที่พกมาเพื่อหาข้อมูลที่เขาอยากรู้
            ฟาโรห์ รีไว ราเมส ที่สอง .....
            อของฟาโรห์หนุ่มถูกพิมพ์ลงในช่องค้นหา ไม่นานนักข้อมูลในโลกอินเตอร์เนตทั้งหมดก็ถูกโหลดขึ้นมาบนหน้าจอให้เขาได้เลือกอ่าน
            ฟาโรห์องค์ที่สองของราชวงศ์ที่สิบเก้า กษัตริย์ที่โด่งดังและมีชื่อเสียง เป็นทั้งนักปกครอง นักรบและนักรัก........... ใบหน้าหวานแสยะยิ้มเหยเกอย่างหมั่นไส้ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าหน้าตาและรูปร่างแบบนั้นยิ่งพร้อมด้วยตำแหน่งขนาดนี้คงไม่พ้นจะมีสนมเป็นฮาเร็ม เผลอๆจะมีลูกนอกสมรสอีกนับไม่ถ้วน ไอเจ้ากษัตริย์หื่นกามนั้นน่าหมั่นไส้ชะมัด!! แล้วตัวเขาที่อายุสิบแปดแต่ยังไร้วี่แววสิ่งที่เรียกว่าแฟนเพราะมักต้องคอยตามเจ้าพ่อบ้าไปนู้นมานี่ตลอด ในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกันแบบนี้มันน่าเจ็บใจสุดๆ เอเลนพยายามข่มความรู้สึกอยากกระโดดเตะคนอายุหลายพันปี แล้วพยายามไล่อ่านข้อมูลต่อ
            ในสมัยของฟาโรห์รีไว อียิปต์มีความเจริญมั่งคั่งและยิ่งใหญ่ มหาวิหารของพระองค์ถูกสร้างไว้มากมายเพื่อบูชากล่าวว่าเป็นเพราะพระองค์ได้รับความคุ้มครองและพรจากเทพราที่จำแลงลงมา หืม!! เทพราที่จำแลง อวตารเทพราที่หมอนั่นพูดถึงสินะ!!
            เอเลนพยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับร่างอวตารของรามากขึ้น ร่างอวตารที่เขาถูกพาดพิงถึงเมื่อไปยังโลกอียิปต์โบราณ

“ยามใดเมื่ออียิปต์มีเภทภัยเทพราจักอวตารมานำทาง
เมื่อนั้นรุ่งอรุณแห่งอียิปต์จะมาเยือน
ภาชนะแห่งราจะมีดวงเนตรสุกใสดั่งแสงสุริยัน
อาภรณ์ที่ห่อหุ้มจะโดดเด่นกว่าใครในทุกชนชั้น
เมื่อร่างจำแลงแห่งรามาถึง
เขาจักนำกุญแจทองคำที่ไขซึ่งความรุ่งเรืองทุกสรรพสิ่งติดมา”

คำที่หมอนั่นกล่าวมีบันทึกไว้จริงๆด้วยแหะ เอเลนหยิบกล่องโลหะที่ใส่อุปกรณ์เครื่องเขียนของตนส่องใบหน้าของตัวเอง นัยน์ตาสีเขียวมรกตสะท้อนเด่นชัดจนเด็กหนุ่มรู้สึกโล่งอก ตอนนี้เขากลับเป็นปกติแล้ว และกุญแจก็อยู่กับพ่อของเขาแล้วด้วยแบบนี้คงไม่มีอะไรแล้วล่ะนะ....
คิดซะว่าเป็นฝันกลางฤดูร้อนแบบนิยายของเชคสเปียร์ก็แล้วกัน บางทีอากาศของอียิปต์คงร้อนมากไปและมนต์ขลังของที่นี้คงทำให้เขาเจอเรื่องแปลกๆไปบ้างก็เท่านั้น แหะ แหะ....
