เวลาพลบค่ำเช่นนั้น
ห้องทำงานส่วนตัวที่ควรจะปิดไฟไปนานแล้วกลับยังคงมีไฟเปิดสว่างอยู่
ผู้กองหนุ่มยังคงนั่งอยู่หน้าจอคอม ไล่ดูรายละเอียดภาพถ่ายที่เกิดเหตุและศพผู้เสียชีวิตที่เพิ่งไปเก็บหลักฐานมาเมื่อตอนกลางวันนี้
ภาพที่เขากำลังพินิจอยู่ขณะนี้คือภาพโถงห้องประชุมที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด และศพของเฟอร์นันโดที่นอนแผ่เศษก้อนเนื้อสมองกระจายเต็มพื้น
“ดูจากลักษณะการตายแล้วเนี่ย เป็นการจ่อยิงระยะเผาขนเลยสินะ”เสียงที่ดังแหวกอากาศมาลอยๆทำเอาคนที่กำลังดูภาพศพอยู่ถึงกับสะดุ้ง
“สารวัตร......ผมตกใจแทบแย่”
“นึกไม่ถึงว่าผู้กองหนุ่มเซเล็บ เอลวิน สมิธจะขวัญอ่อนขนาดนี้” สารวัตรใหญ่หัวเราะหึหึชอบใจ
“สู้กับคนก็ยังพอว่า.....แต่ถ้าสู้กับผีนี่ ยังไงก็คงต้องขอผ่านล่ะครับ” เอลวินถอนหายใจยาวพลางเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้
“พอจะเจอเบาะแสอะไรบ้างรึยังผู้กอง”
“ตอนนี้ผมกำลังรอผลชันสูตรพลิกศพจากซาช่าอยู่ครับ
แล้วกะว่าจะไปสอบปากคำพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์อีกที”
“คดีนี้เป็นคดีใหญ่ ค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน รีบร้อนมากๆเดี๋ยวจะพลาดประเด็นสำคัญๆไปได้นะ” มือใหญ่ตบบ่าผู้กองหนุ่มเบาๆ เอลวินยิ้มรับ
“ขอบคุณครับลุงที่ช่วยเตือน ลุงกลับไปก่อนเลยนะครับ
ผมขอตรวจสอบหลักฐานพวกนี้อีกหน่อย ไม่ต้องรอทานข้าวเย็นนะครับ”
“อย่าหักโหมล่ะ” ผู้เป็นลุงเอ่ยขึ้นก่อนจะออกจากห้องไป
เป็นจังหวะเดียวกับที่มีกลุ่มคนเปิดประตูห้องเข้ามาพอดี
“โอ้......สารวัตร ตกใจหมด ผมนึกว่าแพนด้าที่ไหนหลุดจากกรงมาเพ่นพ่านแถวนี้เสียอีก” เสียงหยอกเย้าของโคนี่ดังแว่วมา
“อยากเล่นอะไรก็ให้มันมีขอบเขตบ้างนะหมวด อยากเข้าไปทัวร์ห้องกรงรึยังไง”
“โถ่.....ลุงหลานคู่นี้เอะอะก็สั่งขัง ตล๊อด ตลอด อ่ะ”
“อย่างนายมันสมควรโดนแล้วล่ะ”
“กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อย่ามัวแต่ลุยงานจนลืมกินข้าวเย็นกันล่ะ” สารวัตรใหญ่ยื่นเงินจำนวนไม่น้อยให้โคนี่แล้วเดินออกจากห้องไป
“แหม ท่านสารวัตรก็......ใจดีตลอดเว แบบนี้เสมอเลยนะครับ” โคนี่โบกเงินในมือเล่นอย่างอารมณ์ดี
“เลิกเล่นได้แล้ว!!! ของที่สั่ง ว่ายังไง”ซาช่าล้วงม้วนวิดีโอขนาดเล็กออกมาจากอกเสื้อส่งให้ร่างสูงไป
“ได้มาแล้วค่ะ”
ภาพที่ปรากฏอยู่หน้าจอคอมค่อนข้างจะขุ่นมัวเล็กน้อย
“ทำให้ชัดกว่านี้หน่อยได้มั้ย”
ใช้เวลาเพียงครู่เดียว
โคนี่ก็คอนเวิร์ทไฟล์กล้องวงจรปิดคุณภาพต่ำให้กลายเป็นไฟล์ภาพที่คุณภาพดีขึ้น ภาพที่ชัดเจนทำให้เห็นได้ว่างานประมูลนี้เป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าเจ้าพ่อวงการตลาดมืดที่ไม่ได้มีเพียงแค่ในอิตาลีเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน รัสเซีย เยอรมันรวมทั้งผู้ทรงอิทธิพลจากประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆต่างก็มารวมตัวกันที่งานครั้งนี้
