{Attack On Titan:Levi x Eren } Kill me - Kiss me
Chapter 1
Chapter 1
สายตาคมกริบกวาดมองทั่วทั้งห้องประชุมที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นงานประมูลสินค้าใต้ดินของสมาคมการค้าตลาดมืด
เหล่าของมีค่าที่ถูกนำมาด้วยการปล้นฆ่าแย่งชิงได้ถูกนำเข้ามาร่วมงานเพื่อขายทอดตลาด
การประมูลสินค้าเถื่อนของผู้มีอันจะกินในวงการตลาดมืดระดับสูงที่ถูกจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้นนี่นับเป็นโอกาสที่เปิดให้เหล่าคนในวงการมืดได้อวดศักดาประกาศผลานุภาพของเงินตราที่เจ้าตัวถือครอง
การประมูลสินค้าหายากที่กินเวลาร่วมสามชั่วโมงดำเนินมาถึงช่วงสุดท้าย สินค้าชิ้นสำคัญที่เหล่าผู้เข้าร่วมงานต่างก็ตั้งตารอได้ถูกลำเลียงขึ้นสู่เวทีประมูล
ท่ามกลางความสนใจของทุกคน ของเล่นของพวกมีอันจะกินที่ทุกคนต่างก็ต้องการจะครอบครอง
ตุ๊กตามนุษย์........
แท้จริงแล้วเป้าประสงค์ของการจัดงานครั้งนี้ก็ถูกจัดขึ้นเพื่อการค้ามนุษย์ดีๆนี่เอง
ตุ๊กตาชายหญิงหน้าตาหมดจดยืนเผยเรือนร่างเปล่าเปลือยต่อหน้าผู้มาร่วมงานทุกคน
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแต่ไร้ซึ่งรอยยิ้มไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆของหนุ่มสาวเหล่านี้ยิ่งทำให้พวกเขาดูราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องที่เปราะบางมากยิ่งขึ้น
ไม่ใช่ไม่อับอายที่ถูกหยามเกียรติ.....ต่างก็รู้สึกชินชา
ไม่ว่ากี่ครั้งที่ตกไปอยู่ในกำมือผู้ใดเมื่อถูกกระทำย่ำยีจนหนำใจสุดท้ายชีวิตของพวกเขาก็จะต้องมาจบลงที่เวทีแห่งนี้
ขายเรือนร่างและชีวิตให้แก่เจ้านายคนใหม่วนเวียนเช่นนี้ไปจนกว่าจะถึงวันดับสูญ......นั่นถือเป็นการปลดปล่อยพวกเขาสู่อิสรภาพที่แท้จริง
จะมีอิสระใดเล่าเป็นนิรันดร์เทียมเท่าความตาย..........
แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็จำต้องทนรับความทรมาทรกรรมนี้ต่อไป การปรากฏโฉมของเหล่าตุ๊กตามนุษย์เรียกเสียงฮือฮาและความสนใจแก่ผู้เข้าร่วมงานได้เป็นอย่างดี
หน่วยตาคมกริบส่องประกายกร้าวด้วยความโกรธเคืองยามเมื่อจับจ้องร่างขาวบางที่ยืนเปลือยกายด้วยใบหน้านิ่งเฉยอยู่บนเวที
“คุณชาย”
มือใหญ่กำแน่นด้วยความเกลียดชัง
เกลียดพวกโสมมที่กระทำย่ำยีศักดิ์ศรีเพื่อนมนุษย์ด้วยกันราวกับพวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงสิ่งของ
ไร้ความรู้สึกนึกคิด ไร้ชีวิต ไร้จิตใจ
เกลียดตัวเองที่ไม่อาจปกป้องคนสำคัญด้วยมือของตนได้
แม้จะได้อยู่เคียงข้างกาย
แต่ก็ไม่อาจปลดเปลื้องความทุกข์ระทมที่บังเกิดกับร่างบางนั้นได้เลย
....................................................................
