เสียงบรรเลงเปียโนยังคงดังต่อเนื่องถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นบทเพลงอื่นไปแล้วก็ตาม
“วันนี้คุณไม่เข้าบริษัทเหรอครับ” เบลทรูทเอ่ยถามในขณะที่ส่งกาแฟให้กับชายหนุ่มที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับเสียงเปียโนที่ได้ยินอยู่แว่วๆ
“สายป่านนี้แล้ว ไม่ดีกว่า รบกวนลางานกับคุณเลขาคนเก่งให้ด้วยก็แล้วกัน
วันนี้ฉันจะหยุด” เบลทรูทรู้สึกขำกับคำพูดของเจ้านาย
เป็นถึงผู้บริหารแท้ๆแต่กลับต้องขออนุญาตลางานกับเลขาเชียวเหรอ
ที่พูดมาความหมายแดกดันมากกว่า
“ครับ ผมจะจัดการให้” เบลทรูทปลีกตัวออกมาโทรศัพท์ถึงเลขาคนสนิทของเจ้านายตามที่สั่ง
“อะไรนะ ไม่เข้าบริษัทเหรอ”
เสียงปลายสายดังทะลุแสบแก้วหูเสียจนเบลทรูทต้องยื่นโทรศัพท์ออกห่าง
กะแล้วเชียวว่าต้องโวยวาย........เบลทรูทอมยิ้ม
“ครับ วันนี้คุณรีไวจะหยุด”
“แล้วเอกสารที่กองเต็มโต๊ะนี่จะว่าไง เขาจะไม่รับผิดชอบหน่อยเหรอ”
“คุณรีไวบอกว่าให้คุณเลขาคนเก่งจัดการไปได้เลยครับ ยังไงคงต้องขอรบกวนคุณนานาบะด้วยนะครับ”
“เขาประชดฉันล่ะสิ......เออๆ รู้แล้วน่า” คนขี้โวยวายเริ่มเบาเสียงลง
นี่ถ้าไม่ติดว่ามีคำว่า ‘คุณเลขาคนเก่ง’ ค้ำคออยู่ล่ะก็นะ จะโวยให้บ้านแตกเลยเจ้านายจอมอู้เอ้ย.......
“รบกวนด้วยนะครับ คุณนานาบะ”
เบลทรูทวางสายไปแล้วนานาบะมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสัญญาณไปแล้วบ่นเบาๆ
“เจ้าโย่งนี่ก็อีกคน
เจอหน้าทีไรก็เอาแต่ยิ้ม....ไม่รู้ว่าไอ้หน้ายิ้มๆแบบนั้นน่ะคิดอะไรอยู่กันแน่.....โอ๊ย!!! อีกแล้ว โยนงานมาให้ฉันอีกแล้ว อะไรๆก็นานาบะ นานาบะ
อยากรู้จริงถ้าขี้ไม่ออก เยี่ยวไม่ออกต้องเรียกฉันไปจัดการให้มั้ยเนี่ย” ชายหนุ่มผมทองวาวายลั่นขณะที่มองกองเอกสารบนโต๊ะแล้วถอนหายใจ
“อย่าให้เสร็จงานนะเว่ย!!! จะลาพักสักครึ่งเดือน ดูสิ
ไม่มีนานาบะคนนี้ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องมันจะทำหน้ายังไง!!!”