“รู้สึกว่างานนี้จะใหญ่เลยนะคะ”
“พวกตัวเป้งๆมารวมกันที่งานนี้หมด ไม่คิดว่ามันมีอะไรแอบแฝงรึไง
มันเป็นแค่งานประมูลสินค้าตลาดมืดเท่านั้นจริงๆหรือเนี่ย” โคนี่พึมพำเบาๆ
“ค่อยๆดูไปทีละจุดดีกว่านะ” เอลวินเริ่มขยับเก้าอี้เข้าใกล้หน้าจอ
เวทีที่ใช้ในการดำเนินการประมูลค่อนข้างใหญ่
ผู้เข้าร่วมประมูลต่างรวมตัวกันอยู่ที่ลานว่างตรงกลาง
ส่วนการ์ดผู้รักษาความปลอดภัยจะเรียงรายดูแลความปลอดภัยกันอยู่วงนอก
ภาพจากกล้องแสดงให้เห็นว่างานประมูลกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีไม่มีวี่แววของความผิดปกติใดๆ
จนกระทั่งถึงตอนที่เริ่มการประมูลค้ามนุษย์ ชาย
หญิงกลุ่มหนึ่งถูกนำตัวออกมาที่หน้าเวทีประมูล
หนุ่มร่างบางถูกดันตัวออกมาด้านหน้าสุดของแถว ซึ่งในขณะนั้นดูเหมือนว่า เฟอร์นันโดกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ทรุดลงจมกองเลือด ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นเมื่อเหล่าบอดี้การ์ดต่างเปิดฉากสาดกระสุนใส่กันจากทุกทิศทาง
“รีกลับไปก่อนหน้านี้สิ” โคนี่กรอภาพกลับไปยังช่วงก่อนหน้าที่จะมีการนำตัวตุ๊กตามนุษย์ออกมาโชว์
เอลวินจ้องมองภาพบนหน้าจอ ตาไม่กระพริบ
“ตรงนี้ ซูมเข้าไป”นิ้วยาวชี้ไปที่ชายชุดดำคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินฝ่าฝูงคนเข้าไปด้านใน
โคนี่ซูมภาพเข้าไปอีก
“ขอหน้าชัดๆ” ผู้กองหนุ่มออกคำสั่งอีกครั้ง แต่คราวนี้โคนี่ไม่ได้ทำตาม
เขาหันกลับไปมองหน้าผู้กองหนุ่มเงียบๆ
“อะไร?” ร่างสูงหันไปเอ่ยถามคนที่มองตน โคนี่เงียบกลับกลายเป็นว่าซาช่าช่วยตอบแทน
“ฉันเข้าใจโคนี่นะคะผู้กอง นี่มันกล้องวงจรปิด ไม่ใช่กล้องวิดีโอ HD
สักหน่อย มันเห็นขนาดนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว”
“โอเค ได้ งั้นเอาให้ชัดที่สุดเท่าที่นายจะมีปัญญาก็แล้วกัน” เหมือนจะประชดอยู่หน่อยๆ โคนี่กดเล่นภาพวิดีโออีกครั้งพร้อมกับทำการซูมเฉพาะจุดไปที่ชายชุดดำคนที่ว่า
ชายผู้นั้นกระซิบอะไรบางอย่างกับเฟอร์นันโดก่อนจะควักปืนออกมาจ่อยิงโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว
พอเริ่มมีการกราดยิงกัน ชายผู้นั้นก็อาศัยช่วงชุลมุนลอบขึ้นไปบนเวทีประมูล
คว้าตัวตุ๊กตาชายร่างบางคนนั้นไป
เขาใช้ร่างของตนเป็นโล่กำบังในขณะที่พยายามฝ่าดงกระสุนออกจากที่แห่งนั้นพลางสาดกระสุนใส่ทุกคนที่ขวางหน้า
ช่วงจังหวะที่ชายชุดดำหันมาหากล้องวงจรปิด โคนี่ได้ทำการแคปภาพเอาไว้
แถมยังแคปติดเอาเสี้ยวหน้าของตุ๊กตาที่ซุกอยู่กับอกของคนๆนั้นเอาไว้ด้วย
“ภาพแตกขนาดนี้ จะดูออกได้ไงวะ”
