วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

{Attack On Titan:Levi x Eren } Kill me - Kiss me.-7:

{Attack On Titan:Levi x Eren } Kill me - Kiss me.-7:
Chapter 7



เสียงฝีเท้าม้าที่วิ่งกุบกับ ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่กลางสนามดินแว่วเสียงทุ้มของชายหนุ่มดังมาเป็นระยะ
ช้าๆครับ อย่าดึงบังเหียนแรงเกินไป เดี๋ยวเจ้าลิลลี่จะตกใจนะครับ เบลทรูทคอยกำกับควบคุมดูแลเอเลนอย่างใกล้ชิด มือเรียวกอบกุมมือเล็กที่ยึดบังเหียนเจ้าม้าสีน้ำตาลเอาไว้
ปล่อยๆ....ผมจับเอง....ผมจับเอง เอเลนร้องเสียงดัง หนุ่มร่างสูงละมือออกแล้วเปลี่ยนเป็นมาจับเอวของร่างบางไว้แทน พร้อมกับพึมพำเบาๆ
เย็นไว้นะลิลลี่
เอเลนควบเจ้าลิลลี่ที่วิ่งเหยาะๆเลียบไปตามรั้วไม้ ที่พงหญ้าสูงด้านหลังมีเสียงดังสวบสาบของอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว มือเรียวชี้ไปยังพงหญ้าที่เริ่มแหวกทางเข้ามาใกล้
เบลทรูท.....นั่นอะไร
ชายหนุ่มร่างสูงมองตามทิศทางที่มือเรียวชี้ไป ขณะที่โดดลงจากหลังม้า
เดี๋ยวผมไปดูครับ
เบลทรูทกล่าวพลางเดินเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ที่มือก็กระชับปืนคู่กายเอาไว้เตรียมพร้อมรับการโจมตี แต่สิ่งที่โผล่พ้นพงหญ้าออกมาดูจะผิดคาดเล็กน้อย
โฮ่ง!!!” สุนัขลาบราดอร์ สีน้ำตาลเข้มผอมกะหร่องนัยน์ตาซุกซน ส่งเสียงทักทายชายหนุ่มที่หันปากกระบอกปืนจ่อหน้ามัน
โฮ่ง!!! โฮ่ง!!!” มันเห่าซ้ำพร้อมกับเลียกระบอกปืนของเขาอย่างหิวโซ
เบลทรูท.....อะไรเหรอ เอเลนเอ่ยถามขณะที่ควบม้าเข้ามาใกล้
เอ่อ..........คือ
น้องหมาเหรอ!!!”
โฮ่ง โฮ่ง เจ้าหมาตัวนั้นตอบรับเอเลนเหมือนกับพยายามจะบอกว่า........ ใช่ ใช่
เอเลนดีดตัวลงจากม้าวิ่งเข้าไปหา แต่เจ้าสุนัขตัวนั้นไม่ได้มีท่าทีตกใจเลย มันแล่บลิ้นเลียมือเรียวเสียยกใหญ่
ผอมจัง เหม็นด้วย มอมแมมสุดๆเลย เอเลนเอ่ยขึ้นขณะที่ลูบหัวมัน เบลทรูทกวาดตามองแนวป่าหญ้าที่สูงท่วมหัว
น่าจะหลงมานะครับ ปลอกคอก็ไม่มี
เอากลับบ้านนะเบลทรูท
เอ่อ....
พาไปให้เจ้านายดู เจ้านายต้องสงสารแน่
ผม.....ไม่ค่อยจะมั่นใจอย่างนั้นสิครับ
ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ไม่เคยเห็นว่ารีไวจะสนใจเลี้ยงสุนัขสักที
กลับบ้านด้วยกันนะ.....มอมแมม
และก่อนที่จะทันได้คัดค้านอะไร คนที่กำลังดีใจเพราะได้เพื่อนใหม่ก็อุ้มเอาเจ้าสุนัขหิวโซเดินหายออกไปจากสนามดินเสียแล้ว
พอกลับมาถึงบ้านเอเลนก็ง่วนอยู่กับการทำความสะอาดเจ้ามอมแมมเสียยกใหญ่ หนำซ้ำยังไม่ยอมให้เบลทรูทเข้าไปช่วยเสียด้วย เพราะฝ่ายนั้นเล่นบอกออกมาว่า
มอมแมมของผม.....ผมดูแลเอง
ถ้ายืนยันเสียงแข็งขนาดนั้นก็ขัดไม่ได้ล่ะนะ แต่ถ้าคุณรีไวกลับมาคงจะตกใจน่าดู แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เอเลนพามาเองแบบนี้คงไม่ขัดอยู่แล้วล่ะ.........มั้งนะ
ไว้รอกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน…………

นัยน์ตาคมกริบกวาดมองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ
อะไรกัน นานาบะ......ไอ้กองพวกนี้นี่มันอะไร
เอกสารทั้งหมดนี้ คุณจะต้องเซ็นให้เสร็จในวันนี้ครับ
แค่ลายเซ็นฉัน นายก็ปลอมได้อยู่แล้วนี่......ยังจะเก็บไว้ให้ฉันทำอีกทำไม
คุณไม่คิดจะอ่านรายละเอียดข้างในหน่อยหรือครับ รีไวผลักเอกสารไปกองไว้หน้านานาบะพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มมุมปาก