“คงกำลังบ่นอยู่คนเดียวแน่ๆ” เบลทรูทวางโทรศัพท์ในมือแล้วยิ้มขำ
ในจังหวะนั้นเอง
การ์ดคนหนึ่งที่ดูท่าทางตื่นๆเดินเข้ามารายงาน
“มีอะไร”
“มีตำรวจมาขอพบคุณรีไวครับ”
เมื่อเบลทรูทเดินออกมาหน้าบ้านก็พบกับนายตำรวจสามนายยืนรออยู่
หนึ่งในนั้นเขาพอจะรู้จักเพราะเห็นเคยออกข่าวบ่อยครั้ง
“สวัสดีครับผู้กองสมิธ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรให้ตระกูลแอคเคอร์แมนรับใช้หรือครับ”
“ผมมีเรื่องจะขอความช่วยเหลือจากคุณรีไวสักหน่อยครับ
เกี่ยวกับคดีฆ่าล้างงานประมูล ไม่ทราบว่าคุณรีไวพอจะมีเวลาให้ผมบ้างหรือเปล่า”
“ตอนนี้คุณรีไวติดธุระอยู่ครับ คงไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลสักเท่าไหร่” เบลทรูทยิ้มรับ
“ผมขอเวลาไม่นาน รบกวนช่วยเรียนคุณรีไวให้ด้วย”
เอลวินยังคงต่อรองอย่างใจเย็น
ถึงอย่างไรเขาก็ต้องคุยกับ รีไว แอคเคอร์แมนให้ได้ ด้านฝ่ายเบลทรูทเองก็ยังตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มเช่นเดิม
“ไม่สะดวกจริงๆครับ.....ต้องขออภัยแทนคุณรีไวด้วย”
“ไม่เป็นไรเบลทรูท ธุระของฉันเสร็จแล้ว ผู้กองสมิธอุตส่าห์มาถึงที่นี่
อย่าให้พวกคุณตำรวจต้องมาเสียเที่ยวเปล่าๆเลย
ช่วยนำคุณตำรวจไปรับรองที่ริมสระว่ายน้ำของเราด้วย....เดี๋ยวฉันตามไป”
“ครับ”
เลทรูทรับคำและเดินนำเอลวิน
โคนี่และซาช่า ไปยังสระว่ายน้ำด้านข้างคฤหาสน์
ท่ามกลางการจับตามองของการ์ดรักษาความปลอดภัย
ชาชั้นดีพร้อมขนมหวานถูกยกมาเสิร์ฟในทันที
“กรุณารอสักครู่นะครับ”
เบลทรูทที่ยืนรับรองอยู่ใกล้ๆเอ่ยขึ้น
โคนี่ที่ดูจะสนใจกับบ้านหลังนี้เป็นพิเศษลุกเดินไปดูรอบๆพลางโวยวายเสียงดังเป็นระยะ
“แน่ใจนะว่านี่บ้านคนจริงๆ”
“อย่าเสียมารยาทโคนี่” เอลวินปรามเสียงเข้ม
“เนื้อที่ของคฤหาสน์ จริงๆแล้วรวมไปถึงสนามขี่ม้าที่ด้านหลังด้วยนะครับ
ถ้าสนใจจะแวะมาทักทายบ้างก็ได้”เบลทรูทตอบด้วยรอยยิ้ม โคนี่ผิวปากวิ้ว
“ทำไมฉันไม่เกิดมารวยแบบนี้บ้างนะ
จะได้ไม่ต้องมาปากกัดตีนถีบแบบนี้.....อ๊า....ผู้กอง มีคนเล่นเปียโนอยู่ตรงนี้ด้วย”
โคนี่แนบหน้าส่องผ่านกระจกหน้าต่างบานยาวห้องที่เอเลนกำลังเพลิดเพลินกับของเล่นชิ้นใหม่อยู่
เอลวินนึกอยากกัดลิ้นตัวเองขึ้นมา
‘คิดผิดจริงๆที่พามันมาด้วย’
ซาช่าลุกไปจิกหูเพื่อนกลับมานั่งพร้อมเขกกะโหลกให้อีกหนึ่งที
“ผู้กองบอกว่าอย่าเสียมารยาท นายเข้าใจคำว่ามารยาทมั้ยโคนี่”
“ฉันก็แค่ส่องดูเฉยๆ” นั่งถกเถียงกันอยู่สักพัก
เจ้าของบ้านก็ออกมา
“ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา นับว่าเป็นโชคดีของคุณจริงๆที่วันนี้ผมอยู่บ้าน
ไม่อย่างนั้นผู้กองคงมาเสียเวลาเปล่าแน่
ถ้ายังไงคราวหน้าถ้าจะมาเยี่ยมเยียนกันอีกรบกวนแจ้งล่วงหน้าสักนิดก็ดีนะครับ
ผมจะได้เตรียมการต้อนรับไว้รอ”รีไวพูดด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มแต่เอลวินกลับรู้สึกหน้าชา
เพราะเหมือนกับกำลังถูกด่าว่าไม่มีมารยาทอยู่กลายๆที่มาบ้านคนอื่นแต่กลับไม่แจ้งให้เจ้าของบ้านทราบล่วงหน้า
“บังเอิญว่ามันเป็นเรื่องด่วนจริงๆ ผมลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ต้องขอโทษที่รบกวนคุณแล้ว”