“รอดูเวทย์มนต์ของพ่อมดไอทีได้เลยครับผู้กอง” โคนี่ตอบพร้อมกับจัดแจงเซฟภาพลงแฟ้มคดีเอาไว้ก่อนจะเปิดเล่นวิดีโอต่อ
การเปิดฉากยิงกันยังคงดำเนินไปอีกระยะก่อนจะยุติลง
เลือดสีแดงสดไหลเจิ่งนองไปทั่วพื้น คนเจ็บและคนตายนอนกองกันเกลื่อน เมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก
โคนี่จึงคิดจะปิดวิดีโอลงแต่ถูกเอลวินห้ามไว้ก่อน
“อย่าเพิ่ง ดูไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่เราเข้าตรวจค้น”
“ผู้กองครับ ดูไปก็เท่านั้น ภาพคนร้ายก็ได้มาพอลางๆแล้ว ผมว่า
เอาเวลามาวิเคราะห์รูปนั้นไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“ดูไปจนจบ”
ผู้กองหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิม
อะไรบางอย่าง อาจจะเป็นลางสังหรณ์มันบอกเขาว่า วิดีโอชุดนี้มีเบาะแสอะไรบางอย่างที่เขาจะพลาดไม่ได้
ภาพตรงหน้ายังคงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงนานจนเกือบยี่สิบนาที
จนกระทั่งมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าสู่ห้องประมูล
“พวกนี้มันใครกัน” ซาช่าหยีตายื่นหน้าเข้าไปมองชัดๆ
“ซูมเข้าไป”
ภาพโฟกัสของคนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้ามานั้นแทบไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ให้ยาก
ในเมื่อภาพมันชัดเจนเสียขนาดนี้
“บอร์ดบริหารใหญ่ เอเคคอร์เปอร์เรชัน .................รีไว แอคเคอร์แมน!!!!”
ถึงแม้คนอื่นๆจะแยกย้ายกลับกันไปหมดแล้วแต่เอลวินยังคงง่วนอยู่กับการเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้นจนเมื่อหลับตาก็สามารถไล่เรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในหัว
นิ้วยาวคลึงขมับตนเองเบาๆ พลางหลับตาลงเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด
“คงต้องคุยกันสักหน่อยแล้วล่ะ รีไว แอคเคอร์แมน”
นึกไม่ถึงว่ากลับมาดึกขนาดนี้แล้วยังจะเจอเอเลนนั่งอยู่หน้าจอโทรทัศน์
“ทำไม.....” คำถามเรียบๆ สั้นๆ
แต่เล่นเอาคนถูกถามร้อนๆหนาวๆได้เหมือนกัน
“คือ ไม่ว่าจะหลอกล่อยังไง คุณเอเลนก็ไม่ยอมไปนอนครับ บอกว่าจะรอคุณท่าเดียว” เบลทรูทก้มหน้าตอบเสียงเบา รีไวพยักหน้ารับพอจะเข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง
จะโทษฝ่ายนั้นอย่างเดียวก็คงไม่ได้
“ดึกแล้ว......ไม่ง่วงเหรอ” พอได้ยินเสียงของคนที่รอ เอเลนก็รีบวางรีโมท
วิ่งมาหาชายหนุ่มทันทีนัยน์ตากลมโตแลดูปรือเล็กน้อย
“ง่วงแล้วทำไมไม่ไปนอน”
“นอนไม่หลับ.....เจ้านาย”
“ทั้งๆที่ตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยนะ” เอเลนไม่ได้ตอบ แต่กลับซุกหน้าเข้าหาชายหนุ่มแทน
“ไม่หลับจริงๆ”
“เอาข้อมูลพวกนั้นไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานฉันก่อนนะ”
