Gintama Fiction : Hijikata x Gintoki -He’s Wolf-
ในยุคสมัยที่ซามูไรและกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้านกลายเป็นเรื่องราวต้องห้ามในดินแดนเอโดะ ความรุนแรงและอาชญากรรมยังคงมีให้เห็นได้ทุกหย่อมหญ้า
ในยุคสมัยที่ซามูไรและกลุ่มนักรบฝ่ายต่อต้านกลายเป็นเรื่องราวต้องห้ามในดินแดนเอโดะ ความรุนแรงและอาชญากรรมยังคงมีให้เห็นได้ทุกหย่อมหญ้า
คืนเดือนหงายที่แสงจันทร์ส่องสว่าง
ภายในตรอกแคบที่มืดทึมเทา เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและกลิ่นเลือดโชยคละคลุ้งออกมาจากตรอกแคบที่แม้แต่แสงสว่างของจันทร์เพ็ญยังไม่อาจส่องไปได้ถึง
“อย่า!!! ยอมแล้ว......ข้ายอมแพ้แล้ว อย่าทำอะไรข้าอีกเลย”
ซามูไรหนุ่มที่สิ้นสภาพเลือดโทรมไปทั้งกายถึงกับทรุดร่างลงคุกเข่าอ้อนวอนกับพื้น
แต่เจ้าของเรือนกายใหญ่ดำทะมึนที่ย่างสามขุมเข้าไปใกล้ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะรับฟัง
มีเพียงเสียงขู่คำรามต่ำๆราวกับสัตว์ร้ายกำลังจ้องตะครุบเหยื่อดังมาให้ได้ยินเบาๆ
“ได้โปรด!!!......ไว้ชีวิตข้าด้วย.......อย่า......อ้ากกกกกกกกกกกก”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บป่วยในยามค่ำคืนยังคงดังก้องทั่วทั้งเอโดะให้ได้ยินอยู่เช่นทุกเมื่อเชื่อวัน
“รายนี้ถือเป็นรายที่สามของเดือนครับ
ผู้บาดเจ็บคือ ชิมิสึ เซย์จิ อดีตเคยเป็นซามูไรปัจจุบันทำอาชีพรับจ้างทั่วไป
เมื่อคืนนี้เขาถูกทำร้ายหลังจากออกมาทิ้งขยะที่ตรอกนี้
คนร้ายลงมือเหมือนกับเหยื่ออีกสองรายที่ผ่านมา ร่างกายเต็มไปด้วยรอยบาดแผลฟกช้ำ
รอยเขี้ยวและกงเล็บ เขาเอาแต่ร้องขอชีวิตอย่างเดียวจนสอบปากคำอะไรไม่ได้เลยครับ”
ยามาซากิอ่านสรุปรายงานให้กับรองหัวหน้าหน่วยชินเซ็นกุมิฟังคร่าวๆ
ชายหนุ่มร่างสูงผมดำเข้มที่ชอบสูบมาโบโร่เป็นชีวิตจิตใจพยักหน้ารับ
เขาก้าวข้ามป้ายกักกันสีเหลืองเดินเข้าไปในตรอกที่มีชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มอีกคนกำลังเก็บหลักฐานอยู่
“เห็นอะไรเพิ่มเติมบ้าง โอคิตะ”
“รอยเท้าครับ
ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอจะเห็นรอยเท้าจางๆสองสามก้าว ก่อนที่จะหายไป” ฮิจิคาตะก้มมองรอยเท้าเปล่าที่พื้นขณะที่พ่นควันบุหรี่ออกมาโขมงใหญ่
“อย่าลืมเก็บเข้าประวัติแฟ้มคดีด้วย”
“ครับ....ผมเก็บแน่นอนครับ
ถ้าหากว่าหลักฐานที่เรามีเพียงสิ่งเดียวไม่ถูกคุณเหยียบจนเละไปก่อนนะครับ
คุณฮิจิคาตะ”
“หืม..........”
ฮิจิคาตะก้มมองตามสายตาของผู้ใต้บังคับบัญชาที่จ้องจะเคลมตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยชินเซ็นกุมิของเขาเป็นประจำแล้วก็ต้องสะดุ้ง
ตายห่าน!!!
รอยเท้าที่เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดเพียงอย่างเดียวดันถูกเขาเหยียบเละซะได้
แสร้งกระแอมดังๆหนึ่งครั้งแล้วเดินออกจากตรอกไปอย่างเนียนๆ
“ยังไงก็เก็บเท่าที่พอจะมีให้เก็บได้ก็แล้วกัน”
“รับทราบครับ......โรเจอร์”
แล้วไอ้โรเจอร์นี่มันใครกันวะ!!!!
เดินออกจากตรอกมาด้วยความหงุดหงิดพอดีกับที่ได้ยินเสียงสกู๊ตเตอร์คันเก่าวิ่งปุเลงมาใกล้
เจ้าของดวงตาเฉื่อยชาเหมือนปลาตายกับเส้นผมสีเงินหยักศกเป็นเอกลักษณ์ที่หนีบนิตยสารจัมป์รายสัปดาห์ติดรักแร้มาด้วยก็จอดลงเบื้องหน้า
“ท่าทางกำลังยุ่งเลยสินะ.....คุณตำรวจ”
ชายหนุ่มผมเงินใช้ดวงตาเหมือนปลาตายที่แสนจะกวนโอ้ยจ้องมองรองหัวหน้าหน่วยชินเซ็นกุมิพลางแคะขี้มูกด้วยความเคยชิน
“ก็ไม่ได้ว่างงานเหมือนใครบางคนจะได้ร่อนไปร่อนมาอ่านจัมป์เล่นปาจิงโกะไปวันๆนี่หว่า”
ถ้อยคำนี้กะเหน็บเจ้าตัวเต็มๆ
“ก็แล้วจะให้ทำไงได้
เราเดินกันคนละสายงานนี่นะ” นอกจากจะไม่เดือดร้อนแล้ว
เจ้าตัวยังดีดเม็ดขี้มูกไปใส่รองหัวหน้าหน่วยจอมเก๊กให้โดดหลบแทบไม่ทัน
อี๋!!!!! สกปรกโคตรว่ะ.......
“ยังไงก็พยายามเข้าแล้วกันนะครับ
คุณตำรวจ” กินโทกิเอ่ยยิ้มๆขณะสตาร์ทเครื่องสกู๊ตเตอร์
แต่ก่อนจะทันได้ออกรถก็ถูกมือใหญ่คว้าตรึงไหล่เอาไว้
“ช่วงนี้มีเหตุทำร้ายร่างกายค่อนข้างบ่อย
เหยื่อทุกรายล้วนเป็นซามูไรรับจ้างเหมือนกับคนร้ายได้เล็งเอาไว้แล้ว
ถ้ายังไงก็ระวังตัวเอาไวด้วยล่ะ......รับจ้างสารพัด”
กินโทกิไม่ตอบรับ เขาโบกมือพลางหันเสี้ยวหน้าส่งรอยยิ้มในแบบที่น้อยคนนักจะได้เห็นให้แก่รองหัวหน้าหนุ่มก่อนจะขับสกู๊ตเตอร์ออกไปอย่างสบายใจ
ฮิจิคาตะถึงกับหลุดสบถด้วยความหงุดหงิด
คิดถูกหรือคิดผิดกันวะที่เกิดเป็นห่วงมันขึ้นมา!!!