“เอาไว้โอกาสหน้า ผู้กองแจ้งเบลทรูทไว้ก่อนก็ได้นะครับ
ว่าแต่ว่าธุระที่ผู้กองอยากจะพูดกับผมคือเรื่องอะไรกัน”
“ถ้าคุณถามผมตรงๆแบบนี้ผมก็ไม่ขออ้อมค้อม
เราตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากสถานที่จัดงานประมูลใต้ดินพบว่า
กลุ่มคนสุดท้ายที่เข้าไปที่นั่นก่อนที่ทางตำรวจจะมาถึงคือคุณ....ไม่ทราบว่าคุณรีไวไปทำอะไรที่นั่นครับ”
“ผมไปที่งานนั่นเพราะได้ยินมาว่างานประมูลนั้นรวบรวมสินค้าหายากเอาไว้เยอะ
ผมก็เลยคิดว่า บางที อาจจะพบของที่เคยถูกชิงไปก่อนหน้านี้แล้วก็ได้
แต่นึกไม่ถึงว่าตอนที่เข้าไปเหยียบที่นั่นมันจะกลายสภาพเป็นลานประหารไปเสียแล้ว” ซาช่าบันทึกทุกคำให้การอย่างคล่องแคล่วในขณะที่โคนี่กำลังเสียบหูฟังเล่นแท็บเล็ทในมืออย่างเมามัน
“คุณไปที่นั่นเพื่อตามหาของที่ถูกขโมยไป........ก็ในเมื่อมันสำคัญขนาดนั้นทำไมคุณไม่แจ้งตำรวจให้ทางเราจัดการให้ล่ะครับ”
“มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ผมไม่อยากรื้อฟื้นหรอกครับ
ที่ไปก็แค่ลองดูเฉยๆ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้กลับมาจริงๆหรอกครับ.....แต่ถ้าบังเอิญเจอก็ถือว่าโชคดีไป”
“คุณพอจะบอกเราได้มั้ยครับ.....ของที่คุณตามหาอยู่คืออะไร”
“ถามแบบนี้
แปลว่าผมมีสิทธิ์ที่จะตอบหรือไม่ก็ได้ใช่มั้ยครับ....ถ้าเช่นนั้นผมขอไม่ตอบคำถามนี้ก็แล้วกัน
เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว” รีไวตอบยิ้มๆในขณะที่โทรศัพท์มือถือของเอลวินดังขึ้นพอดี
“ขอตัวสักครู่ครับ” ผู้กองหนุ่มขอปลีกตัวออกไปรับโทรศัพท์สายตรงจากที่ทำงาน
“สแกนหน้าเสร็จแล้วเหรอ.......ดี.......ฉันกำลังจะกลับอยู่พอดี” พอวางสายก็หันไปปั้นหน้ายิ้มให้เจ้าของบ้านอีกครั้ง
“รบกวนเวลาคุณมากแล้ว ผมคงต้องขอตัว.....ต้องขอบคุณมากที่สละเวลาพูดคุยกัน”
“ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ คดีนี้ค่อนข้างเป็นที่สนใจ
ถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ ผมก็ยินดีให้ความร่วมมือกับทางตำรวจอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณครับ”
จับมือบอกลากันเบาๆ
เอลวินเดินกลับออกไปในขณะที่ซาช่าลากคอโคนี่ที่กำลังหมกมุ่นกับแท็บเล็ทตามหลังไปติดๆ
เบลทรูทเดินออกมาส่งแขกด้วย
“คราวหน้า แจ้งผ่านผมก่อนก็ได้นะครับ จะได้นัดคุณรีไวล่วงหน้าให้”
เบลทรูทเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นนามบัตรของตนให้เอลวิน
ร่างสูงรับนามบัตรไว้ก่อนจะเหยียบคันเร่งออกรถไปสุดแรงพลางพึมพำไม่หยุด
“ไม่ง่ายเลย.........ไม่ง่ายจริงๆ.........คนๆนี้ ไม่ใช่ว่าจะเล่นด้วยได้ง่ายๆ
ได้ความว่ายังไงบ้าง โคนี่” ชายหนุ่มที่นั่งข้างคนขับรายงานข้อมูลที่เพิ่งได้มาจากแท็บเล็ทคร่าวๆ
“ทั้งน้ำเสียง สีหน้าท่าทาง อัตราการเต้นของหัวใจ
อยู่ในระดับปกติไม่มีพิรุธส่อให้เห็นถึงการโกหกเลยครับ”
“แต่ถึงจะไม่ได้โกหก ก็เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องปิดบังอยู่นะคะ
แต่อย่างน้อยวันนี้เราก็รู้จุดประสงค์ที่เขาไปที่งานประมูลนั่นแล้ว ถึงจะไม่รู้ว่าของที่ว่านั่นคืออะไรก็เถอะ