“ครับ” เบลทรูทรับคำยิ้มๆเพราะรู้ดีว่าตอนนี้รีไวมีสิ่งสำคัญที่จะต้องให้ความสนใจมากกว่างานในมือนั่นก็คือต้องไปกล่อมเด็กเข้านอน
ลากเอาเจ้าเด็กขี้อ้อนขึ้นไปบนห้องนอน
เสื้อผ้าที่สวมอยู่ยังเป็นชุดเดียวกับเมื่อเช้า ท่าทางจะยังไม่ได้อาบสินะ
“ถอดเสื้อผ้าออก” เอเลนจัดแจงเปลื้องเสื้อผ้าของตนตามคำสั่งโดยไม่เคอะเขิน
“ลงไปแช่น้ำอุ่นสิ” ขณะที่ลูบไล้สบู่หอมลงบนผิวกายบาง
รีไวก็พูดกับคนที่แช่อยู่ในอ่างไปด้วย
“จำไว้ ถ้าง่วงก็ไปนอน ไม่ต้องรอฉัน อาจมีบางวันที่ฉันกลับดึก เพราะฉะนั้น
อาบน้ำเองแล้วก็เข้านอนซะ ไม่ต้องนั่งรอฉันจนดึกดื่นแบบนี้อีก” เอเลนพยักหน้ารับแล้วจึงเริ่มลูบไล้สบู่ไปตามเนื้อกายของตนเอง รีไววางมือ
เฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของร่างบางอยู่เงียบๆ
ชีวิตคุณ จะยึดติดกับคำสั่งของเจ้านายเพียงอย่างเดียวรึไง...........เอเลน
“เข้าไปแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ ฉันจะอาบบ้าง”
ร่างบางพยักหน้ารับแล้วออกจากห้องไป
นึกไม่ถึงจริงๆว่าเมื่อรีไวกลับออกจากห้องน้ำอีกครั้งจะยังเจอเอเลนนั่งรออยู่
“จะต้องให้ทำยังไง ถึงจะยอมนอน”
เอ่ยถามเบาๆด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เจ้านาย......กอด”
“อะไรนะ” เสียงที่ได้ยินมันเบามากเสียจนรีไวฟังไม่ถนัด
“กอดผมหน่อย”
เสียงที่ตอบกลับมาดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
รีไวนิ่วหน้า
‘กอด’ ไม่ใช่ไม่รู้
ว่าหมายถึงอะไร แต่ในตอนนี้และสภาพแบบนี้ มันจะดีเหรอ.....
“มานี่สิ......มาให้ฉันกอด”
เมื่อเห็นวงแขนกว้างเปิดรับ
เอเลนก็รีบโผเข้าหาทันที รีไวกอดร่างนุ่มไว้แล้วโน้มตัวลงบนที่นอน เอเลนเองก็กอดชายหนุ่มเอาไว้แน่นริมฝีปากบางจุมพิตเบาๆที่ปลายคางอย่างออดอ้อน
นัยน์ตาสีเขียวมรกตช้อนมองชายหนุ่มด้วยความเว้าวอน รีไวมองภาพตรงหน้าแล้วพึมพำออกมาเบาๆ
“สาบานได้มั้ย ว่าไม่ได้ตั้งใจยั่วฉันอยู่”
“ผมไม่ยั่วเจ้านาย.......เป็นตุ๊กตาต้องเชื่อฟัง” ว่าพลางส่งยิ้มซื่อๆไปให้
“แล้วถ้าฉันบอกให้นอน จะยอมนอนมั้ย” เอเลนส่ายหน้า
พรมจูบลงบนใบหูร่างสูงแล้วกระซิบเบาๆ
“ไม่นอน.....เจ้านายกอดหน่อย”
มาถึงขั้นนี้ก็อดไม่ได้จริงๆที่จะลองลิ้มชิมกลีบปากบางสีหวานตรงหน้า
รสจูบบางเบาที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะลิ้มรสชาติเพียงเล็กน้อย กลับทวีความเร่าร้อนขึ้น เอเลนเบียดกายเข้าหาร่างสูง
ช่างยากเย็นเสียเหลือเกินที่จะฉุดรั้งตนเองให้หลุดจากความวาบหวามที่แสนอ่อนไหวนี้
“เป็นตุ๊กตา ต้องเชื่อฟัง ฉันพูดอะไรก็จะฟังใช่มั้ย”
“อืม” ร่างบางตอบรับในขณะที่พยายามยื่นปากไปสัมผัสชายหนุ่มอีกครั้ง
รีไวก้มลงจูบเปลือกตาทั้งสองข้างทำให้เอเลนหลับตาลง