ถ้าอะไรที่นายเห็นว่าดี ฉันก็ว่าตามนั้น
คุณจะไว้ใจผมมากเกินไปหรือเปล่าครับ เล่นมอบงานสำคัญทุกอย่างไว้ให้ผมทำแบบนี้
คนที่ฉันไว้ใจน่ะ มีไม่กี่คนหรอกนะ แต่หนึ่งในไม่กี่คนนั้น ก็มีนายอยู่ด้วยนะครับ คุณเลขา รีไวตอบขำๆ
คอยดู ผมจะเอาความลับของบริษัทไปขายให้หมดเลย
นายขายไปเท่าไหร่ฉันก็จะซื้อกลับมาให้หมดเหมือนกัน และจะลากคอนายกลับมารับผิดชอบด้วย
มันเป็นความซวยของผมจริงๆที่ต้องมาทำงานให้คุณ นานาบะบ่นในขณะที่เริ่มเคลียร์เอกสารพวกนั้น
แล้วทางฝรั่งเศษติดต่อมาว่ายังไงบ้าง
อ่า...จริงสิครับ ทางนั้นยังไม่มีท่าทีอะไร แต่ดูเหมือนว่าจะสนใจข้อเสนอของเราอยู่นะครับ เพราะดูท่า ฝ่ายนั้นเองก็หวังที่จะมาลงทุนอยู่ที่อิตาลีเหมือนกัน
กำลังรอดูท่าทีอยู่สินะ
แต่ที่แน่ๆตอนนี้ ทางฝั่งเยอรมันแฝงตัวเข้ามาที่นี่แล้วนะครับ ถึงจะยังไม่เคลื่อนไหวอะไรก็เถอะ แต่สายของเราก็ยืนยันมาว่าเห็นคนของพวกบราวน์เริ่มมาเพ่นพ่านแถววาติกันแล้ว
พวกนั้นมันกล้าเข้ามากร่างถึงนี่เชียวเหรอ
ไม่แน่นะครับ บางทีพวกบราวน์เองก็อาจจะติดต่อไปยังฝั่งฝรั่งเศษด้วยก็ได้ ทางนั้นจึงยังไม่ตอบรับข้อเสนอของเราสักที
ก็มีสิทธิ์เป็นได้นะ ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทางฝรั่งเศษทั้งหมด ถ้าเลือกเราก็ดีไป แต่ถ้าเลือกพวกบราวน์ก็คงต้องแหลกกันไปข้างหนึ่ง รีไวเอ่ยขึ้นขณะที่ควงปากกาด้ามทองในมือเล่น
จะให้ผมติดต่อนายน้อยด้วยมั้ยครับ นานาบะเอ่ยถามขณะที่ทำงานมือเป็นระวิง
บอกมันว่าให้กลับบ้านด่วน งานนี้เราต้องการกำลังพล



ญี่ปุ่น.......
ท่ามกลางบรรยากาศบ้านไม้ทรงญี่ปุ่นโบราณ เสียงดนตรีเครื่องสายดังมาด้วยท่วงทำนองที่พลิ้วไหวฟังดูอ่อนหวานแต่ก็ดุดันในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มร่างสูงผอมบางผิวขาวจัดภายใต้ชุดยูกาตะสีเข้ม ประกอบด้วยเรือนผมสีดำสนิทขับให้ผิวกายขาวผ่องยิ่งดูผุดผาดมากขึ้น หน้าตาคมคายนิ่งสนิทนี้มีเค้าความเป็นเชื้อชาติยุโรปอยู่ไม่น้อย
ปลายนิ้วเรียวยาวพร่างพรมกรีดกรายลงบนเครื่องสายที่เรียกกันว่า โกโตะอย่างคล่องแคล่ว ท่วงทำนองที่ถูกบรรเลงออกมาทั้งพลิ้วไหวและลื่นไหลราวกับสายน้ำ
เสียงประตูบานเลื่อนเปิดครืดออกก่อนจะมีชายหนุ่มร่างสูงเดินแทรกเข้ามาภายใน
“ขอประทานโทษขอรับนายน้อย มีโทรศัพท์จากบ้านใหญ่มาถึงท่านขอรับ”
“บอกไปเลยว่าฉันไม่ว่าง” เสียงทุ้มตอบอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก
“ท่านนานาบะให้เรียนสายว่า หากนายน้อยไม่ว่างรับสายในตอนนี้ เกรงว่านายใหญ่อาจจะบุกมาคุยกับท่านถึงที่นี่เองในสองชั่วโมงขอรับ”
เสียงโกโตะที่กำลังพลิ้วไหวถึงกับแปร่งไปชั่วขณะ....... มือเรียวยื่นรับโทรศัพท์ที่ถูกส่งยื่นมาให้กรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะชอบใจนัก
“มีอะไร”
“สวัสดีครับนายน้อย สบายดีสินะครับ”
“ฉันถามว่ามีอะไร”
“ผมแค่โทรมาทักทายคุณเท่านั้นเองแหละครับ” น้ำเสียงห้วนสั้นนั้นกลับไม่ได้สร้างความข่มขวัญให้แก่นานาบะแม้แต่น้อย
“อย่ามาเล่นลิ้น เจ้าเลขาหน้าเงิน ร้อยวันพันปีนานทีเจ้านั่นมันถึงให้นายติดต่อฉันมามีเรื่องอะไรกันแน่”
“แหม.....เรียกพี่ชายว่า เจ้านั่นมันไม่ค่อยเหมาะสมเลยนะครับ” นานาบะเอ่ยกลั้วหัวเราะมาตามสายไม่ได้ดูอารมณ์คู่สนทนาแม้แต่น้อย
“.........”