เด็กหนุ่มถอนหายใจก่อนจะกลับไปสนใจข้อมูลในหน้าเว็บไซต์อีกครั้ง อวตารแห่งรานำความรุ่งโรจน์สู่อียิปต์ ความปรีชาแห่งรานำอียิปต์พ้นภัย ฟาโรห์รีไวราเมส คอยให้อวตารแห่งสุริยันเคียงข้างกายทุกย่างก้าว... ที่ให้เคียงข้างเพราะหมอนั่นจะหวังไว้ใช้งานล่ะสิไม่ว่า ที่บังคับและจัดฉากแบบนั้นต้องมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ ดูยังไงจากที่ไอฟาโรห์มือไวนั่นพูดก็คิดจะใช้เขาเป็นเครื่องมือเห็นๆ ก็ไม่แปลกใจหรอกนะเพราะในสมัยก่อนเรื่องเทพเป็นอะไรที่เคารพและนับถือกันมาก ยิ่งบอกว่ามีร่างอวตารของราลงมาด้วยแบบนี้ก็ทำให้เป็นทั้งขวัญและกำลังใจของประชาชนรวม อีกไหนจะเพิ่มความน่าเคารพนับถือจากประชาชนและเหล่าพวกนักบวชหรือขุนนางคนอื่นๆอีก ไอหมอนั่นคิดทั้งหมดนี้เพียงแค่มองเขาปราดเดียวเนี่ยนะ.... อย่าคิดว่าเด็กแบบเขาจะตามตาแก่เจ้าเล่ห์ไม่ทันนะเว้ย ยังไงเขาก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ ต้องหัวใสกว่ามนุษย์แก้ผ้าเดินโทงเทงแบบนั้นอยู่แล้ว หึหึ ...... ว่าแต่.......... จะสนใจทำไมยังไงคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว.......
เด็กหนุ่มส่ายศีรษะไปมาไล่ความคิดที่จะสนใจเรื่องของฟาโรห์รีไวราเมส แต่ร่างกายและมือเจ้ากรรมยังคงไล่อ่านข้อมูลต่อไป ข้อมูลเกี่ยวกับร่างอวตารที่เขาเจอมีเพียงเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายเท่านั้น ที่เห็นเด่นชัดว่ามีตัวตนจะเป็นเพียงแค่มีการทำพิธีบวงสรวงขึ้น ซึ่งของมันแน่อยู่แล้วเพราะเขาหายไปกลางพิธีแบบนี้เลยทำให้ไม่มีข้อมูลมาต่อแน่นอน และเขาก็ไม่คิดจะกลับไปที่ที่อันตรายแบบนั้นด้วยล่ะนะ ถึงอย่างนั้นเขายังคงไล่อ่านประวัติราเมสที่สอง และสงครามที่ในช่วงการปกครองต่างๆจนสิ้น ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกว่าฟาโรห์คนนี้ต้องเป็นปรปักษ์กับเขาแน่นอน ไม่ก็เป็นศัตรูกับผู้ชายทั้งโลก ลูกเป็นร้อยกว่าขนาดนี้อย่าให้ต้องนับเลยว่ามีนางในและนางสนมกี่คน อย่างน้อยตกลูกละคนก็ร้อยห้าสิบเข้าไปแล้ว และไหนจะมีที่ยังไม่ท้องอีกล่ะ!! ไอผู้ชายเจ้าเล่ห์หน้าตายนั้นมีดีอะไรนักหนานักอยากรู้จริงๆ!!!
ระหว่างที่กำลังคร่ำครวญตัดพ้อถึงความแตกต่างในเรื่องของความเป็นบุรุษเพศอยู่นั้น นัยน์ตาสีมรกตก็เหลือบเห็นโปรสายการบินไปกรีซ เด็กหนุ่มไม่รอช้าจัดการจองซื้อตั๋วโดยสารทันที และเนื่องจากเป็นตั๋วบินราคาพิเศษเที่ยวบินจึงมีรอบในอาทิตย์หน้าเท่านั้น ไม่อยู่มันละที่แบบนี้ ไปเที่ยวกรีกตามที่อยากไปแต่ต้นดีกว่าส่วนที่นี่ให้เจ้าพ่อบ้าสรวลฮาเฮกับลุงคีธนั้นแหละ แม้จะรู้ดีว่าพ่อเขาต้องบ่นอย่างหนักและงี่เง่าอยู่บ้างแต่สุดท้ายคงยอมให้เขาไปอยู่ดี ไออาการหวงลูกชายแบบนี้คงต้องให้ลูกชายอย่างเขาอยู่ห่างๆบ้างคงจะรักษาอาการให้ดีขึ้นได้

หลายวันต่อมาแม้ผู้เป็นพ่อจะโอดครวญแต่เอเลนก็ยังคงดื้อดึงที่จะไปกรีก จนผลสุดท้ายอย่างที่เขาคิดไว้แต่แรกแม้จะเจ็บใจแต่คริชาก็ยอมให้บุตรชายสุดที่รักเดินทาง แต่มีข้อแม้ว่าต้องเหลือวันหยุดก่อนเปิดเรียนอย่างน้อยหนึ่งอาทิตย์อยู่กับบิดา
หลังจากที่คนขับรถพาเขามาส่งถึงสนามบินอเล็กซานเตรียเบิร์จอัลอาหรับ ด้วยความเกรงใจเขาจึงให้คนขับรถกลับก่อนไม่ต้องอยู่รอจนเขาขึ้นเครื่องบิน เพราะเขามาก่อนเพียงแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ต้องขอบคุณลุงคีธที่จัดการให้เจ้าพ่อบ้าไปจัดการเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับคนงานที่เสียชีวิต เขาเลยไม่ต้องมาอายเพราะบทโศกที่อาจเกิดขึ้นกลางสนามบินของผู้เป็นพ่อ
หลังจากโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องเรียบร้อยจนเหลือเพียงเป้สะพายคู่ใจ เด็กหนุ่มจึงเดินไปเข้าห้องน้ำ เอเลนจัดการล้างมือในอ่างตามด้วยล้างหน้าเพื่อล้างคราบฝุ่นทรายที่เกาะตามผิวหน้า และแขน ในที่สุดก็จะได้ไปกรีกสักที ดินแดนแห่งปรัชญาและความงามที่สมบูรณ์แบบ
แกร๊ก!