.............................................
.....................
ร่างขาวบางที่บอบช้ำทอดกายระทดระทวยอยู่บนที่นอนนุ่ม
ดวงหน้าขาวใสชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ แผ่นอกบางสะท้อนขึ้นลงช้าๆตามจังหวะการหายใจ
เนื้อกายเนียนละเอียดถูกปกปิดลวกๆด้วยผ้าห่มผืนบาง
"คุณชายครับ........คุณชาย........คุณชาย"
เสียงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงดังอยู่ใกล้ๆ
ราวกับเพิ่งตื่นมาจากฝันร้าย
ดวงหน้าขาวใสที่ติดจะซีดเซียวค่อยๆเบี่ยงหน้าไปหาต้นเสียงช้าๆ
"คุณชายเป็นอย่างไรบ้างครับ อดทนไว้ก่อนนะครับ
ผมจะเช็ดตัวให้"
เมื่อได้ยินเสียงทุ้มเริ่มเคลื่อนห่างออกไป คนที่สติกำลังลางเลือนจึงเอ่ยขึ้น
"ไม่ อย่าไป อย่าเพิ่งไปไหนนะ" มือบางยึดวงแขนใหญ่เอาไว้แน่น
"ผมไม่เป็นไร ผมทนได้
อีกนิดเดียวเท่านั้น.......อีกไม่นาน เราจะเป็นอิสระกันแล้วนะ"
ใบหน้าอ่อนระโหยโรยแรงส่งยิ้มอ่อนล้าออกมา
"เขาบอกว่า......อีกไม่นานเขาจะปล่อยผม เราจะได้ออกไปจากที่นี่กันสักที
แค่อดทนอีกไม่นานเท่านั้น เราก็จะเป็นอิสระ"
น้ำเสียงแหบแห้งค่อยๆอ่อนแรงลงก่อนจะเงียบไป ร่างสูงกระชับผ้าห่มคลุมกายบางไว้ให้เรียบร้อย
พลางทรุดกายนั่งลงข้างเตียงของนายผู้เป็นที่รักอย่างหมดหนทาง
"อีกไม่นานเราจะเป็นอิสระเพราะจะได้ออกไปจากที่แห่งนี้
แต่นั่นก็หมายถึงว่านรกแห่งใหม่กำลังรอเราอยู่ จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
จะต้องอดทนไปถึงเมื่อไหร่ ทำอย่างไรผมถึงจะปลดปล่อยคุณได้สักที"
มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มชื้นเหงื่อช้าๆ
เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาราวกับต้องการจะปลอบประโลมหัวใจอันบอบบาง
ขับกล่อมให้กับร่างบางได้พบกับฝันอันแสนหวานสักครั้ง
"ผมจะปกป้องคุณ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต
ผมก็จะทำ!!!"
………………………..
“สินค้าชิ้นพิเศษนี้ถูกนำมาประมูลโดย ท่านเฟอร์นันโด
ซึ่งได้ให้การการันตีมาแล้วว่าสินค้าชิ้นนี้มีดีทั้งรูปลักษณ์และการใช้งาน” เสียงบรรยายดังก้องทั่วห้องประชุม ชายหนุ่มร่างบางถูกดันออกมายืนหน้าสุดของแถว
ใบหน้าขาวใสเรียบเฉย นัยน์ตาสีเขียวมรกตแลดูหม่นหมองเลื่อนลอยไร้วี่แววของอารมณ์
ไม่ว่าเมื่อไหร่ สุดท้ายแล้วเขาก็มักจะลงเอยด้วยการถูกประมูล
ณ สถานที่โสมมแห่งนี้เสมอ ถูกเปลี่ยนผ่านมือคนแล้วคนเล่า
เมื่อไหร่กันนะ
ที่ตุ๊กตาตัวนี้จะถึงขีดจำกัดดับสลายไปเสียที……..
“คุณชาย.......”