“โอเคครับ......นายน้อยช่วยฟังผมสักครู่ก็แล้วกัน” เริ่มปรับน้ำเสียงเป็นการเป็นงานเพราะรู้ดีว่าคนๆนี้ไม่ค่อยจะชอบการหยอกเล่นสักเท่าไหร่ ไม่เหมือนคนพี่ ถึงจะโหดหรือเย็นชาแค่ไหน แต่สำหรับคนที่สนิทกันแล้วฝ่ายนั้นก็ไม่เคยจะถือสาแม้แต่น้อย
“เร็วๆนี้จะมีแขกมาเยี่ยมตระกูลของเรา นายท่านจึงอยากจะให้คุณกลับมาที่บ้านใหญ่ด้วยครับ ถ้าให้เร็วที่สุดเป็นพรุ่งนี้ก็คงจะดีมาก”
แขกที่ว่านี้แปลความหมายได้สองอย่างนั่นคือแขกที่ได้รับเชิญและแขกที่ไม่ได้รับเชิญ จู่ๆเจ้านั่นก็มาเรียกตัวกันกลับแบบนี้ แขกที่เจ้าเลขาหน้าเงินนี่พูดถึงน่าจะหมายถึงอย่างหลังมากกว่า
“เข้าใจล่ะ......บอกเจ้านั่นให้ด้วยว่าฉันจะกลับไปถึงพรุ่งนี้เย็นๆละกัน”
“ขอบคุณมากครับ แล้วผมจะเรียนนายท่านให้ทราบก็แล้วกันนะครับ”
เสียงปลายสายตัดไป แต่ดวงตาคมยังคงจ้องมองโทรศัพท์ในมือนิ่งงัน......
ดูท่าว่าเรื่องนี้จะยาว คงไม่สะดวกแน่ๆที่จะต้องคุยกันผ่านโทรศัพท์
“ยูมิล!!! เตรียมของแล้วก็เตรียมคนของเราเอาไว้ให้พร้อม พรุ่งนี้เราจะกลับอิตาลี รอบนี้อาจจะไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอนด้วย”
“รับทราบขอรับ”



คฤหาสน์แอคเคอร์แมน........
มอมแมม.....อยู่นิ่งๆสิ เอเลนเอ็ดเสียงดัง ขณะที่ฟอกสบู่ลงบนตัวของเจ้าสุนัข เจ้ามอมแมมเองก็ไม่ได้ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่น้อย มันเอาแต่วิ่งพล่านทั่วห้องน้ำไม่หยุด
ให้ผมช่วย ดีกว่าไหมครับ เบลทรูทที่ยืนดูอยู่หน้าประตูเอ่ยขึ้น
ไม่......ไม่ ผมจะทำเอง.........อ๊ะ เบลทรูท ปิดประตูที!!!!”
แต่ก่อนที่หนุ่มร่างสูงจะวิ่งไปงับบานประตูได้ทัน เจ้ามอมแมมที่ฟองสบู่เต็มตัวก็วิ่งฉิวออกจากห้องนอนของเอเลนลงไปชั้นล่างเสียแล้ว
ซวยล่ะ ร่างสูงบ่นพลางวิ่งตามลงไป
มอมแมม!!! หยุดนะ เอเลนที่เปียกโชกไปด้วยฟองสบู่เต็มตัวก็วิ่งตามไปติดๆ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่รีไวกลับมาพอดี แจนเดินมาเปิดประตูให้ร่างสูงลงจากรถ ในจังหวะนั้นเองชายหนุ่มสังเกตเห็นกลุ่มก้อนสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยฟองสบู่วิ่งผ่านหน้าไป ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกของเบลทรูท
หยุดนะ!!!” และเอเลน
มอมแมม.....มอมแมม อย่าหนีนะ
มอมแมมเหรอ.....