แต่ดูแล้วท่าทางจะเป็นของที่ไม่ค่อยสะอาดนัก” ซาช่าเอ่ยขึ้นขณะที่เก็บสมุดบันทึกให้ปากคำเข้ากระเป๋า
“มันก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” เอลวินเลี้ยวหักศอกเสียจนโคนี่หน้ากระแทกกับกระจกหน้าต่างรถ
“กลับไปดูหน้ามือสังหารแล้วค่อยว่ากันอีกที”
ภาพที่ถูกสแกนใบหน้าจนชัดเจนถูกขยายใหญ่ขึ้นเต็มจอ
เป็นภาพของชายหนุ่มใบหน้าคมคายแววตาเหี้ยมเกรียม โคนี่ส่งเอกสารในมือยื่นให้เอลวิน
“แจน กิลชูไตน์ อัจฉริยะระดับหัวกะทิ จบปริญญาตรีตั้งแต่อายุสิบแปด
ใช้เวลาเรียนโทด้วยเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่ง
นอกจากทักษะทางสมองเป็นเลิศยังมีทักษะทางกายชั้นยอด เขาถูกทาบทามตัวเข้าทำงานในกองทัพสังกัดหน่วยจู่โจมพิเศษ
แต่ทำเพียงแค่สามปีก็ถอนตัวออกไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร”
“คนของหน่วยจู่โจมพิเศษเหรอ......ฝีมือแบบนั้น ไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่” เอลวินมองภาพสแกนในมือเต็มๆ
“แล้วตุ๊กตาล่ะ......ได้เรื่องว่ายังไง” โคนี่คลิ๊กเปิดภาพเสี้ยวหน้าเล็กๆของหนุ่มร่างบางที่จับได้จากกล้องวงจรปิดขึ้นมา
“รายละเอียดน้อยมากจนโปรแกรมสแกนใบหน้าไม่อาจแมตช์กับใบหน้าคนจริงๆได้ครับ” เอลวินกดปริ๊นท์รูปมาเก็บไว้กับตัว
“ฉันจะไปคุยกับท่านสารวัตรสักหน่อย
ออกหมายจับให้คนของเราตามจับตัวแจน กิลชูไตน์ได้เลย ถ้าได้ตัวเขา
ก็ต้องเจอตุ๊กตาด้วยแน่ๆ”
“รับทราบ!!!!”
นึกไม่ถึงว่าผ่านมาตั้งครึ่งค่อนวันแล้วเอเลนจะยังไม่ยอมละมือจากเปียโน
รีไวต้องเข้าไปลากเอาตัวคนที่กำลังเห่อของเล่นชิ้นใหม่ออกมาจากห้องดนตรี
สีหน้าท่าทางที่แลดูหดหู่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจอ่อน
“กินข้าวก่อนแล้วจะให้เล่นต่อ”
“อยากฟังอีกมั้ย.....เจ้านาย” เอเลนเอ่ยถามเบาๆ
“แล้วอยากเล่นมั้ยล่ะ” หนุ่มร่างบางพยักหน้ารับ
“ถ้าเจ้านายอยากฟัง ผมก็อยากเล่นอีก” รีไวมองสบตาร่างบางตรงๆ
เอ่ยถามชัดถ้อยชัดคำ
“ฉันถามเอเลนว่าอยากเล่นอีกมั้ย เอาความรู้สึกของตัวเองตรงๆ
ไม่ต้องทำเพื่อเอาใจใคร ตอบฉันมาสิ ว่าอยากจะเล่นอีกมั้ย”
“ผม.......... อยากเล่น” รีไวยิ้มรับคำตอบของร่างบางด้วยความพอใจ
“เพื่อเจ้านาย..........” เสียงหวานเอ่ยสำทับ อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนตกลงมาจากที่สูง
รีไวโอบเอวบางไว้แล้วเดินเข้าห้องอาหารไปด้วยกันชายหนุ่มบ่นกับตนเองเบาๆ
“เอาเถอะ.....แค่ยอมรับว่าอยากเล่นเองก็น่าดีใจแค่ไหนแล้ว”
เอเลนตั้งหน้าตั้งตากินอาหารที่รีไวตักให้เสียเต็มจานในขณะที่มีรายงานข่าวขึ้น
“สำหรับรายงานความคืบหน้าของคดีฆ่าล้างงานประมูล
ตอนนี้ทางตำรวจก็ได้เบาะแสตัวผู้ต้องหาแล้วค่ะ ชายหนุ่มรูปร่างผอมสูง อายุราวๆสามสิบปีชื่อว่า
แจน กิลชูไตน์ ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจได้ออกหมายจับเพื่อตามจับตัวผู้ต้องหาแล้วค่ะ”
ภาพแจนที่ปรากฏผ่านจอโทรทัศน์ทำให้เอเลนวางช้อนลง
ร่างบางลุกเดินไปนั่งแหมะหน้าจอ มือบางลูบไล้ภาพสแกนใบหน้าของชายหนุ่มพลางพึมพำเบาๆ
“แจน........”