ร่างสูงเริ่มขยับเคลื่อนไหวเมื่อเห็นสินค้าประมูลอย่างชัดเจน
เรือนร่างสูงโปร่งค่อยๆแทรกกายผ่านกลุ่มคนที่มัวแต่หลงชื่นชมความงามของตุ๊กตาตัวนี้อยู่
“บอกได้คำเดียว
ตุ๊กตาตัวนี้ใครประมูลได้ไม่มีทางเสียใจแน่นอน”
ชายร่างอ้วนประกาศเสียงดังพร้อมรอยยิ้มที่แลดูน่าสะอิดสะเอียน
เสียงเสนอราคาประมูลเริ่มดังขึ้น
นับว่าเป็นการปั่นราคาประมูลที่ได้ผลดีทีเดียวยิ่งเจ้าของเดิมออกมารับประกันด้วยตนเองแบบนี้ก็ยิ่งส่งผลให้มีผู้หมายปองจะครอบครองตุ๊กตาตัวนี้เพิ่มมากขึ้นราคาประมูลค่อยๆพุ่งทะยานสูงขึ้นไปเรื่อยๆท่ามกลางเสียงอลหม่านเสนอราคาประมูลที่กำลังสับสน
..............ในที่สุดเขาก็สามารถเข้าประชิดตัวชายร่างอ้วนผู้นี้ได้สำเร็จ
“นายท่านขอรับ คุณชายของผมมีเรื่องจะเรียน” ร่างสูงป้องปากกระซิบให้ได้ยินกับชายร่างอ้วนเพียงแค่สองคน
“ตุ๊กตาของฉัน?......มีอะไรรึ”
“คุณชายของผมฝากเรียนนายท่านว่า.........”
“ไปตายซะไอ้ชาติหมา!!!!”
เสียงปืนกระหน่ำดังขึ้นพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่สาดกระจาย
ก้อนเนื้อสีขาวอมชมพูที่หลุดกระเด็นออกจากกะโหลกชายร่างอ้วนสาดกระเซ็นเข้าใส่ผู้เข้าร่วมประมูลโดยรอบ
เสียงกรีดร้องดังลั่น การ์ดรักษาความปลอดภัยเริ่มค้นหาที่มาของเสียงปืนอย่างว่องไว
เหล่าผู้มีอันจะกินทั้งหลายต่างถูกคนของตนกันตัวออกจากที่เกิดเหตุถอยร่นเข้าไปอยู่ในเขตปลอดภัย
ร่างสูงไม่รอช้า
หลังจากจัดการเป้าหมายเสร็จก็รีบวิ่งฝ่าฝูงชนที่กำลังแตกฮือด้วยความตื่นตระหนกขึ้นไปบนเวทีประมูล
“คุณชายครับ......คุณชาย ไปกันเถอะครับ” มือใหญ่ออกแรงเขย่าคนที่ยืนนิ่ง
ราวกับเพิ่งได้สติ ร่างบางช้อนตามองชายหนุ่มที่กำลังร้องเรียกเขาช้าๆ
“ไป.....ไปเหรอ......ไปไหนล่ะ
ผมยังไม่มีเจ้าของเลยนะ”
“ไม่ต้องไปสนใจพวกโรคจิตพวกนั้นอีกแล้วครับคุณชาย
รีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ ผมจะดูแลคุณเอง”
“แต่ผมเป็นตุ๊กตา ถ้าไม่มีเจ้าของ แล้วตุ๊กตาอย่างผมจะมีความหมายอะไร” ดวงตาใสแจ๋วที่ทอดมองมาฉายแววตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดจนต้องตะโกนออกมา
“คุณไม่ใช่ตุ๊กตา คุณชายคือเจ้านายของผม
นายน้อยแห่งตระกูลเยเกอร์!!! ได้ยินมั้ยครับไปกับผม
ออกไปจากนรกนี่สักที!!!!”