เสียงเรียกขานของร่างบางทำให้ชายหนุ่มชะงัก มือใหญ่คว้าเอวบางของคนที่กำลังจะวิ่งผ่านหน้าไป
อ๊ะ.......เจ้านาย มอมแมม มอมแมม ของผม เอเลนโวยวายด้วยท่าทีร้อนใจแต่รีไวกลับยึดไหล่บางไว้แน่น
เอเลนนึกออกแล้วหรอ......จำได้แล้วเหรอ.......เอเลน.....จำทุกอย่างได้แล้วใช่มั้ย
มอมแมมของผม.....เบลทรูทช่วยจับที เอเลนตะโกนบอกชายหนุ่มร่างสูงที่วิ่งไล่เจ้าก้อนสบู่ก้อนนั้นอยู่ที่สนามหญ้า สปริงเตอร์ฉีดน้ำที่เปิดไว้กลางสนามค่อยๆชะล้างฟองสบู่จนรีไวสังเกตเห็นว่าก้อนสบู่ที่เบลทรูทไล่จับคือสุนัขสีน้ำตาลเข้มผอมกะหร่องตัวหนึ่ง
จับที......จับมอมแมมให้ผมที
รีไวจึงรู้ได้ในทันทีว่ามอมแมมที่เอเลนพูดถึงนั้นไม่ใช่เขา แต่เป็นสุนัขต่างหาก มือใหญ่ผละออกจากไหล่บางปล่อยเอเลนวิ่งเข้าไปหาเบลทรูทที่ตัวเปียกม่อล่อกม่อแลกจากการไล่จับเจ้ามอมแมม ร่างบางอุ้มสุนัขตัวนั้นเดินเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง
นี่ไง....เจ้านาย มอมแมมของผม......เลี้ยงไว้ได้มั้ย รีไวยกมือลูบหัวเจ้าหมาน้อยเบาๆตอบเสียงแผ่ว
อยากทำอะไรก็ทำเถอะ เอ่ยตอบพร้อมกับส่งยิ้มเศร้าๆไปให้ เอเลนมองแผ่นหลังร่างสูงที่เดินผ่านหน้าตนไป
ทำไม เจ้านายเสียใจอะไรกัน………..


รีไวทรุดกายนั่งลงที่โต๊ะประจำห้อง กล่องกำมะหยี่กล่องเล็กถูกหยิบขึ้นมาจากลิ้นชัก แล้วหยิบเอาจี้รูปกุญแจสีทองขนาดเล็กขึ้นมากุมไว้
ชั่วขณะที่เอเลนวิ่งมาหาเขาพร้อมกับร้องเรียกมอมแมมไปด้วยนั้นทำให้เขาดีใจจนอดนึกไม่ได้ว่าความทรงจำของร่างบางกลับมาแล้ว เอเลนคนเดิมตื่นขึ้นสักที แต่เมื่อความจริงกระจ่างว่ามอมแมมที่คนๆนั้นเรียกนั้นไม่ใช่เขา ก็รู้สึกราวกับหัวใจที่มืดมนดวงนี้มันแตกสลาย
อะไรกัน......นี่เราคิดอะไร........หวังอะไรอยู่รึยังไง........ น้ำตาหยดเล็กหลั่งรินลงมาจากนัยน์ตาคมกริบช้าๆ
เอเลนไม่มีทางจำได้อยู่แล้ว.......ไม่มีทางนึกออกอยู่แล้ว.......มอมแมมเหรอ....งี่เง่าสิ้นดี

ด้านฝ่ายแจนเองที่ได้เห็นอากัปกิริยาการตื่นเต้นของรีไวเมื่อตอนที่เอเลนเรียกหามอมแมม และท่าทีสิ้นหวังเมื่อยามที่เขาเดินจากไปอยู่ตลอดก็พาลให้นึกสงสัย
มอมแมม......เหรอ......เหมือนจะเคยได้ยินมาจากที่ไหนกันนะ



เมื่อดูลาดเลาแล้วว่าไม่มีใครเห็นแน่นอน มือบางบรรจงหยิบหนังสือลงกระเป๋าเป้อย่างเงียบเชียบ
ยังไม่เลิกอีกเหรอ เสียงทักจากด้านหลังทำให้คริสต้าสะดุ้ง
ผู้ชายคนนี้อีกแล้ว............