“ห้ามลืมตาขึ้นมาเด็ดขาด....นี่คือคำสั่ง” พอบอกว่าเป็นคำสั่ง
เอเลนก็ไม่กล้าขัดขืน รีไวยิ้มแล้วเคาะจมูกรั้นของร่างบางเบาๆ
“คืนนี้ก็หลับตาไว้แบบนี้ จนกว่าจะเช้า แล้วมือก็ห้ามซนด้วย” กระซิบเบาๆพร้อมรวบเอวบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด
“อืม” เสียงครางตอบรับมาเบาๆ
ไม่น่าเชื่อคนที่บอกว่านอนไม่หลับ
พอเอาเข้าจริงกลับหลับไปในเวลาอันรวดเร็วเหลือเชื่อ
มือใหญ่ปลอบประโลมลูบแผ่นหลังเบาๆ
“พักผ่อนเถอะ.....แล้วพรุ่งนี้ ช่วยตื่นขึ้นมาเป็นตัวเองสักทีเถอะนะ....เอเลน”
อากาศที่เย็นในยามดึกสงัด
ปลุกให้รีไวตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
นาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังบอกให้รู้ว่าขณะนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว นอกหน้าต่าง
สายฝนกระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสาย
“ฝนตกเหรอ มิน่าถึงเย็นขนาดนี้” ขนาดเขายังรู้สึกหนาว
แล้วคนข้างๆล่ะ
รีไวจัดการคลุมผ้าห่มให้เอเลนที่นอนขดอยู่ข้างๆ
ก่อนจะลุกออกไปยังห้องทำงานของตนซึ่งมีคนรออยู่นานแล้ว
“โทษที เผลอหลับไป ไม่ได้ตั้งใจจะให้รอนานขนาดนี้”
รีไวเอ่ยขึ้นขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตัวโต เบลทรูทยื่นซองเอกสารส่งให้พลางยิ้มรับ
“ผมเข้าใจครับ......คุณเอเลนน่ารัก”
“ฉันไม่ได้ต้องการจะให้มันเป็นแบบนี้หรอกนะ เบลทรูท”
รีไวตอบกลับขณะที่หยิบเอกสารออกมาดู
“ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่าครับ อย่าเร่งรัดมาก คุณเอเลนบอบช้ำมามาก
ยิ่งเรารีบร้อน อาจทำให้สภาพจิตใจแย่ลงไปได้”
“ทั้งๆที่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
“ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี คุณเอเลนจะต้องดีขึ้นแน่นอนครับ.......รายงานฉบับนี้คือสถานการณ์ล่าสุดของออแลนโด้
เลนซ์และสภาพคล่องทางการเงินครับ”
รีไวกวาดตาอ่านเอกสารในมือคร่าวๆ
แล้วส่งรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา
“ดูเหมือนกำลังจะเจอปัญหาใหญ่”
“ครับ.....รู้สึกว่าตอนนี้ถึงขั้นขายหุ้นของเลนซ์กรุ๊ปเกือบครึ่งไปแล้วด้วยครับ”
“ถึงกับขายสมบัติกิน คนอย่างมันไม่มีสำนึกหรอก
ขนาดพี่ชายกับหลานแท้ๆยังขายได้ อีกสักหน่อย มันคงขายลูกมันกิน”
“แต่ในตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีของเรานะครับ เหมาะแก่การลงทุนเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งสถานการณ์ทางด้านการเงินของฝ่ายนั้นย่ำแย่ ข้อเสนอของเราก็ยิ่งน่าสนใจไปใหญ่”
“ฉันไม่ยอมเสียเงินให้พวกมันฟรีๆหรอกนะ งานนี้มันต้องเล่นเกมกันสักตั้ง”
“จะให้เริ่มลงมือเมื่อไหร่ดีครับ”
“เอาไว้เตรียมทุกอย่างให้พร้อม แล้วค่อยว่ากันอีกที สืบข่าวออแลนโด้ เลนซ์ต่อไปเรื่อยๆ
ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างของมันทั้งหมด”
“ครับ นายท่าน”
“เบลทรูท รอจนดึกขนาดนี้กลับไปพักผ่อนเถอะ”
“คุณเองก็พักผ่อนบ้างนะครับ อย่าหักโหมมากเกินไป ร่างกายจะแย่เอา”
ยามเมื่อชายหนุ่มร่างสูงก้าวพ้นออกจากห้องไป
รีไวหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาดูอีกครั้ง
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมประดับอยู่บนใบหน้าคมคาย
“ออแลนโด้ เลนซ์ หนี้ที่ติดค้างไว้ แกจะต้องชดใช้อย่างสาสม” รีไวเอนกายพิงพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
นัยน์ตาสีเข้มเหม่อลอยไปไกลจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง
เด็กน้อยผอมบางใบหน้าผ่องใสส่งยิ้มให้
มือเล็กยัดของบางอย่างลงบนมือคลุกฝุ่นของเด็กอีกคนพร้อมทั้งกำชับเสียงดัง
“ให้แล้วให้เลยไม่รับคืน ของที่ฉันให้ ต้องเก็บไว้ให้ดี
มันสำคัญมากนะรู้ไหม พกติดตัวไว้ พระเจ้าจะได้คุ้มครอง”
สร้อยคอจี้รูปกุญแจทองขนาดเล็กถูกล้วงออกมาจากตลับกำมะหยี่สีแดง
ถึงจะผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว รีไวยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ตามที่เจ้าของเดิมได้สั่งไว้
ก้มลงจูบดอกกุญแจสีทองเบาๆด้วยความรักใคร่
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พระเจ้าคุ้มครองผมเป็นอย่างดีแต่พระองค์กลับหันหลังให้กับคนที่เป็นแสงสว่างของผมอย่างคุณ......ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
“อะไรกัน เมื่อคืนก็กลับเสียดึก ยังจะออกไปแต่เช้าอีกเหรอ” เมื่อเห็นหลานรักตื่นมาแต่งเนื้อแต่งตัวตั้งแต่ไก่โห่จึงต้องเอ่ยทัก
“ครับ คิดว่าผลตรวจชันสูตรพลิกศพ เฟอร์นันโดคงออกแล้ว
ผมอยากจะตรวจสอบดูน่ะครับ” หลานรักตอบพร้อมกับควงกุญแจรถในมือเล่น
“อย่าหักโหมมาก กินอะไรก่อนแล้วค่อยไป”
“ยังหรอกครับ ไปกินที่นู่นดีกว่า พวกนั้นก็คงยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน
ผมไปนะครับ” พิคซิสมองตามร่างสูงของหลานรักไป อดห่วงไม่ได้จริงๆ
บางครั้งนิสัยเถรตรงยึดมั่นในหน้าที่ของเจ้าหลานคนนี้ก็สร้างเรื่องเดือดร้อนให้กับเขาที่พ่วงตำแหน่งลุงแถมท้ายผู้บังคับบัญชาอยู่บ่อยๆ
เมื่อเดินเข้ามาในห้องทำงานก็พบกับสมาชิกร่วมทีมที่นั่งรออยู่นานแล้ว
ซาช่ารีบยื่นรายงานเอกสารให้แก่เอลวินก่อนที่อีกฝ่ายจะนั่งลงกับโต๊ะเสียด้วยซ้ำ
“จากรายงานสาเหตุการตายของเฟอร์นันโดเป็นผลมาจากการถูกจ่อยิงที่ศีรษะส่งผลให้ผู้ตายสิ้นใจในทันที
นี่คือหัวกระสุนที่ฝังยู่ด้านในค่ะส่วนนี่คือปลอกกระสุนที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุซึ่งได้ทำการคัดแยกออกจากปลอกกระสุนทั้งหมดที่พบอยู่รอบศพของเขาแล้ว” เอลวินพิจารณาหัวกระสุนในซองอย่างพินิจ