“ไปจากที่นี่......ออกไป.....เราจะกลับบ้านกันใช่มั้ย.....ไปหาคุณพ่อกันใช่มั้ย”
“ครับเราจะกลับบ้าน ไปหาคุณท่าน” แม้คุณท่านจะไม่อยู่แล้วก็เถอะ แต่ได้โปรดคุณชายได้สติสักที
สถานที่สกปรกโสมมแบบนี้ไม่ใช่ที่ของคุณ
“อย่าอยู่ห่างผมนะครับ คุณชาย”กล่าวพร้อมกับถอดโค้ทสีเข้มตัวยาวห่อคลุมร่างเปลือยเปล่าเอาไว้ให้แล้วฉุดเรียวแขนขาวที่มีร่องรอยฟกช้ำดำเขียวออกวิ่งเต็มฝีเท้า
ร่างบางออกวิ่งตามแรงฉุดของร่างสูง เขาจำต้องกดนายน้อยลงกับพื้นเมื่อเจอกับกระสุนที่สาดเข้ามา
มือใหญ่กดศีรษะเล็กแนบอกพลางโอบกอดเอาไว้
“เรากำลังจะกลับบ้าน ผมขอให้คุณชายปิดหู
หลับตา นับหนึ่งถึงร้อยแล้วค่อยลืมตาขึ้นนะครับ
เมื่อถึงตอนนั้นผมสัญญาเราจะปลอดภัย” ชายหนุ่มร่างบางยินยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี
หลับตาแน่น อุดหู พลางซุกตัวเข้าหาอกแกร่งที่ปกป้องตนเองเอาไว้
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า..........”
เสียงที่ได้ยินตอนนี้จึงมีเพียงแค่เสียงตนเองที่กำลังนับเลขไปเรื่อยๆ
สมาธิทั้งหมดเพ่งอยู่กับเหล่าตัวเลขที่วิ่งผ่านสมองมาแล้วผ่านไปโดยไม่ได้สนใจเสียงปืนที่แผดลั่นดังทั่วห้องประชุม
แขนใหญ่โอบกอดร่างบางเอาไว้ มืออีกข้างกระชับปืนไว้มั่น สูดหายใจเข้าลึก
แล้วพุ่งตัวออกจากที่กำบัง สาดกระสุนใส่ทุกคนที่ขวางหน้า
ในขณะที่ใช้ร่างของตนเป็นโล่กำบังให้แก่ร่างบางในอ้อมกอดไปด้วย
“ใครมาขวาง......มันต้องตาย!!!!”
............................................................
เรือนกายกำยำก้าวข้ามผ่านคนที่บาดเจ็บและล้มตายที่กองอยู่บนพื้นช้าๆ
รองเท้าหนังชั้นดีเหยียบย่ำลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดโดยไม่ได้มีท่าทีสะอิดสะเอียนแม้แต่น้อย
ราวกับว่าตอนนี้เขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านตอนฝนตกใหม่ๆอยู่ก็ไม่ปาน
นัยน์ตาคมกริบกวาดมองทั่วห้องประชุมใหญ่ที่มีสภาพเละไม่มีชิ้นดี
ปัง!!!!
เขม่าปืนลอยคลุ้งอยู่เบื้องหน้า
ชายชุดดำที่คิดว่าตายไปแล้วกลับหมอบลงบนแทบเท้าเขาอีกครั้ง
เมื่อถูกกระสุนปืนทะลวงขมับ
“ระวังหน่อยครับ.....สถานที่นี้ยังไม่ปลอดภัยนัก” ชายหนุ่มร่างสูงที่ออกจะเกินมาตรฐานของคนทั่วไปเอ่ยขึ้นพร้อมกับเก็บปืนเข้าไปในสูทสีดำ
“หึ!!!!”