คิดว่าจะยอมรามือไปตั้งแต่ถูกจับได้คราวนั้นแล้วเสียอีก ชายหนุ่มหน้าคมหยิบหนังสือจากมือเด็กสาวกลับไปวางบนชั้นดังเดิม
ถ้าอยากได้ ก็ซื้อสิ........ไม่อยากได้จะขโมยทำไม
ฉันไม่จำเป็นต้องบอกให้คุณรู้นี่ ว่าพลางเนียนเดินหนีเอาดื้อๆ แต่คราวนี้มันไม่ง่ายแบบนั้นเมื่อมือใหญ่บีบข้อมือเล็กของเธอเอาไว้
ไปคุยกันหน่อยเถอะ........

ภาพเด็กสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งหน้าบึ้งอยู่หน้าถ้วยไอศกรีมช็อคโกแลตซันเดย์ ดูจะขัดกับบรรยากาศหวานๆของร้านไอศกรีมชื่อดังนี้เหลือเกิน
กินสิ....... ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นในขณะที่จิบกาแฟหอมกรุ่นไปด้วย
ไม่!!!” แม้อีกคนจะส่งเสียงตอบกลับห้วนๆ แต่ชายหนุ่มก็ยังอมยิ้มน้อยๆ พลางถือวิสาสะคว้าช้อนตักไอศกรีมเข้าปากตัวเองไป
อร่อยออกนะ.......กินหน่อยสิ เมื่อเขายื่นส่งช้อนตักไอศกรีมมาให้ตรงหน้า คริสต้าก็ปัดออกอย่างไม่ไยดี
กินเองได้......ไม่ต้องป้อน มือเรียวแย่งช้อนเล็กมาถือไว้แน่นแล้วตั้งหน้าตั้งตาจ้วงตักไอศกรีมโดยไม่สนใจเขาอีก
ทำแบบนั้นทำไม
ทำอะไร
ขโมยของไง ดูท่าทางเธอเองก็ไม่เหมือนพวกเด็กด้อยโอกาส ขัดสนเงินทองอะไรสักหน่อย ดูออกจะเป็นพวกลูกคุณหนูเสียด้วยซ้ำ จะขโมยของไปทำไม
ก็แค่ทำเพราะอยากทำ......มีปัญหาหรือไง
มีปัญหาแน่ ถ้าถูกจับได้ มันคงไม่จบแค่คำว่าขอโทษหรอกนะ ถ้าเรื่องถึงตำรวจ มันก็ต้องมีการดำเนินคดี อาจถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล พ่อแม่จะเดือดร้อนเอาได้นะ
เป็นอย่างนั้นได้ก็ดีสิ คริสต้าพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ว่าไงนะ?”
ใครจะสนกันเล่า ถูกจับได้ก็ช่างสิ
ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาไปได้...... ชายหนุ่มบ่นขณะที่หัวเราะเบาๆ
ว่าไงนะ!!!! ใครเป็นเด็กมีปัญหากัน คริสต้าขึ้นเสียง ตบโต๊ะเสียงดังจนคนหันมามองทั้งร้าน
เฮ้!!! ใจเย็นหน่อยสิ ไม่อายคนอื่นรึไง
ถอนคำพูดเลยนะฉันไม่ใช่เด็กมีปัญหา
ก็ได้ๆ....ถอนคำพูดก็ได้.....ใจเย็นลงหน่อยเถอะ
พอเห็นท่าทีแบบนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่า เด็กมีปัญหาจริงๆนั่นแหละ เมื่อเห็นท่าทีของเด็กสาวเริ่มสงบลง เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
จะบอกฉันได้รึยังทำแบบนั้นทำไม
อยากเห็นใครบางคนเจ็บปวดขึ้นมาบ้าง
คนๆนั้นก็คงไม่พ้นเธอเองน่ะสิ...........
 “อยากจะพูดอะไรกันแน่......พูดมาให้เคลียร์นะ คริสต้าเอ่ยขณะจ้องหน้าผู้ชายคนนั้นเขม็ง แต่เขากลับยิ้มด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อยแล้วจึงพูดออกมา
จะทำเพื่อประชดใคร ฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ถ้าเธอถูกจับได้ คนที่เสียก็คือตัวเธอเอง มีความผิดติดตัวว่าเป็นเด็กขี้ขโมย สังคมไม่ยอมรับ อนาคตข้างหน้าจะใช้ชีวิตต่อยังไง ทั้งๆที่เมื่อทำไปแล้วเธอก็แค่สร้างความรำคาญใจให้แก่คนที่ต้องการประชดเท่านั้น แต่ข้อเสียทั้งหมดมันกลับตกอยู่ที่ตัวเอง
ฉันจะเป็นอะไรยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกันอยู่แล้วไม่ใช่รึไง จะมาสนใจทำไมกัน ขนาดพ่อ ยังไม่แคร์เลย...........