“อา.......อากาศหนาวๆแบบนี้มันต้องจิบเหล้าแรงๆสักแก้วถึงจะดี”
เพียงแค่ก้าวเท้าเข้าไปในร้านสแน็คบาร์เจ้าประจำก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างบางในชุดเครื่องแบบนั่งก๊งเหล้าอยู่เพียงแค่คนเดียว
“สายันห์สวัสดิ์ครับลูกพี่”
โอคิตะเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับชูแก้วเหล้าในมือขึ้น
“น่าแปลกนะที่จะเจอคนของทางการมานั่งจิบเหล้าในสแน็คบาร์โทรมๆแบบนี้”
กินโทกิกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่นั่งลงข้างโอคิตะพลางรับแก้วเหล้าที่ชายหนุ่มส่งมาให้
พร้อมกับที่ป้าโอโทเซะหันมาส่งสายตาทิ่มแทงแทนคำพูดว่า
หุบปากแมวๆของแกไปซะกินโทกิ!!!!.......
“ได้ข่าวว่าตอนนี้กำลังมีคดียุ่งๆกันอยู่ไม่ใช่รึไง
แต่เห็นนายมาจิบเหล้าสบายใจแบบนี้ หรือว่าปิดคดีได้แล้วเหรอ”
“อากาศหนาวๆแบบนี้ได้เหล้าแรงๆสักแก้วมาทำให้เลือดอุ่น
สมองจะได้แล่นปรู้ดปร้าดขึ้นไงล่ะครับ สมองของผมต้องผ่อนคลายก่อนจะเริ่มงานต่อ
จะให้เคร่งเครียดตลอดเวลาเหมือนคุณฮิจิคาตะล่ะก็คงหัวล้านก่อนวัยอันควรแน่”
โอคิตะเอ่ยขำๆขณะที่กินโทกิเอ่ยขึ้น
“แล้วที่พวกนายกำลังตามหามันคืออะไรกันแน่”
“ก็ว่ากันว่าเป็นสัตว์ร้ายที่ออกทำร้ายผู้คน
เหยื่อทุกรายที่มันเลือกนั้นล้วนแล้วแต่เป็นซามูไรฝีมือดีถึงแม้ว่าหลายคนจะปลดระวางไปแล้วก็เถอะแต่ดูเหมือนมันจะไม่สนใจเพราะยังไงความเป็นซามูไรนั้นก็ยังคงอยู่ในสายเลือด
ผูกติดอยู่กับจิตวิญญาณของพวกเขา ผู้เสียหายล้วนให้ปากคำว่ามันมีร่างกายใหญ่โต
พละกำลังมหาศาล เขี้ยวขาวยาวโค้ง เสียงขู่คำรามน่าสะพรึง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนพวกนั้นล้วนเสียสติกันหมดแล้วเราจึงไม่เก็บมาประกอบเป็นคำให้การ”
“แล้วพวกนายคิดว่ายังไง”
“หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่เราพบใกล้กับผู้เสียหายนั้นคือรอยเท้าเปล่า
ซึ่งเป็นรอยเท้าของมนุษย์
สำหรับผมไม่คิดว่าจะมีสัตว์ชนิดไหนที่ร้ายกาจไปมากกว่ามนุษย์อีกแล้ว
มนุษย์ที่สามารถรังแกสัตว์ที่อ่อนแอได้ ฆ่าได้แม้กระทั่งพวกพ้องนั่นแหละ คือสัตว์ร้ายที่น่ากลัว”
กินโทกินิ่งเงียบ
เขาย่อมเข้าใจสิ่งที่โอคิตะกล่าวดียิ่งกว่าใคร เขาที่ได้ฉายา ชิโร่ยาฉะ
นั้นมาย่อมเข้าใจถึงสัตว์ร้ายที่แฝงกายอยู่ภายในจิตใจของมนุษย์ดี
“มีผู้เสียหายถึงสามแล้วนะ
จนถึงป่านนี้ชินเซ็นกุมิก็ยังจับกุมมันไม่ได้นี่มัน.......พวกนายทำงานกันล่าช้าจริง”
“ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับ
ลูกพี่......ถ้ามันเป็นสัตว์ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะจับกุมมัน
แต่ถ้าเกิดมันเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจอย่างสัตว์ขึ้นมา
ด้วยมันสมองที่ไม่ด้อยยิ่งไปกว่าพวกเราแล้วมันก็ค่อนข้างยากที่จะจับตัวมัน
และถ้ามันยังคงลอยนวลอยู่แบบนี้ก็จะมีผู้เสียหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คงต้องมีใครสักคนที่จะหยุดมัน ใครสักคนที่พร้อมจะยอมเสียสละ ใครสักคนที่มีจิตวิญญาณวิถีแห่งซามูไรและฝีมือดีมากพอที่จะล่อมันออกมาให้ติดกับ
ถ้าได้คนแบบนั้นมา ฝันร้ายแห่งเอโดะก็คงจะจบลง”
รอยยิ้มร้ายค่อยๆจุดขึ้นที่มุมปากของอสูรขาว..................เรื่องยืมมือฆ่าคนนี่ถนัดนักนะ
โอคิตะ โซโกะ
“และข้อมูลที่สำคัญอีกอย่างที่จะมองข้ามไม่ได้ก็คือ
อสูรร้ายตนนี้ มันจะออกล่าเหยื่อทุกๆคืนวันพระจันทร์เต็มดวงครับ”
พระจันทร์ทรงกลดในยามราตรีทอแสงสีเงินยวงเปล่งประกายขับกล่อมให้เส้นผมหยักศกสีเงินเหลือบเทาทอแสงสีอ่อนเจิดจ้าท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี
ท่ามกลางความมืดแห่งนครเอโดะอันเงียบสงัด
กลับมีหนึ่งบุรุษหนุ่มผู้ถือดาบไม้เป็นอาวุธเดินทอดน่องท้าลมเย็นท่ามกลางราตรีอันหนาวเหน็บและเงียบงัน
เสียงฝีเท้าก้าวเดินเป็นจังหวะที่เนิบนาบและมั่นคง
ลมเย็นพัดชายเสื้อยูกาตะลายเมฆให้สะบัดพลิ้วไหว
กินโทกิเดินเลียบออกจากถนนสายหลักตัดผ่านเข้าสู่ทางเดินเลี่ยงเมืองสายเล็ก
แม้ตลอดเส้นทางจะไร้ซึ่งแสงสว่าง แต่ก็ได้แสงจันทร์คอยชี้นำทางให้
พื้นที่ไม่กว้างและไม่แคบจนเกินไปเหมาเจาะที่จะใช้เป็นลานต่อสู้ ซากาตะ
กินโทกิยืนนิ่งรอคอยอย่างใจเย็น เขารู้ตัวว่ามีใครบางคนสะกดรอยตามเขามานานแล้วและก็ถึงเวลาเสียที
ดาบไม้ในมือถูกกระชับไว้มั่นจิตใจสงบเกินกว่าที่จะสัมผัสได้
เปิดประสาทหูคอยรับฟังเสียงเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆรอบกาย
ใกล้เข้ามาแล้ว...........