ชายหน้าคมแค่นเสียงด้วยความสมเพช
แล้วเดินเหยียบย่ำผ่านร่างที่เพิ่งจะแน่นิ่งนั้นไป เหล่าผู้ติดตามคอยประกบไปติดๆพลางรับข่าวสารผ่านวิทยุสื่อสารตัวจิ๋วจากเหล่าสมุนไปด้วย
“รายงานสถานการณ์โดยรอบครับ
พบศพเฟอร์นันโดเสียชีวิตจากการถูกจ่อยิงระยะเผาขนแล้วครับ” ข่าวรายงานที่ได้รับผ่านวิทยุตัวจิ๋วถูกส่งต่อให้เจ้านายทันที
“แล้วตุ๊กตาของฉันล่ะ
อยู่ที่ไหน” เสียงทุ้มเอ่ยถามเรียบๆ
“ได้เบาะแสจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่ามีคนพาตัวออกไปแล้วครับ
คาดว่าจะเป็นมือสังหารที่จัดการเฟอร์นันโดครับ”
มาช้าไปเหรอ....................
ชายหนุ่มนิ่งไป
ใบหน้าคมคายทอดสายตามองคนสนิทด้วยแววตานิ่งเฉย เย็นชา
“ต่อให้พลิกทั้งฟ้า
ก็ต้องหาตุ๊กตาของฉันให้เจอ”
.........................................................
...................................
..............
“เก้าสิบแปด........เก้าสิบเก้า......หนึ่งร้อย”
ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับใบหน้าคุ้นตา
โครงหน้าคมคายได้รูปชื้นไปด้วยเหงื่อ เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
มือบางยกเช็ดคราบเลือดที่ติดบนหน้าร่างสูงให้เบาๆ
“เราปลอดภัยแล้วใช่มั้ย......”
“ครับคุณชาย”
ตอบรับไปพร้อมกับกุมมือเรียวเอาไว้ ไม่อยากให้คนๆนี้แตะต้องคราบเลือดไปมากกว่านี้
“กลับบ้านกันใช่มั้ย”
“ครับ....กลับบ้าน” ร่างบางยิ้มรับคำตอบนั้น
นับเป็นรอยยิ้มแรกที่เขาได้รับในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา คุณชายกำลังดีใจที่จะได้กลับบ้าน
แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อบ้านหลังนั้นมันไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว
มือบางจับจูงร่างสูงเดินออกจากตรอกมืดๆนี้ช้าๆ
เรือนกายบอบบางยังคงความขาวสะอาดเอี่ยมอ่องไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
ในขณะที่ตัวเขากลับเต็มไปด้วยร่องรอยของบาดแผล และกลิ่นคาวเลือด
ช่างแตกต่างกันราวกับเทวาและซาตานเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยวครับคุณชาย.....รอก่อน”
“หืม” ร่างสูงยับยั้งคนที่กำลังจะก้าวออกไปหาความสับสนอลหม่านภายนอกตรอกนี้เอาไว้
“รออีกสักเดี๋ยว....พรุ่งนี้ผมจะพาคุณกลับบ้าน
ถ้าออกไปตอนนี้เราอาจจะถูกเจอตัวเอาได้ง่ายๆนะครับ”
“อืม......ก็ได้” เชื่อฟังทุกคำพูดของร่างสูงเป็นอย่างดี
“เจ็บเหรอ?” มือบางลูบไล้แขนที่มีเลือดซึมออกมาเบาๆ
“ไม่ครับ ไม่เจ็บเลยสักนิด แผลแค่นี้เล็กน้อย
มันเทียบกับความเจ็บปวดที่คุณชายต้องทนแบกรับไม่ได้หรอกครับ
ต่อให้ต้องเสียเลือดจนหมดตัว ไม่เหลือแม้แต่ลมหายใจ
ผมก็จะไม่ยอมให้คุณชายตกอยู่ในเงื้อมมือคนเลวพวกนั้นอีก”
“ไม่เป็นไรนะ......ไม่เจ็บนะ.....ไม่เจ็บอีก” ว่าพลางเป่าลมลงบนแผลร่างสูงเบาๆพลางกอดไว้แน่น
แขนใหญ่โอบกอดร่างบางเอาไว้ไม่อยากให้คนๆนี้หลุดลอยไปจากตนอีก
“เพื่อคุณชาย คุณคนเดียวเท่านั้น
ผมจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายคุณอีก จะไม่ยอมให้คุณต้องตกอยู่ใต้เงื้อมมือคนใจทรามพวกนั้นอีก
เพียงแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมจะไม่ยกให้ใคร”
..............................................................