ก็ไม่ได้จะสนใจอะไรเป็นพิเศษหรอกนะ แต่ฉันทนดูอนาคตของเด็กคนหนึ่งพังยับย่อยไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้หรอกนะ
ก็แค่ขโมยของ ไม่ได้ฆ่าคนตายเสียหน่อย พูดเสียเวอร์เลย
อาชญากรรมเล็กๆ นำไปสู่อาชญากรรมที่ร้ายแรงได้นะ ผู้ชายคนนั้นพูดทีเล่นทีจริงจนคริสต้าได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
จุ้นจ้านจริง.........
ไหนๆเราต่างก็เป็นคนแปลกหน้ากันอยู่แล้ว มีอะไรอยากจะพูดไหม พูดออกมาสิ ฉันจะฟัง ถึงยังไงเธอก็ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเอาไปบอกใครที่เธอรู้จักอยู่แล้วนี่นา
ทำไมฉันต้องพูดให้คุณฟัง
เก็บกดเอาไว้มากๆ มันไม่ดีนะ.......เอาแบบนี้สิ คิดเสียว่าฉันเป็นชักโครก ปล่อยของเสียที่คั่งค้างอยู่ในใจออกมาให้หมด แล้วก็กดน้ำไล่มันออกไปก็เท่านั้น มันจะได้ไม่รบกวนอีกไงล่ะ
คริสต้าชั่งใจก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา
ชักโครก.......ช่างคิดได้นะ
ฉันจริงจังนะ...... ชายผู้นั้นพูดย้ำด้วยสีหน้าจริงจัง เด็กสาวจ้องมองเขานิ่งแล้วจึงตอบไป
ถ้าคุณจริงจัง.......ฉันก็จะจริงจังด้วย ที่บ้านของฉันกำลังมีปัญหา ธุรกิจของพ่อใกล้จะล้มละลายเต็มที ทั้งๆที่แต่ก่อนก็เอาแต่หมกมุ่นทำงานจนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แล้ว เดี๋ยวนี้พ่อยิ่งหักโหมมากกว่าเดิม เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยจะสนใจฉัน แต่ตอนนี้กลับมาทำอารมณ์เสียใส่บ่อยๆ ทั้งๆที่สมบัติพวกนั้นไม่ใช่ของตัวเองตั้งแต่แรกแท้ๆ ไปแย่งชิงเขามา มันจะสูญสลายไปในที่สุดก็จะแปลกอะไร
ดูเหมือนเธอจะไม่เสียดายเลยนะ กับของที่ตัวเองกำลังครอบครองอยู่มันกำลังจะลอยหายไป
ฉันไม่รู้สึกเสียดาย คิดว่าดีเสียด้วยซ้ำ กรรมคงตามสนองครอบครัวเราแล้ว.......พ่อที่ทรยศหักหลังคุณลุงกับพี่ชาย จะถูกฉันทรยศหักหลังดูบ้าง......ก็สมควรแล้ว ฉันเกลียดพ่อ เกลียดทุกอย่างที่พ่อทำ
เธอบอกว่าเกลียดเขา แต่เธอกำลังจะทำแบบที่เขาทำอยู่นะ รู้ตัวรึเปล่า........ทรยศ หักหลัง ทำร้ายคนสายเลือดเดียวกันให้เจ็บปวด
เขาสมควรที่จะได้รับมัน.......ยิ่งเขาว่าฉันเลว ฉันก็จะเลวให้ถึงที่สุด เด็กสาวกล่าวเสียงสั่นนัยน์ตาสีเหลืองทองฉายแววเย็นชาและหนาวเหน็บ
อย่าเดินทางผิดอีกเลยนะ......ถ้าเขาว่าเธอเลว ยิ่งต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นสิ ว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่ถูกต้อง ถ้ารู้สึกว่าพ่อไม่รัก ก็ลองหันมองดูรอบๆตัว คนที่เป็นห่วงและหวังดีกับเธอต้องมีอยู่แน่ๆ........แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่มีใครอีกแล้วจริงๆก็....นึกถึงฉันเอาไว้ก็ได้นะ ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม ที่ยิ้มจนแก้มปริ
บ้า!!!” เสียงตัดพ้อห้วนๆนั้นกลับ เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชายคนนั้นได้อีกครั้ง
สิ่งสำคัญที่ควรจะจำไว้นะสาวน้อย หากอยากจะได้ความรัก เธอต้องรู้จักที่จะมอบความรักให้คนอื่นก่อน ไม่ใช่เอาแต่รอคอยให้ใครๆเขามารักตัวเองหรอกนะ......แบบนั้นมันไม่มีหรอก
คริสต้าจ้องมองชายหนุ่มนิ่งงัน ดูภายนอกเหมือนจะพึ่งพาอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็เป็นคนมีสาระกว่าที่คิด
ขณะนั้นเองโทรศัพท์มือถือที่ตั้งปิดเสียงไว้ก็แสดงสายเรียกเข้าขึ้นมาพอดี สายที่ไม่ได้รับห้าสิบหกสาย และทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นสายของอาร์มินทั้งสิ้น
ฉันต้องไปแล้วนะ.......คิดว่าเธอคงสบายใจขึ้นแล้ว ถ้าอยากจะสั่งอะไรกินต่อก็สั่งเลยแล้วกัน มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินจากไป คริสต้าก็เอ่ยขึ้น
จะได้เจอกันอีกรึเปล่า.......