เสียงฝีเท้าแผ่วเบาแต่รวดเร็วหยุดลงภายใต้เงามืดในส่วนที่แสงจันทร์ส่องไปไม่ถึง
เสียงลมหายใจหอบหนักดังมาจากเงามืดส่วนนั้น
“ไหนๆก็ตามมาถึงนี่แล้ว
โผล่หัวออกมาเสียสิ จะรออะไร” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
มีเพียงเสียงขู่คำรามดังตอบมาเบาๆ
หืม......หรือเจ้าตัวนี้มันจะไม่ใช่มนุษย์จริงๆ
เจ้าของเสียงคำรามค่อยๆย่างเท้าก้าวออกมาจากเงามืด
โฉมหน้าของศัตรูที่ปรากฏต่อแสงจันทร์ทำให้กินโทกิถึงกับชะงัก
สติสูญเสียการควบคุมไปชั่วครู่
“ฮิจิ.........”
ก่อนที่เขาจะตั้งตัวได้ทัน
ร่างสูงในชุดยูกาตะสีเข้มขาดวิ่นก็กระโจนเข้าหา
แรงที่โถมทับรุนแรงจนทั้งคู่ล้มกลิ้งไปกับพื้น กินโทกิกอดปล้ำร่างใหญ่ที่กำลังตะกรุยตะกายกงเล็บใส่เขาไม่ยั้ง
มือทั้งสองเหยียดยันดันคางร่างสูงที่หมายจะฝังคมเขี้ยวลงบนซอกคอของตนไว้สุดแรง
“เป็นบ้าอะไรของแกกันวะ
เมามายองเนสรึไง ฮิจิคาตะ!!!”
โดยปกติสำหรับกินโทกินั้นก็เป็นคนประเภททนถึกบึกบึนอยู่แล้ว
มีหรือที่เจอการจู่โจมเล็กน้อยเพียงแค่นี้จะรับมือไม่ไหว เสียก็แต่ว่าฮิจิคาตะในเวลานี้นั้นเหมือนกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
ร่างสูงเอาแต่ตะกรุยตะกายหมายจะกัดกินอย่างเอาเป็นเอาตาย
แรงที่โถมทับกดเข้ามาก็เหมือนกับไม่ใช่แรงของมนุษย์เสียด้วยซ้ำ
เหมือนสัตว์ป่าหิวกระหายที่กำลังออกล่าเหยื่อ............
กงเล็บแหลมคมตวัดข่วนยูกาตะสีขาวลายเมฆจนขาดเป็นริ้วๆ
เรือนกายขาวเนียนแน่นเนื้อได้รูปเปล่าเปลือยถูกเปิดเผยภายใต้แสงจันทร์เพ็ญ
“ฮิจิคาตะ......แก!!!” กินโทกิพยายามปัดป้องร่างใหญ่ที่เบียดกายเข้ามาสุดแรง
มือใหญ่บีบเค้นวงแขนขาวขึ้นกล้ามงามจนเป็นรอยฝ่ามือแดงขณะที่ยกร่างกินโทกิลอยขึ้นจากพื้นกระแทกเข้ากับตรอกกำแพงอิฐพลางบีบคอไว้แน่น
“ฮิ.....ฮิจิ....จ.......เจ้า.......บ.......บ้า!!!” กินโทกิจิกเล็บข่วนเข้ากับมือใหญ่ที่บีบรอบลำคอของตน
ไอ้บ้ามายองเลอร์นี่มันเป็นอะไรของมันกันแน่
ในขณะนั้นเองคมเขี้ยวแหลมคมก็ถูกฝังลงบนลาดไหล่เนียน
เลือดสีแดงสดไหลเอ่อล้นจากริมฝีปากหยักได้รูปลงมาตามเนินอกช้าๆ
กินโทกิถึงกับนิ่วหน้ากัดฟันแน่น
ไอ้บ้านี่มันกัดฉัน........ต้องไปฉีดยาพิษสุนัขบ้ามั้ยวะ!!!!!
ฮิจิคาตะส่งเสียงคำรามเบาๆ
จมูกคมสันสูดดมซอกคอขาวช้าๆก่อนจะฝังคมเขี้ยวลงไปอีกรอบตรงซอกคอนั้น เลือดสีเข้มไหลจากลำคอขาวยาวเป็นทางไปตามร่องอก
ฮิจิคาตะเหยียดกายยืดตรงสบสายตากับเหยื่อของตนแน่นิ่ง
ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดกันและกัน
เมื่อมองสบกับดวงตาสีเหลืองทองคู่นั้นแล้วกินโทกิก็ถึงกับหลุดหัวเราะด้วยความสมเพศ
“หรือแกจะเป็นหมาไปแล้วจริงๆ”
ฮิจิคาตะเอียงคอมองเขาด้วยความฉงนเหมือนกับไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาได้กล่าว
ก่อนจะตวัดเรียวลิ้นไล้เลียริมฝีปากบางเบาๆด้วยความออดอ้อน
การกระทำนั้นทำให้คนที่กำลังหัวเราะขื่นถึงกับหยุดชะงัก
กินโทกิหลุบสายตามองฮิจิคาตะที่กำลังตั้งอกตั้งใจเลียริมฝีปากและแก้มของเขาเหมือนกับสุนัขที่อ้อนเจ้าของอย่างตื่นๆ
เจ้าบ้านี่มันยังไงกัน
เดี๋ยวก็กัด เดี๋ยวก็เลีย ตกลงมันเป็นอะไรของมันกันแน่........
เรียวลิ้นร้อนค่อยๆโลมไล้ผ่านแก้มเนียนลงมาตามลำคอระหง
ไล้เลียทำความสะอาดรอยเลือดจากลำคอขาวเนียนลงมาตามร่องอกแน่นเนื้อ
ก่อนจะหยุดนิ่งจ้องมองยอดถันสีชมพูอ่อนที่แข็งขืนลุกชันเพราะอากาศเย็นในยามค่ำคืนอย่างสนอกสนใจในระยะประชิด
“มองอะไรของแกวะ.......น่ารำคา.....อ๊ะ”
คนถูกมองถึงกับหน้าขึ้นสี
แต่ก็พลันต้องหลุดเสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อเจ้าหมาขี้สงสัยดันส่งเรียวลิ้นอุ่นๆเข้าไปทักทายหยอกเย้าให้ยอดอกสีหวานนั้นตั้งชันยิ่งขึ้น
“ใครอนุญาตให้แกเลียกันเจ้าบ้า!!!”