...................................
.............
รถยนต์ติดฟิล์มดำวิ่งพล่านไปทั่วทั้งเมืองหลวงตลอดคืน ชายหนุ่มหน้าคมทอดกายนั่งพิงเบาะหลังด้วยท่วงท่าสบายๆในขณะที่มือขวาคนสนิทยังคงง่วนอยู่กับการรับข่าวสารจากสายที่ส่งออกไปไม่หยุด
“อะไรนะ.....ยังไม่เจอ
แล้วแกจะรายงานฉันเพื่อ.........ถ้ายังไม่ได้ข่าวอย่าสะเออะติดต่อมาให้เสียเวลา” หนุ่มร่างสูงถอนหายใจด้วยความหัวเสีย พลางส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิดเมื่อได้รับสัญญาณติดต่อเข้ามา
“ว่ายังไง.....”กระแทกเสียงตอบกลับไปด้วยความหงุดหงิด
แต่ดูเหมือนว่าข่าวนี้จะเป็นข่าวที่เขารอคอยจะฟังมาแทบทั้งคืน
“สายของเรารายงานมาว่า พบตัวตุ๊กตาของคุณแล้วครับ” ชายหนุ่มยิ้มรับข่าวดีนี้ แล้วออกคำสั่งเสียงเฉียบ
“ถ้าผิดตัว
บอกพวกมันให้เรียงคิวรอกินลูกปืนฉันได้เลย”
ร่างสูงที่อ่อนล้าลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อพบว่าร่างบางยังคงหลับใหลอิงแอบอยู่กับอกของตนจึงเบาใจลง
มือใหญ่อังแก้มใสเบาๆ
อากาศยามเช้ามืดช่างเย็นเหลือเกิน......
กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นหวังให้คนในอ้อมกอดได้อบอุ่น
“ตื่นแล้วเหรอ” น้ำเสียงงัวเงียดังมาเบาๆ
“ขอโทษครับ ผมทำให้คุณชายตื่น”
“ไม่เป็นไร ผมอยากกลับบ้าน”
บ้านเหรอ......จะไปหาจากที่ไหนได้กัน
“ครับ....กลับบ้านกัน” แต่ยังไงก็ต้องพาไปหลบในที่ปลอดภัยก่อนดีที่สุด.........
ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากตรอกมืดๆแห่งนี้
ทางออกเล็กๆกลับถูกปิดกั้นไว้ด้วยรถสีดำคันใหญ่ ชายชุดดำกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามาล้อมคนทั้งคู่เอาไว้
“ชิท!!!!อุตส่าห์คิดว่ารอดแล้วแท้ๆ” สบถออกมาพลางกวาดตามองชายชุดดำที่ติดอาวุธครบมือ
“เสียเวลาตั้งนาน.....ตุ๊กตาของฉันมาตกระกำลำบากอยู่นี่เอง” ชายหนุ่มหน้าคมเดินแหวกชายชุดดำเข้ามาในวงล้อม
“แกเป็นใคร?” คิดว่าเป็นคนของเจ้าเฟอร์นันโดตามมาล้างแค้นให้นายมันเสียอีก
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เสียแล้ว
“ถามโง่ๆ เจ้าชีวิตของคุณชายแกไงล่ะ แจน
กิลชูไตน์” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันที่ถูกส่งออกมา
แรงถีบจากชายหนุ่มผู้นี้ที่ปะทะเข้ากับยอดอดทำให้แจนถึงกับจุกลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้น
“แจน!!! กลับบ้าน
ผมจะกลับบ้าน”
“คุณชาย!!!.......” พอพยายามจะเข้าใกล้ ก็เป็นอันต้องเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบที่ขาขึ้น
คนพวกนี้ยิงเขาโดยไม่มีการเตือนแม้แต่น้อย เลือดสีสดไหลเป็นทางราวกับท่อประปารั่ว
“อย่าทำเขา......ผมจะกลับบ้าน กลับบ้านกับแจน” ตุ๊กตาตัวน้อยเริ่มส่งเสียงโวยวาย
“หุบปาก!!!” ชายหนุ่มตวาดลั่น
“เป็นตุ๊กตาไม่ใช่หรือไง
ต้องเชื่อฟังเจ้านายไม่ใช่เหรอ ตอนนี้นายเป็นของฉันแล้วยังไงล่ะ”
มือใหญ่บีบปลายคางเรียวไว้แน่นขณะจ้องสบตากับดวงตาคู่สวยที่กำลังฉายแววตื่นตระหนก ร่างบางตกตะลึงในขณะที่สมองกำลังประมวลผลคำพูดของชายคนนี้อยู่
“คุณเป็นเจ้านาย.......ผมเป็นตุ๊กตา.......เป็นตุ๊กตาของคุณ” ร่างบางพึมพำออกมาราวกับตนเองเป็นตุ๊กตาที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้จริงๆ
“เลิกโวยวาย แล้วตามฉันมา”ร่างบางยินยอมเดินตามชายผู้นั้นออกไปแต่โดยดี.......
แจนมองตามหนุ่มร่างบางที่เดินห่างออกไปช้าๆ คุณชายของเขากำลังถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา
“คุณชาย คุณชายครับ อย่าไป.....คุณชาย!!!!”
แจนตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน แต่คราวนี้กลับมีปากกระบอกปืนจ่อที่หน้าผากของเขาอยู่
ชายร่างสูงหนึ่งในพวกชุดดำพูดกับเขาด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่ขอลุกขึ้นมาอีก”
แจนกัดฟันแน่นตะโกนเสียงดัง
“แกไม่เข้าใจ......ไม่มีวันเข้าใจ
คืนคุณชายของฉันมา!!!!”
“ยอมรับชะตากรรมของคุณเถอะ คุณแพ้แล้ว”
“ถ้าจะพาเขาไปจากฉัน......ฆ่าฉันเลยเซ่!!!!”
ปัง!!!
เสียงปืนดังลั่นมาจากตรอกมืดที่เพิ่งเดินจากมา ทำให้หนุ่มร่างบางชะงักงัน
“เอ๋.......แจน?....”
เสียงหวานพึมพำเบาๆ กะจะหันกลับไปมองยังเส้นทางที่จากมาแต่ก็ถูกทักท้วงไว้เสียก่อน
“รออะไรอยู่ล่ะ ขึ้นมาสิ” ชายหนุ่มหน้าคมที่เข้าไปนั่งรอในรถยื่นมือมาให้แต่ร่างบางก็ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน
“เป็นตุ๊กตา
ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายไม่ใช่หรือไง”
“ครับ.....ต้องเชื่อฟัง” ร่างบางพยักหน้ารับลอยๆ
“อยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ.....มาสิ
ฉันจะพากลับบ้าน”
มือใหญ่ที่แลดูอบอุ่น เสียงทุ้มที่ฟังดูอ่อนโยน
ไม่มีทางที่ตุ๊กตาอย่างเขาจะปฏิเสธความต้องการของเจ้านายได้อยู่แล้ว
มือบางเอื้อมไปสัมผัสฝ่ามือใหญ่ก่อนจะถูกกุมเอาไว้แน่น
“ครับ......ผมจะกลับบ้าน กับคุณ”
ไม่นะ เเจน 안돼 안돼 안돼
ตอบลบ