ไม่รู้สิ......คงแล้วแต่โชคชะตาล่ะมั้ง หรือบางทีถ้าเธอไม่สบายใจเมื่อไหร่ ฉันอาจจะโผล่ออกมาก็ได้
คุณเป็นใคร.....
อาจจะเป็นเทพพิทักษ์ประจำตัวเธอล่ะมั้ง ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวกลั้วหัวเราะแล้วเดินจากไปซึ่งนั่นทำให้เด็กสาวรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
ท่าจะบ้าจริงๆ......... โทรศัพท์มือถือมีสายเข้าอีกครั้ง เมื่อคิดถึงคำพูดของคนผู้นั้นแล้วคริสต้าก็กดรับสายทันที
ว่าไง
คุณหนู!!!.....ตอนนี้อยู่ที่ไหนครับ ผมตามหาจนทั่วเลย น้ำเสียงจากปลายสายบ่งบอกว่าร้อนอกร้อนใจมาก
อยู่ที่ร้านไอติมในห้างน่ะ
โดดเรียนอีกแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย.....ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย
อย่าบ่นมากอาร์มิน ถ้ายังไม่มารับในสิบนาที ฉันจะไปที่อื่นแล้วนะ
ครับๆ ทราบแล้วครับ เสียงปลายสายตัดไปด้วยความรีบร้อน
ถ้ารู้สึกว่าพ่อไม่รัก ก็ลองหันมองดูรอบๆตัวสิ คนที่เป็นห่วงและหวังดีกับเธอต้องมีอยู่แน่ๆ

อย่างน้อยก็มีตาผู้ชายจอมเนี๊ยบ อาร์มิน นี่คนล่ะนะ

รีไวทอดสายตาภาพจากกล้องวงจรปิดที่แสดงภาพคริสต้ากำลังเดินนำหน้าชายหนุ่มผู้หนึ่งออกจากห้างของเขาไปพลางรำพึงกับตนเองเบาๆ
เป็นเด็กดีกว่าที่คิด.........จะเอายังไงดีล่ะ.......




เสียงจอแจของผู้คนที่นั่งอยู่เต็มร้านกาแฟ ไม่ได้เข้าหูเขาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่เสียงที่กำลังเรียกชื่อที่เขาไม่คุ้นเคยอยู่ตอนนี้ก็เช่นกัน
คุณเอิร์ดครับ.......คุณเอิร์ด จนต่อเมื่อมีมือมาสัมผัสแขนนั่นแหละ แจนถึงได้เริ่มรู้สึกตัว
อ่ะ.....ครับ.....คุณนานาบะ มีอะไรรึเปล่าครับ
กาแฟจะเย็นหมดแล้วนะครับ ไม่ดื่มเหรอครับ เห็นเอาแต่นั่งเหม่ออยู่นานแล้ว
ผมกำลังคิดอะไรนิดหน่อยนะครับ คือ.....เจ้านาย.....เขาเป็นใครมาจากไหนกันแน่ครับ แจนตัดสินใจเอ่ยถามขึ้นมาตรงๆ
ก็เป็นลูกชายของคุณท่านน่ะครับ........ทำไมเหรอครับ
ผมรู้สึกเหมือนเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนแต่นึกไม่ออก
คือ อันที่จริง เจ้านายเขาก็ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของคุณท่านหรอกครับ แต่ก็ไม่มีใครรู้ความเป็นมาที่แน่ชัดของเขา แต่อันที่จริงคุณท่านเองก็มีลูกชายอยู่คนหนึ่งนะครับ แต่รายนั้นน่ะชอบไปอยู่ที่ญี่ปุ่นมากกว่า นานๆจะกลับมาที
ไม่ใช่ลูกแท้ๆเหรอ.....
แล้วเบลทรูทล่ะครับ เขาเป็นใคร.......