ระหว่างที่กำลังรู้สึกผ่อนคลายและลิงโลดอยู่นั้น ประตูห้องน้ำที่เขาเพิ่งเดินเข้ามาไม่นานกลับเปิดไม่ได้ราวกับถูกล็อกจากด้านนอก เอเลนขมวดคิ้วมุ่นกับความซวยของตัวเอง เด็กหนุ่มจึงได้แต่พยายามตะโกนและเคาะประตูเพื่อขอความช่วยเหลือแต่กลับไม่มีใครผ่านมาหรือได้ยินเขาสักราย
หวังว่าจะพอมีอะไรในตัวที่พอจะไขได้นะอย่างน้อยก็คงเป็นพวกบัตรแข็งๆ ระหว่างที่กำลังล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อควานหาบัตรสักใบมาจัดการกับประตูสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะมีอยู่ในกระเป๋ากลับติดออกมาด้วย...
กุญแจทองคำ....
ฮ... เฮ้ย!! ไอกุญแจบ้านี้มาได้ไง ฝากไว้กับเจ้าพ่อบ้าไปแล้วแน่ๆไม่มีทางที่จะมาอยู่ในกางเกงเราแบบนี้!! ไม่ตลกเลยนะ มันต้องเป็นเพียงเรื่องบังเอิญแน่ๆ บางทีพ่ออาจเผลอมาใส่ไว้ในกางเกงเรา......แล้วพ่อจะมาใส่ทำไม? กางเกงไซส์ที่พ่อใส่กับที่เขาใส่ไซส์ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด หรือว่านี้จะเป็นความจงใจของใครบางคน? ไม่หรอกเขาคงคิดมากไป ตอนนี้เขาควรใช้การ์ดเปิดประตูออกไปจากที่ต้องนี้ก่อน
กึก
บัตรแข็งใบที่ 5 บิดงอ มือบางเริ่มสั่นระริกกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเปิดประตูด้วยการ์ดแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องใช้การ์ดถึง 5 ใบ ชักไม่ตลกละนะราวกับจงใจงั้นแหละ!!! เอเลนชำเลืองไปที่กุญแจสีทองที่เขาทิ้งลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี...... เคยได้ยินเรื่องกุญแจผีมาก็เยอะอยู่หรอกนะ แต่กุญแจผีแบบนี้เขาก็เพิ่งเคยเจอ!!
ใจเย็นไว้เอเลน เยเกอร์มันก็แค่เรื่องบังเอิญ อย่างน้อยก็มือมือถือคงติดต่อใครได้........ แล้วความคิดก็ต้องดับวูบลงเพราะสัญญาณโทรศัพท์ที่ควรจะมีกลับว่างเปล่าไม่เหลือสักขีด อีกทั้งยังขึ้นเป็นรูปเครื่องหมายกากบาทปฎิเสธสัญญาณอย่างชัดเจน
เด็กหนุ่มมีความรู้สึกราวกับจะหน้ามืดเสียให้ได้ ถ้ามีเปรียบเป็นเกมส์ในเกมส์RPG ตอนนี้เท่ากับว่าเขาโดนบังคับให้รับทำเควสที่ปฏิเสธไม่ได้อยู่สินะ!! ไม่หรอกเขาคงคิดมากไป บางทีนี่คงเป็นกุญแจคนละดอกกันและก่อนหน้านี้เขาเคยลองไขกับหีบศพดูแล้วก็ไขไม่เห็นได้ เป็นแค่กุญแจปกติเท่านั้นแหละนะ อีกอย่างกุญแจโบราณแบบนี้จะมาไขกับกลอนสมัยใหม่ได้ยังไง ระหว่างกำลังประเมินความคิดในหัวนัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองกลอนประตูที่ลูกบอดมีช่องเสียบลูกกุญแจ จากปกติที่กลอนมักเป็นแบบแบนตามสมัยนิยม ทำไมตอนนี้เขารู้สึกว่าช่องเสียบดูเหมือนจะใส่ลูกกุญแจดอกนี้ได้กัน?