ส่งเสียงตวาดด้วยความตกใจพยายามผลักใบหน้าคมที่แนบชิดดูดดุนอยู่กับแผ่นอกออกไป
แต่มือใหญ่กลับกดร่างของกินโทกิสะกดไว้กับกำแพงอิฐไม่ปล่อยโอกาสให้ต่อสู้ขัดขืน
“ปล่อย.....ฮิจิคาตะ....แก.....อ๊า.....อย่าเลีย......ห้ามกัด.....ตรงนั้น
.....อ๊ะ....”
ถึงกับหลุดเสียงครางกระเส่าเมื่อถูกรุกรานหนักยิ่งขึ้น
ฮิจิคาตะเบียดสะโพกกดส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวบดเบียดเข้ากับหว่างขาของกินโทกิขณะที่กำลังหยอกเอินยอดอกสีสวยไปด้วย
ไอ้บ้านี่มันดันมีอารมณ์......เดี๋ยวพ่อซัดสักเปรี้ยงให้มันหายอยาก!!!!
ขณะที่บิดแขนคิดจะสับฝ่ามือฟาดท้ายทอยอีกฝ่ายให้สลบแต่กลับถูกมือใหญ่คว้าไว้ได้ทัน
ฮิจิคาตะจัดการพลิกร่างกินโทกิหันหน้าเข้าหากำแพงแล้วกดกายทาบทับขณะที่รวบมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายที่คิดจะต่อสู้ขัดขืนไพล่หลังเอาไว้
ตลบชายยูกาตะลายเมฆขึ้นมากองไว้ที่เอวบางขณะที่รูดกางเกงขายาวของกินโทกิลงไปกองอยู่ที่เข่าอย่างไม่ปราณีปราศรัยพร้อมกับถูไถส่วนอ่อนไหวที่ตื่นตัวอย่างเต็มที่เข้ากับร่องก้นแล้วจึงเสือกกายเข้าไปในช่องทางต้องห้ามอย่างแรง
ผู้ถูกรุกรานถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง
ช่องทางเบื้องหลังถูกเสียดสีอย่างไม่ยั้ง กินโทกิเกร็งตัวแน่นพยายามขัดขืนแกนกายใหญ่ที่เสียดแทงลึกเข้ามาในร่างให้หลุดออกไป
“ฮิจิ....คา....ตะ....อ.....ออก.....ไป....”
ไอ้บ้าเอ้ย!!!
ได้แต่สบถในใจ
เจ้าบ้าฮิจิคาตะเหมือนจะไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำว่ามันกำลังข่มขืนเขาอยู่
ทุกคราที่ร่างใหญ่โถมกายกระแทกกระทั้นนั้นรู้สึกราวกับร่างกายกำลังถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
ยิ่งดิ้นรนขัดขืนช่องทางต้องห้ามก็ยิ่งตอดรัดหนักแน่น
ฮิจิคาตะถึงกับต้องลอบถอนหายใจพรูยาวออกมาด้วยความอุ่นร้อนและคับแน่นที่ได้สัมผัส
ร่างใหญ่ก้มตัวลงแนบกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่มีเลือดซิบจากการถลอกเสียดสีกับกำแพงปูน
ขบกัดท้ายทอยที่โผล่พ้นไรผมหยักศกสั้นสีเงินเต็มแรงจนปรากฏรอยเขี้ยวรอยที่สาม
ขณะขยับสะโพกเร่งความเร็วขึ้นด้วยความเสียวกระสัน
กินโทกิถึงกับส่งเสียงร้องลั่นไม่เป็นศัพท์ แต่ในยามคืนเดือนหงายดึกสงัดในตรอกเล็กๆแห่งนี้จะมีใครไหนเล่าได้ยิน
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางกระเส่าปนสะอื้น
สลับกับเสียงครวญของสัตว์ป่าที่กำลังร้องคำรามด้วยความสุขสม
เจ้าบ้าเอ้ย!!!.....รีบทำรีบเสร็จสักที
ได้แต่กัดฟันแน่นรอคอยให้ช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดนี้ผ่านพ้น
กงเล็บแหลมคมตวัดข่วนแผ่นหลังเปลือยเป็นทางยาวขณะที่เจ้าตัวได้ปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขสมเข้าไปในร่างของเหยื่อ
เสียงกู่ร้องเห่าหอนดังยาวนานในยามราตรีที่เงียบสงัดยามเมื่อถึงขีดสุดแห่งอารมณ์ ช่องทางอุ่นร้อนยังคงตอดรัดไม่หยุด
น้ำรักสีขาวขุ่นไหลท้นออกมาจากช่องทางต้องห้ามอาบไปกับเรียวขาขาวยามเมื่อร่างสูงถอนกายออก
ฮิจิคาตะกอดรัดร่างเปลือยที่กำลังทรุดลงกับพื้นไว้กับอก พร้อมกับก้มลงไล้เลียรอยเขี้ยวที่ต้นคอ
รอยกงเล็บและแผลถลอกที่แผ่นหลังให้กับกินโทกิเบาๆอย่างรักใคร่
วงแขนใหญ่ยังกอดรัดร่างของคนที่หมดแรงไว้ไม่ยอมปล่อย
กินโทกิหอบหายใจสะท้านบ่นให้คนที่กอดตนไว้ขณะที่หลับตาซุกหน้าซบกับแผงอกแน่นกล้ามด้วยความเหนื่อยล้า
“แกนี่มันหมาบ้าจริงๆ
ฮิจิคาตะ........”
แสงแดดรุ่งอรุณที่ทอลอดหน้าต่างบานเล็กผ่านเข้ามาในห้องทำให้ชายหนุ่มผมเงินกระเซอะกระเซิงจำต้องลืมตาตื่นอย่างช่วยไม่ได้
กินโทกิขยับกายลุกนั่งยกมือยีตาตัวเองด้วยความง่วงงุน
เมื่อกวาดสายตามองรอบตัวให้ชัดๆก็พบว่าตอนนี้กำลังอยู่ในห้องนอนของตนบนร้านรับจ้างสารพัด
“เมื่อคืนนี้ฝันร้ายชะมัด!!!”