“ทำงานเร็วใช้ได้นี่.....เอลวิน สมิธ” รีไวดูข่าวพร้อมกับจิบไวน์ในแก้วไปด้วย
“ดีที่คุณเตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วนะครับ” เบลทรูทที่ยืนอยู่ข้างๆกระซิบเบาๆ
รีไวยิ้มเย็น
“อยากจะรู้จริงๆว่าพวกตำรวจจะพลิกแผ่นดินหาแจน กิลชูไตน์ได้ยังไง
ถ้าหากว่าคนๆนั้น.....ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“คุณคะ.....ระวังค่ะ ออกมาเดินแบบนี้
เกิดหกล้มไปอาการจะทรุดหนักลงกว่าเดิมอีกนะคะ”
พยาบาลรีบวิ่งมาประคอง เมื่อเห็นชายหนุ่มที่พันผ้าพันแผลทั้งตัวเดินโซซัดโซเซจวนเจียนจะล้ม
แจนโบกมือให้เพื่อจะบอกว่าเขาไม่เป็นอะไรพร้อมกับดูรายงานข่าวไปด้วย.........
ไม่อยากเชื่อว่าพวกตำรวจจะรู้ตัวเขาแล้ว.........น่าเจ็บใจชะมัด
ทุกอย่างมันเป็นไปตามที่ผู้ชายบ้าอำนาจคนนั้นคาดการณ์ไว้จริงๆ .........
เขายังจำสิ่งที่เบลทรูทพูดกับเขาในคอกม้าวันนั้นได้ดี
“ผมจะให้คนพาคุณไปโรงพยาบาล รีบหาย...........แล้วคุณจะได้กลับมาอยู่กับคุณเอเลนนะครับ” แจนมองใบหน้าแย้มยิ้มอ่อนโยนที่แฝงด้วยคมมีดของเบลทรูท
‘คนพวกนี้จะไว้ใจได้แค่ไหน
มีจุดประสงค์อะไรที่จะต้องกักตัวคุณชายกับเราเอาไว้ที่นี่’
“แต่มีข้อแม้นะครับ” เบลทรูทเอ่ยต่อในขณะที่ใบหน้ายังเปื้อนยิ้มเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“หากตำรวจทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดขึ้นมาพวกเขาจะต้องได้เบาะแสที่จะสาวมาถึงตัวคุณได้อย่างแน่นอน
เพื่อไม่ให้ทางตำรวจเข้าถึงตัวคุณและคุณเอเลนได้ คุณรีไวต้องการให้คุณเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนใบหน้าใหม่ครับ”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น !!!!”
“เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณทั้งสองไงล่ะครับ ผมรู้ดีว่าสำหรับคุณแล้วหากจะเกิดอะไรขึ้น
คุณก็คงไม่แคร์ แต่กับคุณเอเลนล่ะครับ
คุณคิดว่าพวกเขาจะจัดการยังไงกับคนสติไม่สมประกอบถ้าหากไม่ใช่ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช
ถูกขังอยู่ในห้องเล็กๆ มัดมือมัดเท้าติดกับเตียงอยู่แบบนั้น
วันใดวันหนึ่งอาจจะคุ้มคลั่งทำร้ายตัวเองหรือตรอมใจตายอยู่ในนั้นเลยก็ได้........คุณว่าแบบนั้นมันดีแล้วหรือครับ” เบลทรูทอธิบายยืดยาวด้วยรอยยิ้มการค้า
ถ้อยคำเสียดแทงหัวใจมันช่างขัดแย้งกับสีหน้าท่าทางที่แสดงออกตอนนี้ราวฟ้ากับเหว
“คุณจะยอมปล่อยให้คุณชายของคุณต้องใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลบ้าจริงๆหรือครับ
คุณแจน” ถ้อยคำของเบลทรูทแทงใจเสียจนแจนเถียงไม่ออก
‘คุณชายต้องเจ็บปวดเพราะถูกกักขังมาเกินพอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้คุณชายต้องสูญเสียอิสรภาพที่เขาอุตส่าห์เสี่ยงตายพาหนีออกมาขนาดนี้อีกแล้ว’
“ตกลงว่ายังไงครับ.......” เบลทรูทรอฟังคำตอบอย่างใจเย็น
“จะเอาฉันไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็เชิญ” แจนกัดฟันแน่นเบลทรูทยิ้มรับคำตอบนั้น
“ดีครับ ตอนนี้ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมแล้ว
เพียงแค่ผมส่งตัวคุณไปโรงพยาบาลก็จะได้รับการผ่าตัดทันที นับแต่นี้เป็นต้นไปคุณแค่ทำตามคำสั่งของคุณรีไวก็พอ”
“พวกแกวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วนี่ จะถามความเห็นฉันทำไม” เบลทรูทยิ้มแล้วตอบออกมาขำๆ
“คุณรีไวบอกว่า.......เห็นสีหน้าทรมานใจของคุณแล้วมันสะใจดีน่ะครับ”
“ที่ฉันทำทั้งหมดก็เพื่อคุณชาย หากคุณชายอยู่ที่นี่แล้วปลอดภัย ต่อให้ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีอีกสักเท่าไหร่
ฉันก็ยอม”
“เชื่อใจพวกเราเถอะครับ ผมรับรองว่าคุณรีไวจะดูแลคุณเอเลนให้เป็นอย่างดี” เบลทรูทยิ้มแล้วจ้องมองแจนตรงๆด้วยสายตาจริงจัง
“ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าอะไรทำให้คุณต้องปกป้องคุณเอเลนมากมายขนาดนี้”
“คุณชายต้องพบกับความสูญเสียอยู่ตลอด
ตกอยู่ในภาวะจำยอมไม่มีโอกาสแม้แต่จะปกป้องตัวเอง
การที่ต้องทนเห็นเขาตรอมตรมเสียขนาดนั้น ฉันกลับทรมานเสียยิ่งกว่า
ความรู้สึกในใจของฉัน ถึงพูดไป คนไร้หัวใจแบบพวกแกก็ไม่มีทางเข้าใจ” เบลทรูทหน้าตึงขึ้นเล็กน้อยชายหนุ่มหลับตานิ่งเหมือนพยายามสะกดอารมณ์แล้วจึงระบายรอยยิ้มอ่อนโยนอีกครั้ง
“นั่นสินะครับ ผมคงไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณจริงๆ
ถ้าอย่างนั้นก็รีบหายไวๆนะครับ จะได้กลับมาอยู่กับคุณชายของคุณอีก”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องมาอยู่ในโรงพยาบาลด้วยสภาพแบบนี้
แต่ในเมื่อไอ้หมอนั่นมันบอกว่าจะลบชื่อแจน กิลชูไตน์ไป
จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องมากังวลอีก
แจนเดินกลับห้องผู้ป่วยมือใหญ่กุมเครื่องมือสื่อสารคู่กายเอาไว้แน่น
โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังพอช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจเขาเอาไว้ได้ ภาพหน้าจอที่ถ่ายคู่กับคุณชายเมื่อเยาว์วัย
รอยยิ้มสดใสที่มักจะประดับอยู่บนใบหน้าน่ารักนั้นอยู่เสมอ
รอยยิ้มที่ชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว
แต่ถึงแม้จะไม่สามารถนำรอยยิ้มของคุณชายกลับมาได้แต่จะไม่ยอมให้คนๆนั้นต้องเสียน้ำตามากไปกว่านี้แล้ว
“รอผมนะครับ....คุณชาย......แล้วผมจะกลับไป อยู่ข้างคุณเอง”
ตกเย็นรีไวกลับเข้ามานั่งที่ห้องทำงานอีกครั้ง
หน้าจอคอมแสดงเตือนว่ามีอีเมลล์เข้าพอกดเปิดขึ้นมาอ่านก็นึกสีหน้าของคนที่เขียนเมลล์ฉบับนี้ออกทันที
‘เอกสารทั้งหมด ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณตรวจสอบดูอีกทีก็แล้วกัน
วันนี้ผมทำงานล่วงเวลามาสามชั่วโมง อย่าลืมโอทีกับโบนัสผมด้วยล่ะเจ้านาย’
‘นานาบะ’
คนอ่านถึงกับหลุดขำ
เจ้าหมอนี่มันงกได้ที่จริงๆ แต่ถึงจะงกยังไงก็เถอะนานาบะก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนสนิทที่เขาไว้ใจได้
ฝีมือก็ถือว่าเยี่ยม ชายหนุ่มกดดาวน์โหลดไฟล์ที่ถูกแนบมาขึ้นดู ถึงตาจะยังมองดูโน๊ตบุ๊คอยู่
แต่เจ้าตัวก็รู้สึกได้ว่ามีใครบางคนแอบเข้ามาในห้องนี้แล้ว
“ไม่เล่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยทัก เอเลนที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดเคลื่อนกายออกมา
“ถ้าเบื่อแล้วก็มานี่สิ” ร่างบางเคลื่อนกายเข้ามาหา
กลิ่นสบู่อ่อนๆที่โชยออกมาจากร่างบางทำให้ชายหนุ่มยิ้ม
“อาบน้ำแล้วเหรอ” เอ่ยทักขณะที่จรดปลายจมูกลงบนขมับเนียน
เอเลนพยักหน้ารับ
“อาบเอง?”
“เบลทรูทไม่ได้ช่วยนะผมทำเองหมด” มือใหญ่รั้งคนตัวหอมนั่งลงบนตักแล้วสูดกลิ่นหอมกรุ่นเบาๆ
“ฉันจะให้รางวัล”
จูบนุ่มๆที่ชวนให้เคลิบเคลิ้ม
เพียงแค่จูบเบาๆแต่กลับทำให้เอเลนหน้าแดงซ่าน ร่างบางซุกหน้าลงบนซอกคอของชายหนุ่ม
จมูกรั้นถูไถไปมาไม่หยุด
“อ้อนแบบนี้จะเอาอะไร”
“กอดหน่อย”รีไวกระชับร่างบางเอาไว้
“ก็กอดอยู่นี่ไง”
“กอดมากกว่านี้อีก” เอเลนเอ่ยอย่างออดอ้อน รีไวคว้ามือเรียวที่ล้วงเข้ามาสัมผัสแผงอกกว้างไว้แทบไม่ทัน
จะไวไปไหน………
“ฉันทำงานอยู่”
“ผมจะรอ” เอเลนว่าขณะไถลตัวลงไปนั่งกับพื้น
ศีรษะเล็กซุกซบอยู่กับท่อนขาของชายหนุ่มราวกับแมวน้อยช่างอ้อน
“รู้มั้ย......ฉันดีใจแค่ไหนที่นายรอ” เอเลนช้อนตามองรอยยิ้มอ่อนโยนของร่างสูง
“ผมทำให้เจ้านายดีใจจริงเหรอ”
“จริงสิ”
“...........ผมน่ารักมั้ย” คำถามซื่อๆแต่ทำเอาคนตอบถึงกับใบ้กิน
“เจ้านาย...........เอเลนน่ารักมั้ย”
“น่ารักสิ.....น่ารักมาก” รีไวยกมือลูบกลุ่มผมนุ่มพร้อมยิ้มให้