“กระสุนเจาะเกราะ.......มือสังหารคนนี้ถ้าไม่ใช่พวกที่มีพื้นฐานด้านวิชาการทหาร
ก็คงเป็นพวกมือปืนรับจ้างที่อยู่ในบัญชีดำ.....เห็นหน้าคนร้ายรึยัง โคนี่” เจ้าหนุ่มไม่ยอมตอบแต่กลับชี้มือไปที่หน้าจอคอมแทน
“นายกำลังทำอะไร”
“ผู้กองอยากเห็นหน้าคนร้าย ผมก็จัดให้
นี่เป็นโปรแกรมสแกนใบหน้าที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์โดยตรง หากไอ้หมอนี่มันเป็นคนอิตาเลี่ยนจริง
เราเจอตัวมันแน่”
เอลวินมองภาพในจอคอมพิวเตอร์
รูปใบหน้าเบลอๆมีเส้นแสดงขอบเขตการสแกนพร้อมบอกเปอร์เซ็นต์ซึ่งตอนนี้กำลังดำเนินการสแกนไปจนถึงหัวคิ้วแล้ว
ภาพที่ผ่านการสแกนไปดูชัดเจนมากในขณะที่ด้านข้างก็ปรากฏกรอบสี่เหลี่ยมเล็กๆซึ่งรันใบหน้าของคนที่มีลักษณะเครื่องหน้าที่ใกล้เคียงกับคนในภาพอยู่เรื่อยๆ
“ใช้เวลานานแค่ไหน”
“ประมาณครึ่งวันครับ”
“ครึ่งวันเหรอ......ต้องรออีกตั้งครึ่งวัน” เอลวินเกาคางด้วยความครุ่นคิด
“แล้วเรื่อง รีไว แอคเคอร์แมน จะเอายังไงล่ะคะผู้กอง”
ซาช่าเอ่ยถามขึ้น
“ถ้าจะรอหมายค้นก็ต้องเสียเวลายื่นเรื่องรออนุมัติอีกนะคะ” เอลวินเริ่มใช้ความคิด จริงอย่างที่ซาช่าว่า ถ้าต้องรอหมายค้น
น่ากลัวว่าจะเสียเวลากันไปใหญ่.......
“แต่ถ้าเราไปสอบปากคำในฐานะผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในเหตุการณ์
ก็ไม่จำเป็นต้องใช้หมายค้นก็ได้นี่นะ!!!”
รู้สึกแปลกใจเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบคนที่ควรจะอยู่ข้างกาย
“เจ้านาย.......” ร่างบางพบกระดาษโน้ตเล็กๆซึ่งเขียนข้อความสั้นๆไว้ข้างเตียง
“อาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปข้างล่าง จะรอ”
เจ้านายบอกให้ลงไปข้างล่าง.......ที่ไหนล่ะ
พอเดินจากห้องนอนลงมายังโถงชั้นล่างก็เจอเบลทรูทยืนรออยู่แล้ว
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าอ่อนโยนนั้น
“เชิญทางนี้ครับ”
เบลทรูทนำเอเลนมายังห้องที่ติดกับสระว่ายน้ำข้างบ้าน
เสียงเปียโนที่ได้ยินเพียงแว่วๆดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มกำลังบรรเลงเพลงซิมโฟนีด้วยท่วงทำนองชวนฝัน
นิ้วเรียวยาวที่พร่างพรมลงบนแป้นกรีดกรายคล่องแคล่วราวกับมีชีวิต เอเลนขยับกายเข้าไปใกล้ราวกับต้องมนต์สะกด
มือใหญ่หยุดนิ่งเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา
“ตื่นแล้วเหรอ” ร่างบางพยักหน้ารับ
“นั่งลงสิ” เอเลนนั่งลงบนตักของรีไวอย่างว่าง่าย
มือใหญ่กุมมือเรียวทั้งสองข้าง ค่อยๆวางจรดลงบนแป้นเปียโนอย่างแผ่วเบา
“อยากเล่นมั้ย......ลองเล่นดูสิ” เสียงทุ้มกระซิบเบาๆ
เอเลนก้มมองมือของตนที่วางอยู่บนแป้นเปียโนแล้วส่ายหน้า
“ผมเล่นไม่เป็น”