บ่นให้กับตัวเองพร้อมกับบิดขี้เกียจก่อนจะลุกขึ้นจากฟูกนอนไปล้างหน้าล้างตา
จังหวะที่หยัดกายลุกขึ้นนั้นก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเอ่อไหลออกมาจากร่าง
เมื่อก้มลงมองก็พบกับหยดน้ำสีขาวขุ่นที่มีคราบเลือดปนไหลลงไปตามเรียวขางามหยดแหมะลงกับฟูกนอน
ภาพเหตุการณ์ที่คิดว่าเป็นเพียงแค่ฝันไหลย้อนกลับเข้ามาเต็มๆ
“ไอ้หมาบ้านั่น!!!......ทำให้ต้องเดือดร้อนซักที่นอนจนได้”
การอาบน้ำในยามเช้าที่หนาวเหน็บถือเป็นความทรมานสุดชีวิต
แต่ด้วยกลิ่นเหงื่อและคราบน้ำรักที่เปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งกายจะให้ทนทำเฉยอยู่ได้ก็ดูจะมากเกินไปนิด
หลังจากจัดแจงร่างกายของตนจนสะอาดเอี่ยมจึงหันไปจัดการฟูกนอนเคราะห์ร้ายทีหลัง
ซักคราบสกปรกแล้วจึงแบกออกไปตากที่หน้าระเบียง
“โย่!!! ลูกพี่....เมื่อคืนนี้ฉี่รดที่นอนรึไงกันครับ”
กลุ่มชินเซ็นกุมิดันออกลาดตระเวนเข้าพอดี โอคิตะ
โซโกะที่นำทีมผ่านมาจึงเอ่ยทักทายกับเขา
“ไม่ใช่เด็กๆกันแล้วจะฉี่รดที่นอนได้ไงกันเล่า
แค่ครบกำหนดทำความสะอาดต่างหาก” กินโทกิยิ้มตอบขณะที่ท้าวแขนกับเฉลียงระเบียงหน้าบ้านก้มหน้าคุยกับชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มที่ยืนอยู่ข้างล่าง
“แล้วเป็นไง.....เมื่อคืนนี้ยังมีการทำร้ายร่างกายกันอีกมั้ย”
“ไม่เลยครับ
ทั้งๆที่เป็นคืนเดือนหงายแท้ๆ แต่กลับไม่มีผู้เคราะห์ร้ายเลย”
“ข่าวดีสินะ”
กินโทกิเอ่ยตอบเอื่อยเฉื่อย
“ถ้าหากว่าไม่มีผู้เคราะห์ร้ายจริงๆก็ถือว่าดีไป......แต่ผมกลัวว่าผู้เคราะห์ร้ายจะไม่ยอมเปิดเผยตัวมากกว่าน่ะสิครับลูกพี่”
โอคิตะกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับพร้อมกับแววตาที่สื่อความหมายที่อ่านไม่ออก
กินโทกิชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาเลื่อนลอย
“ก็อาจเป็นได้นี่นะ”
“ครับ.....ก็ได้แต่หวังว่าถ้ามันเจอเหยื่อที่ถูกใจแล้วมันคงจะหยุดสักที”
โอคิตะกล่าวเสียงเรียบขณะที่กินโทกิยิ้มรับเอ่ยตอบเสียงเบา
“บางที.....มันอาจจะเจอแล้วจริงๆก็ได้”
ขณะนั้นเองฮิจิคาตะก็เข้ามาสมทบ
กินโทกิลอบมองท่าทีของชายหนุ่มอยู่เงียบๆ ซึ่งดูต่างจากฮิจิคาตะที่เขาเจอเมื่อคืนนี้เป็นคนละคนเลยทีเดียว
“สวัสดีครับ....โรเจอร์”
“โรเจอร์บ้านแกสิ.....เรียกอยู่ได้
ไอ้โรเจอร์นี่มันใครกัน” ฮิจิคาตะเอ่ยตอบอย่างหงุดหงิดขณะที่จุดบุหรี่ขึ้นสูบพร้อมกับเอ่ยทักกินโทกิไปด้วย
“อ้าว!!! .....แล้วนั่น แกฉี่รดที่นอนเหรอ”
“ไอ้นี่ก็อีกคน
เดี๋ยวพ่อเอาที่นอนยัดปากซะนี่....ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะเฟ่ย”
เอ่ยตอบเสียงสะบัดเพราะยังรู้สึกเคืองเรื่องเมื่อคืนไม่หายขณะที่หันกายเดินกลับเข้าบ้านด้วยไม่อยากจะเสวนากับพวกชินเซ็นกุมิบ้านี่อีก
“เดี๋ยว
หลังคอแกไปโดนอะไรมา กินโทกิ” จังหวะนั้นเอง ฮิจิคาตะพลันสังเกตเห็นรอยแผลที่เหมือนกับรอยคมเขี้ยวอยู่บนหลังคอของอีกฝ่ายพอดี
“อ๋อ...นี่น่ะเหรอ”
เผลอคลำหลังคอตัวเองอย่างลืมตัวจนสะกิดเข้ากับรอยแผล จึงส่งยิ้มยั่วไปให้อีกฝ่ายได้สับสนเล่นๆ
“ก็แค่หมามันกัด.......ไม่มีอะไรมากหรอก”
กินโทกิเดินชิ่งเข้าไปในบ้านไม่อยู่ต่อล้อต่อเถียงกันอีก
ฮิจิคาตะถึงกับฉุนปึ่ด!!!
“หมาที่ไหนวะ!!! นั่นมันรอยฟันคนชัดๆ.....เออเว้ย!!! ช่างหัวมันละกัน”
และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่ได้มีข่าวทำร้ายร่างกายซามูไรเกิดขึ้นอีกเลย
จนช่วงเวลาล่วงเลยมานับเดือน
กินโทกิพลันสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกที่หนาวจัดเพราะลืมปิดหน้าต่างลมเย็นจากภายนอกจึงพัดโกรกเข้ามาเล่นเอาขนลุกไปทั้งตัว
“หืม....พระจันทร์เต็มดวงหรอกเหรอ”
ถ้าอย่างนั้นคืนนี้............