“น่ารัก......เจ้านายก็รักเอเลนเสียสิ”
อุตส่าห์เลี่ยงไปได้ตั้งไกล
วกกลับมาเรื่องบนเตียงอีกเสียแล้ว รีไวก้มลงจูบหน้าผากเนียนเบาๆ
“ก็รักอยู่นี่ไง.......รักจะแย่อยู่แล้ว”
“เจ้านายโกหก.....เจ้านายไม่รักผม” เอเลนนิ่วหน้า
ตัดพ้อเสียงเศร้า
“ทำไมถึงพูดว่าฉันโกหก”
“เจ้านายคนก่อนก็รักเอเลน แต่ไม่เคยทำแบบนี้......เจ้านายคนนี้ไม่รักผมจริงๆ”
“อย่าเอาฉันไปเทียบกับพวกสารเลวพวกนั้น ความรักที่แท้จริงของนายอยู่ตรงนี้
คือฉันยังไงล่ะ” เอเลนซุกหน้าลง รีไวรู้สึกได้ว่าขากางเกงของตนเปียกน้ำอุ่นๆที่มาจากร่างบาง
“ร้องไห้ทำไม”
“เจ้านายไม่ยอมกอดผม เป็นตุ๊กตาต้องถูกกอด ถ้าไม่กอดแปลว่าเจ้านายไม่รัก
ถ้าเจ้านายไม่รัก ก็จะถูกโยนทิ้ง”
คำบอกเล่าของร่างบางทำให้รีไวหัวคิ้วกระตุก เจ้าพวกนั้นมันใส่ความคิดบ้าๆแบบนี้ลงไปให้เอเลนได้ยังไงกัน
ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตแก้มใสเบาๆ
ลดตัวลงไปนั่งกับพื้น กอดปลอบตุ๊กตาขี้แยเอาไว้
“แค่ได้กอด จูบ มีเอเลนอยู่ใกล้ๆแบบนี้ฉันก็มีความสุขแล้ว
ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองมากมายทำอะไรเพื่อใครๆอีก”
“กอดผมอีกแน่นๆได้มั้ย”เอเลนถามเสียงเบาขณะเอนตัวฝังกายลงบนแผงอกกว้าง
รีไวตอบสนองคำอ้อนวอนของร่างบางเป็นอย่างดี เอเลนหลับตานิ่ง.....
ความรู้สึกอบอุ่นท่วมท้นถูกส่งผ่านให้กันและกัน
ถึงแม้ไม่ต้องถูกกอดอย่างรุนแรงทุกคืนเหมือนที่ผ่านมาเพียงแค่ได้อยู่ในอ้อมกอดของคนๆนี้
มันก็มากเกินพอ
“กอดแค่นี้......ก็ได้ใช่มั้ย”
“ครับ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทิ้งเอเลน”
รีไวกล่าวเสียงเบาขณะรวบมือบางขึ้นมากุมไว้แน่น
แล้วก้มลงจุมพิตบนหลังมือขาวเนียนเบาๆ
“จะไม่ยอมปล่อยมือคู่นี้อีกต่อไปแล้ว”
เบลทรูทเปิดประตูห้องทำงานแต่กลับพบเพียงแต่ความว่างเปล่า
“ไปไหนเสียล่ะ....ที่ห้องนอนก็ไม่อยู่ คุณเอเลนก็หายไปด้วย”
“ตรงนี้......” เสียงทุ้มขานรับ แต่กลับไม่เห็นตัวตน
“ครับ” เบลทรูทขานรับพลางเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานก็ยังหารีไวไม่เจอ
“ข้างล่างนี่”
พอก้มลงไปมองถึงได้เห็นว่าเจ้านายหนุ่มนั่งแหมะอยู่กับพื้นโดยมีแล็ปท็อปวางอยู่ข้างๆ
ส่วนเอเลนก็กำลังฝันหวานนอนหนุนตักชายหนุ่มอยู่เงียบๆ
“ครับ....นายท่าน”
ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่ให้หลุดขำออกมาด้วยความเอ็นดู
“ช่วยเช็คเอกสารพวกนี้ต่อให้ที ฉันจะกลับห้อง” ได้แต่แอบอมยิ้มน้อยๆตอนที่เจ้านายหิ้วร่างคนที่กำลังหลับออกจากห้องติดมือไป
“ได้ครับ”
เบลทรูทรับคำขณะที่ขนย้ายอุปกรณ์ประกอบการทำงานทั้งหมดขึ้นจากพื้นมาวางไว้บนโต๊ะดังเดิม
จวบจนประตูห้องปิดลงเสียงฝีเท้าแว่วห่างออกไปชายหนุ่มร่างสูงจึงได้หลุดขำพรืดออกมา
“ท่าทางอาการหนักทั้งคู่”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น