“ฉันอยากฟัง.......เอเลนของฉันจะเล่นเปียโนให้ฉันฟังได้มั้ยนา.....” รีไวทำเสียงเล็กเสียงน้อยกระซิบอ้อนเบาๆ
คำขอร้องของเจ้านายเป็นอะไรที่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
นิ้วเรียวบางค่อยๆขยับกดแป้นทีละนิ้วๆตามการชักนำของร่างสูง
ก่อนที่จะเริ่มสัมผัสเคลื่อนไหวด้วยตนเอง
ความรู้สึกคุ้นเคยที่ถูกลืมเลือนไปนานกลับเข้ามาแทนที่
เสียงเปียโนที่อ้อยอิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงเพลงที่รุนแรงและดุดันขึ้นเรื่อยๆ เอเลนไม่สามารถบังคับตนเองให้หยุดมือได้
นิ้วเรียวกระหน่ำพรมลงบนแป้นอย่างรุนแรง ร่างบางหอบหายใจสะท้าน เสียงเปียโนที่ดุดันหยุดลงเมื่อมือบางถูกมืออุ่นๆของรีไวกุมเอาไว้แน่น
ใบหน้าคมคายซบแนบลงกับแผ่นหลังบางที่สั่นสะท้านพลางโอบกอดเอาไว้
“ผมทำอะไร..........ผมทำอะไร.........ผมทำอะไร” เอเลนที่กำลังตื่นกลัวเอาแต่พึมพำคำเดิมซ้ำๆ
เขาว่ากันว่าเสียงดนตรีมักจะสื่อได้ถึงใจคน.........และเอเลนในตอนนี้คงกำลังต้องการการปลดปล่อย
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องกลัว อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ไม่มีอะไรน่ากลัว
ฉันกอดนายเอาไว้อยู่”
“ผมไม่รู้........ผมทำอะไร.............ผมไม่รู้”
“ทำไมถึงจะไม่รู้ เปียโนคือพรสวรรค์ของนาย ทำไมถึงจะทำไม่ได้ สัมผัสมันสิ
ฉันอยากฟัง เล่นให้ฟังหน่อยได้มั้ย” รีไวหลับตากอดอ้อนร่างบางเบาๆ
เอเลนขืนตัวออกจากอ้อมกอดแล้วหันไปมองใบหน้าคมคายชัดๆ
“เจ้านาย อยากให้ผมเล่นให้ฟัง?”
“ไม่ต้องรีบร้อน ช้าๆ ใจเย็นๆ ฉันรอฟังอยู่” ถ้อยคำสั้นๆ
แต่ทำให้เอเลนกัดฟังหันหน้าเข้าหาเปียโนอีกครั้ง
“เจ้านายอยากฟัง......เจ้านายอยากฟัง”
มือบางจรดนิ้วเรียวลงบนเปียโนอีกครั้ง
แต่คราวนี้ท่วงทำนองได้เปลี่ยนไปตามจังหวะหัวใจที่เริ่มสงบลง
ท่าทีมุ่งมั่นที่จะบรรเลงเพลงรักให้แก่เจ้านายฟังช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก รีไวยื่นมือซ้ายกดนิ้วลงบนแป้นในจังหวะที่สอดประสานกันกับบทเพลงของร่างบาง
เสียงเปียโนดังกังวานไปทั่วทั้งบ้าน
บทเพลงที่คนทั้งคู่ช่วยกันรังสรรค์ไม่ใช่เพียงแค่ท่วงทำนองที่สอดประสาน
แต่หัวใจของคนทั้งสองก็เริ่มเชื่อมโยงถึงกันไปด้วย
เหล่าผู้คุ้มกันที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆของบ้านก็อดไม่ได้ที่จะมองหาว่าที่มาของเพลงบทนี้มาจากแห่งหนใด
เบลทรูทจ้องมองคนทั้งสองที่กำลังประสานใจบรรเลงบทเพลงด้วยรอยยิ้ม
“หรือดนตรีบำบัดที่คุณฮันซี่แนะนำมาจะได้ผลจริงๆ”
รีไวจ้องมองร่างบางที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับการบรรเลงเพลงของตน
หัวใจที่ปิดตายของคุณ
ผมจะใช้หัวใจของผมปลดปล่อยมันออกมาเอง.............
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น