ขณะที่ลุกขึ้นจะไปปิดหน้าต่าง
ก็จำต้องเอ่ยเชื้อเชิญแขกผู้มาเยือนที่นั่งคุดคู้อยู่นอกระเบียงในยามค่ำคืนที่เย็นจัดอยู่ก่อนแล้วเข้ามาด้วย
“เข้ามาสิ......ข้างนอกมันหนาวนะ”
กินโทกิกล่าวพร้อมกับเปิดประตูเฉลียงระเบียงต้อนรับก่อนจะปิดล็อคทั้งหน้าต่างและประตูให้เรียบร้อย
ฮิจิคาตะ โทชิโร่
ในชุดนอนยูกาตะสีเข้มก้าวเข้ามาในห้อง
เท้าเปล่าเปลือยที่เหยียบย่ำเสื่อทาทามิปรากฏรอยดินตามหลังมาเป็นทาง
ผมสีเข้มเย็นชื้นมีหยดน้ำเกาะพราวเป็นหย่อมๆ ท่าทางจะวิ่งเท้าเปล่ามาจนถึงที่นี่และคงนั่งตากลมอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานแล้ว
“เช็ดผมซะ
ถ้าไม่สบายแล้วจะลำบาก” กินโทกิกล่าวขณะโยนผ้าขนหนูไปคลุมศีรษะร่างสูงไว้
แต่อีกฝ่ายก็ยังคงยืนนิ่ง
“ทำไม....ทำไม่เป็นเหรอ
มานี่สิ ฉันจะเช็ดให้” กินโทกิกล่าวขณะที่ทรุดนั่งลงบนฟูกนอนตบตักตัวเองเบาๆ
ฮิจิคาตะคุกเข่าลงกับพื้นคลานสี่ขาเข้าไปหมอบลงตรงหน้า
“ใช่แบบนั้นแหละเด็กดี.......ว่าง่ายๆแบบนี้คืนนี้จะให้รางวัล”
กินโทกิกล่าวด้วยรอยยิ้มพึงใจขณะลงมือเช็ดผมให้กับชายหนุ่มร่างสูงที่หมอบคุดคู้อยู่กับพื้นราวกับสุนัขอ้อนเจ้านาย
ฮิจิคาตะหลับตาพริ้มเมื่อถูกเกาหูเกาคางให้ ร่างใหญ่แสดงความขอบคุณด้วยการเลียมือเรียวกลับตั้งแต่ปลายนิ้วจรดหัวไหล่
ปลดยูกาตะชุดนอนของกินโทกิออกพลางกดร่างโปร่งให้นอนราบลงกับที่นอน ละเลงลิ้นปรนเปรอตั้งแต่ยอดอกทั้งสองข้างจนถึงท้องน้อยเรื่อยมาจนถึงส่วนกลางของร่างกายที่กำลังสั่นระริก
เมื่อต้องเรียวลิ้นอุ่นชื้นมันจึงผงาดขยายขนาดขึ้นอย่างเต็มที่
ตั้งชันแข็งขืนสู้กับเรียวลิ้นที่โลมไล้ตั้งแต่ส่วนปลายจรดโคน
“ใช่......ตรงนั้นแหละเด็กดี......ชอบมันรึเปล่า”
กินโทกิหอบหายใจสะท้าน กัดฟันเอ่ยถามเสียงกระเส่า
“หรือแกจะชอบตรงนี้มากกว่า........”
เอ่ยกระเซ้าขณะใช้เท้ายันยอดอกร่างสูงให้ถอยห่างก่อนจะพลิกกายนอนคว่ำหมอบคุดคู้ลงกับฟูกนอน
มือเรียวบีบคลึงสะโพกตนเองเบาๆ ก่อนจะแย้มกลีบตูมทั้งสองข้างออกช้าๆเผยให้เห็นช่องทางสีเข้มที่กำลังเต้นตุบตับอย่างตื่นเต้น
ใบหน้าเรียวชื้นเหงื่อถูไถไปกับที่นอนขณะที่ยกสะโพกให้สูงขึ้นส่ายไปมาอย่างยั่วยวนเบื้องหน้าหมาป่าที่กำลังหิวโซ
ฮิจิคาตะก้มหน้าลงกัดแก้มก้นแน่นตึงนั้นแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะซุกหน้าลงที่ร่องกลางใช้เรียวลิ้นโลมเลียช่องทางต้องห้ามช้าๆ
กินโทกิถึงกับส่งเสียงครางสะท้านร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งตัว
ช่วงเวลาที่เขาโปรดปรานที่สุดก็คือคืนวันพระจันทร์เต็มดวง
นับตั้งแต่เหตุการณ์ในตรอกเล็กตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ทุกคืนวันเพ็ญฮิจิคาตะมักจะมาปรากฏตัวอยู่ที่ระเบียงหลังห้องอย่างหิวโซและลงมือกลืนกินเขาอย่างตะกละตะกรามทุกครั้ง
ฮิจิคาตะในเวลาแบบนี้นั้นควบคุมง่ายจนน่าขัน ความรู้สึกของการที่ได้เป็นผู้ที่เหนือกว่านี้มันสุดยอดจริงๆ
ลิ้นอุ่นสอดแทรกเข้ามายังช่องทางสีหวานกวาดควานเบาๆ
กินโทกิครางเสียงแผ่ว ฮิจิคาตะมักจะใช้การลูบไล้โลมเลียคอยปลุกอารมณ์เขาอยู่เสมอ
และกินโทกิก็พอใจมากเช่นกัน ทุกสัดส่วนที่ถูกแตะสัมผัสนั้นตื่นตัวและร้อนระอุราวกับถูกไฟเผา
“พอแล้ว.....เข้ามา......เข้ามาได้แล้ว”
หมดเวลาสำหรับการเล้าโลมต่อแต่นี้ไปคือของจริง
ฮิจิคาตะถูไถแกนกายที่ตื่นตัวแข็งขืนอย่างเต็มลำเข้ากับร่องกลีบลึก
ก่อนจะหยัดกายสอดใส่ผ่านช่องทางสีเข้มที่กำลังตอดรัดเข้าไปอย่างเต็มแรง
กินโทกิซุกหน้าลงกับหมอนกัดฟันแน่น
การสอดใส่ที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมล่วงหน้านั้นเป็นส่วนที่ทรมานที่สุด
แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความหฤหรรษ์อย่างสุดยอดเช่นกัน ทำให้การร่วมรักนั้นทวีความเร่าร้อน
รุนแรงและดิบเถื่อนมากยิ่งขึ้นราวกับสัตว์ป่า นี่เป็นส่วนที่กินโทกิชอบที่สุด
ร่างสูงขยับกายกระแทกกระทั้นใส่คนที่นอนคว่ำคุดคู้อยู่อย่างไม่บันยะบันยัง
ยิ่งถูกสอดลึกและรุนแรงเท่าไหร่เสียงครางกระเส่าก็ยิ่งดังมากขึ้น
ซึ่งมันยิ่งปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวของฮิจิคาตะให้รุนแรงยิ่งขึ้น
มือใหญ่จับพลิกร่างที่นอนหมอบอยู่ให้พลิกหงายเพื่อจะได้ง่ายต่อการเล้าโลมยอดปทุมถันที่แข็งชันได้ถนัดมือ
ยิ่งถูกกระตุ้นทั้งส่วนบนและช่องทางด้านหลังก็ยิ่งสร้างความเสียวกระสันมากยิ่งขึ้น
กินโทกิแอ่นกายสู้กับเรียวนิ้วที่กำลังบดคลึงยอดอกทั้งสองข้างด้วยความทรมานเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
“แรงกว่านี้สิ.....ทำให้แรงกว่านี้!!!”