เอเลนพยายามรวบรวมสติและสมาธิ เด็กหนุ่มจึงกลับมาที่การพยายามบิดประตู เคาะ กระแทก รวมทั้งตะโกนขอความช่วยเหลืออีกครั้ง แต่ทุกอย่างยังคงเงียบงัน ราวกับว่าเขาถูกตัดขาดจากโลกภายนอกยังไงอย่างงั้น เอเลนชำเลืองมองกุญแจที่อยู่ที่พื้นอีกครั้ง ก่อนจะฝืนใจเก็บขึ้นมา เอาน่ายังไงก็เคยไขไปแล้วและมันก็ใช้งานไม่ได้แล้วด้วยตอนนี้ก็คงเหมือนกัน ไม่ใช่กุญแจผีสักหน่อย เป็นแค่กุญแจทองธรรมดาที่หน้าตาคล้ายกันเท่านั้นเอง...
เด็กหนุ่มพยายามรวบรวมสติและความกล้าก่อนจะกลืนน้ำลายหนืดลงคอ ลูกกุญแจถูกเสียบเข้าช่องก่อนจะถูกไข
กริ๊ก
เสียงสลักดังขึ้น เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อทุกอย่างยังคงสู้สภาวะปกติ ใบหน้ามนยิ้มบางก่อนจะจัดการไขกลอนจนสุดเพื่อเปิดประตู แสงสว่างสีทองจ้าอร่ามโอบอุ้มร่างบางและสัมภาระ เอเลนหลับตาแน่นกับประกายจ้าของแสงสีทอง
เปลือกตาบางค่อยๆขยับเมื่อรู้สึกว่าแสงจ้าที่แสบตาเริ่มจางลง แต่ใบหน้าหวานต้องตะลึงงันกับในหน้าคมคายที่อยู่เบื้องหน้าแทน
“ถึงเจ้าจะเป็นชายแต่อย่างเจ้าข้าก็ไม่รังเกียจหรอกนะเจ้าหนู”
“แว๊ก!!!!!!!!!!
เอเลนรีบดีดตัวขึ้นสุดแรง ใบหน้าคมคายที่เขาไม่อยากนึกถึงอยู่ใกล้เพียงแค่ปลายจมูก มิหนำซ้ำเขายังคร่อมร่างกำยำนั้นบนเตียงอีกต่างหาก
“ที่จริงเจ้ากำลังเชิญชวนข้าอยู่สินะ ครั้งแรกก็ที่ห้องน้ำ บัดนี้มาอยู่บนที่นอนของข้า”
“ไม่มีทาง!! ทำไมผมต้องอยากให้ท่าคนแบบคุณด้วย และขอย้ำอีกครั้งผมเป็นผู้ชายชอบผู้หญิงนะครับ!!
เอเลนพยายามตะกายตัวให้ออกห่างชายหนุ่ม ตกลงว่านี้เขาต้องมาทำเควสเหมือนในเกมส์จริงๆรึไงกัน!! ตลกเกินไปแล้ว และโผล่มาทั้งทีทำไมต้องมาคร่อมเจ้าผู้ชายล่ำบึกแบบนี้ด้วย จะเป็นคลีโอพัตราสวยๆไม่ได้รึไง!!
พอถึงปลายเตียงร่างบางกลับโดนกระชากตัวเข้าหาเจ้าของห้องอีกครั้ง มือแกร่งเชยคางเด็กหนุ่มขึ้นมอง นัยน์ตาคมกล้าจ้องเขม็งกับใบหน้าของเด็กหนุ่มจนเอเลนเริ่มเหงื่อตก
ตกลงทำไมหมอนี่ชอบจ้องเขาจัง ไอผู้ชายเจ้าชู้มักมากแบบนี้อย่าบอกนะว่าแม้แต่ผู้ชายด้วยกันก็ไม่เว้น ไม่ตลกละนะแบบนั้น!!