อ๋อ เจ้านั่นเหรอครับ ก็เป็นเด็กที่คุณท่านชุบเลี้ยงมาเหมือนกันกับผมนั่นแหละครับ ถ้าหากว่าผมถูกเลี้ยงมาในสายสติปัญญา เจ้านั่นเองก็ถูกปั้นมาในสายต่อสู้นั่นแหละครับ เห็นท่าทางเงียบๆเหมือนไม่มีอะไรแบบนั้น อย่าไว้ใจเชียวนะครับ หน้ายิ้มๆแบบนั้น ไม่มีใครรู้หรอกครับว่าคิดอะไรอยู่ เรียกว่าเสือซ่อนเล็บก็ว่าได้ แต่ซ่อนเล็บอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องเรียกว่าเสือซ่อนเล็บในร่างแมวหง่าวอีกทีถึงจะถูก ทางที่ดีอย่าไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้านั่นจะดีกว่านะครับ
เป็นเช่นนั้นเองเหรอครับ แจนกล่าวขณะยิ้มรับ
สรุปแล้วไม่ว่าจะ รีไวหรือเบลทรูทก็ไว้ใจไม่ได้สินะ
คุณเอิร์ด......ถามทำไมเหรอครับ
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ไหนๆก็ต้องทำงานด้วยกัน รู้จักกันไว้ดีกว่า คำตอบนั้นเรียกรอยยิ้มน้อยๆจากนานาบะได้
คุณคงจะติดใจเรื่องที่คุณรีไวทำกับคุณใช่มั้ยครับ อภัยให้เขาเถอะครับ ไอ้นิสัยชอบทำอะไรตามใจตัวเองน่ะเป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว แต่ที่เขาทำก็เพื่อจะช่วยเหลือคุณนะครับ อย่างน้อยๆตอนนี้ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องที่ตำรวจจะดมกลิ่นหาคุณได้อีกแล้ว สบายใจได้ครับ
นั่นสินะครับ แจนยิ้มรับ
ช่วยเหลือเหรอ มันคิดจะทรมานกันสิไม่ว่า……….
เอาเถอะครับ ป่านนี้คงกลับมาแล้ว ถ้ากลับมาไม่เจอใครเดี๋ยวจะอารมณ์เสีย เรารีบกลับขึ้นไปกันดีกว่าครับ
เมื่อแจนและนานาบะกลับมาถึงห้องของประธานอีกครั้ง ก็พบกับเจ้าของห้องที่กำลังนั่งมองภาพจากกล้องวงจรปิดอยู่
กลับมานานแล้วเหรอครับ นานาบะเอ่ยทักทันที
สักครู่น่ะ.....
ขอผมคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวได้มั้ยครับ แจนเอ่ยขึ้นมาบ้าง รีไวตวัดตามองร่างสูงเงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้น
ออกไปก่อนนานาบะ เมื่อบุคคลที่สามออกพ้นประตูห้องไป รีไวก็ลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมายืนเบื้องหน้าแจน
มีเรื่องอะไร
คุณกับผม.....เราเคยเจอกันมาก่อนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการที่จะพูดจาสุภาพกับคนๆนี้ได้
 “แล้วแกคิดว่ายังไง
ผมค่อนข้างจะมั่นใจ ว่าผมต้องเคยพบกับคุณมาก่อน
ทำไมแน่ใจขนาดนั้นรีไวเอ่ยสำทับขณะที่แค่นหัวเราะออกมา
มอมแมม...........พอชื่อนี้หลุดออกมาก็ดูเหมือนว่าจะทำให้รีไวอึ้งไปชั่วครู่
 “ดูเหมือนคุณจะฝังใจกับชื่อนี้เอามากๆแต่ก็เพียงไม่นานเท่านั้น ใบหน้าคมแสยะรอยยิ้มเย้ยหยันอย่างที่เจ้าตัวชอบทำออกมาทันที
แล้วยังไง.....
นานมาแล้ว ผมเคยรู้จักเด็กข้างถนนคนหนึ่ง ไอ้เด็กคนนั้นมันบังอาจเสนอหน้ามาเทียบชั้นอยากเป็นเพื่อนกับคุณชายของผม และคุณชายก็เรียกมันว่า มอมแมม แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกันอีก รีไวจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าเงียบๆ แล้วยิ้มเย็นออกมา
เหรอ......อย่างนั้นเหรอ แล้วเป็นไงล่ะ รู้สึกยังไงบ้าง ทีไอ้เด็กมอมแมมคนนั้น ตอนนี้มันมีทุกอย่างที่เหนือกว่าแก.......เหนือกว่าคุณชายของแก
เป็นแกจริงๆสินะ........ไอ้เด็กสกปรก แจนจ้องมองรีไวด้วยความเคียดแค้น
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ปกเสื้อของร่างสูงกำเอาไว้แน่น ดวงตาคมเข้มเฉียบลึกจับจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความสะใจ
นึกออกก็ดีแล้ว จะได้เลิกเสแสร้งกันสักที คราวนี้หันเขี้ยวหันเล็บใส่กันซึ่งๆหน้าเลยเป็นไง ทั้งๆที่ฉันไม่เคยลืม ไม่มีวันลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่แกทำกับฉันเอาไว้ แจน กิลชูไตน์....... คำดูถูก เหยียดหยาม ทุกสิ่งทุกอย่างที่แกเคยตราหน้าเหยียบย่ำฉัน ฉันจะเอาคืน......เอาคืนให้สาสม ทั้งแกทั้งคุณชายของแกเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ได้เลย!!!”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น