เสียงหวานพึมพำแทบจะไม่ได้ศัพท์
เร่งเร้าให้ร่างสูงรุกรานตนเองหนักยิ่งขึ้น
แกนกายที่ตั้งชันสั่นไหวระริกเริ่มมีหยาดน้ำสีขาวปริ่มออกมาจากส่วนปลายก่อนจะฉีดพ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั้งแผ่นอกและหน้าท้องขึ้นลอนกล้าม
ชายผู้ที่ทำให้เขาสำเร็จสุขสมผ่านทางช่องทางด้านหลังเพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่แม้แต่จะสัมผัสส่วนอ่อนไหวนั้นมีเพียง
ฮิจิคาตะ โทชิโร่ ผู้นี้ผู้เดียวเท่านั้น
ช่องทางอุ่นร้อนที่ถูกเสียดสีอย่างหนักกำลังตอดรัดแกนกายยักษ์ที่กำลังทะลวงร่างโปร่งอย่างรุนแรง
แม้กินโทกิจะถึงจุดสุดยอดไปแล้วแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ไปถึงไหน แต่เมื่อเจอกับแรงบีบรัดที่ทยอยมาเป็นระลอกคลื่นซ้ำๆเข้าฮิจิคาตะก็ถึงกับหลุดเสียงครางออกมา
ชายหนุ่มชะงักกายหยุดนิ่งซึมซับความอุ่นร้อนรัดรึงที่โอบอุ้มส่วนอ่อนไหวให้เต็มที่ก่อนจะเริ่มกระแทกกายอีกครั้ง
ไม่ยอมเสร็จง่ายๆสินะ.............
“ใครบอกให้แกหยุดกัน......”
กินโทกิพลิกกดร่างสูงราบลงกับที่นอนแล้วเป็นฝ่ายตะกายร่างขึ้นไปอยู่ด้านบน
“ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง
แล้วถ้าฉันเกิดไม่รักแกขึ้นมาจะทำยังไง” กินโทกิยิ้มยั่วขณะแกล้งออกแรงบีบรัดแกนกายที่สอดใส่อยู่ในร่างอย่างแรง
ฮิจิคาตะนิ่วหน้าอย่างทรมานพยายามหยัดสะโพกสวนกายกระแทกแต่ก็ทำไม่ได้ง่ายๆเพราะถูกน้ำหนักตัวของกินโทกิกดทับส่วนกลางของร่างกายเอาไว้
กินโทกิก้มลงกระซิบข้างใบหูของร่างสูงเบาๆ
“ถ้าเชื่อฟังกันดีๆ
แบบนี้รักตายเลยล่ะ”
รัก?.........ใครรักใครกัน.........
ฮิจิคาตะที่กำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนจะได้ยินเสียงใครกระซิบบอกรักใกล้ๆ
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นกินโทกิกำลังโก้งโค้งอยู่เหนือร่างของตน
“แค่จำเอาไว้ให้ดีว่าใครเป็นนายของแกก็พอ.......ฮิจิคาตะ”
อ่ะ......เอ๋......นายอะไร......แล้วใครเป็นนายใครกันฟระ!!!!
ขณะที่กำลังงงเต๊กไม่หาย
กินโทกิก็พลันโฉบริมฝีปากลงมาจูบเขาอย่างรุนแรงจาบจ้วงโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
ไอ้บ้ารับจ้างสารพัดมันทำอะไรวะเนี่ย.......แกข่มขืนฉันเร๊อะ!!!!! ร่างสูงได้แต่กรีดร้องในใจอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อถอนริมฝีปากออก
กินโทกิก็ส่งยิ้มกระแทกใจดัง ปั่ก!!! ไปให้
“อยู่นิ่งๆ
เด็กดี......ฉันจัดการเอง” กินโทกิเอ่ยเสียงกระเส่าก่อนจะเริ่มขยับกาย
ร่างโปร่งโยกกายขึ้นลงช้าๆ
เลียริมฝีปากอย่างหมั่นเขี้ยว ความรู้สึกพึงพอใจของการได้เป็นผู้ควบคุมกำลังเอ่อทะลักออกมาจากภายใน
โดยเฉพาะการควบคุมผู้ชายคนนี้ ฮิจิคาตะ โทชิโร่
แม้จะกำลังสับสนว่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่
จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จู่ๆกินโทกิจะมาร่อนสะโพกอยู่เหนือร่างของเขา
แต่ความอุ่นร้อนและคับแน่นที่สัมผัสได้นั้นมันกลับสมจริงเสียเหลือเกิน
“ชอบรึเปล่า....โทชิ....หรือแกชอบให้ฉันรัดแน่นๆกว่านี้”
เอ่ยถามพลางหัวเราะในลำคอ ดูเหมือนว่ากินโทกิกำลังสนุกสนานกับการแกล้งเขาเสียเหลือเกิน
ยิ่งได้มองสีหน้าซุกซนของคนที่กำลังร่อนสะโพกอยู่เหนือร่างก็ทำให้เส้นความอดทนนั้นขาดผึงลง
ฮิจิคาตะกดร่างโปร่งลงกับที่นอนกลายเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมเสียเอง
ร่างสูงจนด้วยคำพูดได้แต่มองสบกับดวงตาคมที่วาวรื้นไปด้วยไฟราคะของกินโทกิเงียบๆ
มือเรียวลูบไล้ปลายคางสากไรหนวดเอ่ยถามเสียงเบา
“แกใจร้อนแบบนี้ตลอดเลยเหรอ....โทชิ”
ฮิจิคาตะกลับให้คำตอบด้วยการมอบจุมพิตร้อนแรงแทน
กินโทกิเกี่ยวขากระหวัดรัดเอวของชายหนุ่มเอาไว้แน่นเอ่ยเสียงกระเส่า
“ถ้าอย่างนั้น.....ก็เอาเลย.....อยากทำอะไรก็ตามใจแกได้เลย”
ท่ามกลางค่ำคืนที่หนาวเหน็บ
บนชั้นสองของร้านรับจ้างสารพัดในห้องนอนที่ปิดสนิท
มีเพียงเสียงคร่ำครวญอย่างสุขสมดังลอดออกมาให้ได้ยินแผ่วๆ
แต่ในยามที่ดึกสงัดเช่นนี้ย่อมเป็นการยากที่จะมีใครได้ยิน บรรยากาศในห้องนอนนั้นร้อนระอุไปด้วยไฟแห่งราคะที่ต่างคนต่างสุมให้แก่กันและกัน
ชายหนุ่มสองคนตระกองกอดพลอดรักกันท่ามกลางห้องมืดที่มีแสงจันทร์เพ็ญส่องสว่างให้เห็นลางๆ
เวลาผ่านพ้นไปช้าๆ พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานแค่ไหน สิ่งที่พวกเขาสนใจนั้นมีเพียงแค่ได้เติมเต็มสัมผัสล้ำลึกให้แก่กันครั้งแล้วครั้งเล่า
ไร้ซึ่งคำหวานบอกรักป้อยอ มีเพียงการกระทำที่แสดงออกผ่านทางร่างกายล้วนๆ
ร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานไปด้วยท่วงทำนองแห่งรักที่มาจากความรู้สึกส่วนลึกของคนทั้งคู่
เป็นบทเพลงที่พาให้สุขสมจนอยากจะบรรเลงไปชั่วนิจนิรันดร์
แล้วทีนี้จะทำยังไงดี..............