“เจ้าน่ะที่จริงแล้วเป็นใครกัน? ถ้าไม่ใช่นักฆ่าหรือจะเป็นพวกพ่อมดหมอผี เมื่อสักครู่มีแสงสีทองสว่างจ้าปรากฏและเจ้าก็ออกมาจากแสงนั้น เช่นเดียวกับงานบรวงสรวงเมื่อสามเดือนก่อนที่เจ้าหายไป”
ห๊ะ เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันนี่เขาหายจากที่นี้ไปถึงสามเดือนเลยงั้นเหรอ! สิ่งที่เกิดขึ้นจะบอกเขาเป็นพ่อมดหมอผีในยุคนี้ก็คงไม่แปลกล่ะนะ แต่...มันมีเด็ดกว่านั้นที่หมอนี่วางไว้ให้เขาอยู่แล้ว
เอเลนส่งยิ้มเป็นประกายกล้าให้กับชายหนุ่ม นัยน์ตาสีอร่ามจ้องมองนัยน์ตาคมตอบกลับอย่างแกร่งกล้า
“ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าข้าคือภาชะนะแห่งรา อวตารเทพสุริยัน การหายตัวและปรากฏตัวด้วยแสงราวกับอาทิตย์สาดส่องนั้นก็บอกท่านแล้วมิใช่รึ?”
เอเลนแอบกลั้นขำในใจกับการพูดจาที่ต้องเหมือนคำโบราณของตน แต่แบบนี้เผื่อจะทำให้ชายหนุ่มอย่างน้อยรู้จักเกรงใจเขาบ้าง แต่บางทีเขาอาจคิดผิดเพราะคนตรงหน้ากลับส่งยิ้มราวกับรู้สึกถูกใจให้เขา
“ไม่เลว... ข้าเริ่มเชื่อแล้วว่าคำทำนายอาจเป็นจริงดั่งที่จารึก ดังนั้นช่วยไขข้อกังขาข้าทีว่าเจ้าไปที่ใดมาแล้วกลับมาที่นี้ได้อย่างไร?”
ใบหน้าหวานเริ่มยิ้มเกร็ง ไม่เพียงแต่ไม่คิดจะยำเกรงเขาบ้างแต่เจ้าหมอนี่กำลังพยายามไล่ต้อนเขา ไม่สิเรียกให้ถูกพยายามสอบสวนเขามากกว่า เอเลนชำเลืองมองกุญแจที่อยู่ในมือ ยังไงก็ไม่มีทางบอกหมอนี่เด็ดขาดว่าเขามาที่นี้ได้ยังไง ดูยังไงนี่ก็เป็นศัตรูกับเขาชัดๆ ทางหนีทีไล่ของเขาทั้งทีแบบนี้จะบอกให้โง่ทำไม!
“ข้าไปมาได้ดั่งใจนึก เพียงแค่ข้านึกอยากไปก็ไป อยากมาก็มา ท่านก็รู้เทพรู้ทุกสิ่งและสามารถไปได้ทุกที่”
“โฮ่ ไม่เลว ข้าเป็นกษัตริย์ที่มีเทพเคียงกายสินะ ข้าหวังว่าเจ้าจะทำหน้าที่ของเจ้าได้ดีเอเลน .......อวตารเทพของข้า..”
“เดี๋ยวก่อนข้ายังไม่บอกเลยนะว่าข้าจะเป็นเทพของท่านหรือจะช่วยท่านน่ะ!!” เอาแต่ใจชะมัดเรื่องอะไรที่เขาจะต้องยอมช่วยศัตรูด้วยล่ะ!
ฉัวะ!
ขนนกที่ถูกยัดแน่นในหมอนใบใหญ่ปลิวว่อนกระจาย ร่างกำยำตวัดมีดอย่างรวดเร็วจนแทบมองไม่เห็นใบหน้าคมคายจ้องมองเด็กหนุ่มนิ่งงัน
“ถึงเป็นเทพแต่ก็เป็นร่างภาชนะ อย่างที่ข้าเคยให้เจ้าเลือก หรือจะให้ข้าควักนัยน์ตาสีอร่ามของเจ้าไว้ใช้งานล่ะเด็กน้อย?”

.........จากใจเลย เขาเกลียดหมอนี่ชะมัด!!!!....................