ฮิจิคาตะ โทชินั่งหน้าบึ้งอยู่ในม้านั่งสวนสาธารณะ
รอบพื้นมีก้นบุหรี่ถูกทิ้งอยู่เต็ม
แม้จะไม่เข้าใจว่าเรื่องเมื่อคืนนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรแต่ก็ทำลงไปแล้ว........แล้วทีนี้จะทำยังไงดี
พอถามตัวเองอีกครั้งก็ต้องซุกหน้าลงกับฝ่ามือด้วยความกลุ้ม
“คุณตำรวจนี่ก็ว่างมากจนถึงกับต้องมานั่งสูบบุหรี่ที่นี่เลยรึไง”
ฮิจิคาตะเหลือบสายตาขึ้นมองก็เห็นชายยูกาตะสีขาวลายเมฆที่คุ้นเคยดีอยู่เบื้องหน้า
แต่ชายหนุ่มกลับไม่กล้าที่จะสบตามองสูงกว่านั้น
“ทิ้งขยะลงกับพื้นเรี่ยราดแบบนี้แกไม่ต้องจับตัวเองเลยรึไง
มันผิดกฎหมายไม่ใช่หรือวะ”
กินโทกิกล่าวขณะที่ก้มตัวลงเก็บซากก้นบุหรี่ที่กองอยู่บนพื้นทั้งหมดไปทิ้ง
เป็นจังหวะเดียวกับที่ฮิจิคาตะเหลือบสายตาไปเห็นรอยช้ำสีม่วงที่ซอกคอของอีกฝ่ายพอดิบพอดี
รอยที่ทำเมื่อคืนนี้ยังอยู่อยู่เลย........โอ้แม่เจ้า!!!!! ทำไมแกต้องโผล่มาเวลานี้ด้วยวะกินโทกิ
ฮิจิคาตะได้แต่ส่งเสียงกรีดร้องในใจ
“หน้าตาแกดูโทรมๆ
นอนไม่พอรึไง” กินโทกิเอ่ยถามขณะที่หย่อนก้นนั่งไขว่ห้างลงข้างกัน เพียงแค่หัวไหล่ชนกันเบาๆฮิจิคาตะก็ถึงกับสะดุ้งร่วงลงไปจากม้านั่ง
“เฮ้ย!!! แกเป็นอะไรมากมั้ย” กินโทกิเอ่ยถามขณะที่ส่งมือหมายจะไปช่วยดึงอีกฝ่ายแต่กลับถูกฮิจิคาตะปัดมือออก
“ฉัน....ฉันต้องไปทำงาน”
ชายหนุ่มกล่าวเพียงแค่นั้นแล้ววิ่งเตลิดออกไป กินโทกิไล่สายตามองตามแผ่นหลังของฮิจิคาตะจนลับสายตาไปด้วยใบหน้านิ่งเฉย
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็แทบจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย
“เจ้าบ้านั่นมันหลบหน้ากันชัดๆ!!! คืนนี้ถ้าไม่สั่งสอนกันบ้างคงไม่ได้ล่ะ” กินโทกิบ่นกับตัวเองในห้องนอนอย่างงุ่นง่าน
แน่นอนว่าคืนนี้เจ้าบ้าฮิจิคาตะจะต้องมาแน่ๆ เพราะคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงและเขาก็ต้จะองลงโทษหมอนั่นให้เข็ด
รอจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงครึ่งค่อนคืน
ประตูเฉลียงห้องนอนค่อยๆเปิดออกช้าๆพร้อมกับมีเงาของร่างสูงก้าวเข้ามาในห้อง
“คืนนี้แกมาช้านะ”
น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยเอ่ยทักขึ้นมาทันที พร้อมกับหลอดไฟในห้องสว่างวาบ
กินโทกิในชุดนอนยูกาตะสีขาวที่ปกปิดร่างกายไว้อย่างหมิ่นเหม่นอนเอกเขนกเอนกายพิงหมอนนุ่มอยู่บนฟูกรอท่าอยู่นานแล้ว
“คุกเข่าลง
แล้วคลานเข้ามา”
ฮิจิคาตะก็ยินยอมทำตามแต่โดยดี
ชายหนุ่มคลานสี่ขาเข้ามาถึงปลายเท้าของกินโทกิแล้วนั่งคุกเข่านิ่ง
กินโทกิยิ้มยั่วแหย่ปลายเท้าผ่านเข้าไปในชายชุดนอนยูกาตะของชายหนุ่มสะกิดเขี่ยถูไถเบาๆก็พบว่าส่วนอ่อนไหวมันตื่นตัวเต็มที่แล้ว
“นี่แกอยากมากเลยเหรอฮิจิคาตะ”
เท้าเรียวยกเขี่ยแก้มชายหนุ่มเบาๆ
ฮิจิคาตะรับเรียวขาข้างนั้นไว้แล้วเริ่มจุมพิตตั้งแต่ปลายเท้าจรดโคนขาอ่อนผ่านหน้าท้องขึ้นลอนกล้ามไปถึงเนินอกได้รูปก่อนจะสิ้นสุดลงที่ริมฝีปากของกินโทกิอ้อยอิ่งนิ่งนาน
เท้าเรียวตวัดเขี่ยส่วนอ่อนไหวใต้ร่มผ้าของชายหนุ่มกระตุ้นอารมณ์ไม่หยุด
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับรสจูบของกันและกัน
ทำไมวันนี้มันดูนิ่งๆแปลกๆ........
แม้จะรู้สึกประหลาดใจ
แต่เมื่อถูกมือใหญ่กอบกุมรูดรั้งส่วนอ่อนไหวแรงๆก็ทำให้สติกระเจิดกระเจิง กินโทกิยกแขนคล้องคอชายหนุ่มเอาไว้ขณะที่ปล่อยให้ฮิจิคาตะช่วยปลดปล่อยความคับแน่นจากส่วนกลางของร่างกายออกมา
น้ำรักสีขาวขุ่นฉีดพ่นไหลเลอะทั่วทั้งมือใหญ่ ฮิจาคาตะส่งลิ้นไล้เลียคราบน้ำรักในมือจนสะอาดเอี่ยมขณะที่เริ่มให้ความสนใจยังส่วนที่ต่ำกว่า
นิ้วเรียวกดคลึงช่องทางสีหวานเบาๆก่อนจะแหย่ปลายนิ้วเข้าไปช้าๆ
“เดี๋ยวๆ......แกจะทำอะไร”
กินโทกิที่ตกใจเผลอยกเท้าถีบเข้าให้แต่ฮิจิคาตะก็รับไว้ได้ เขาไม่สนใจเสียงโวยวาย แต่กลับจดจ่ออยู่กับการสำรวจช่องทางที่กำลังตอดรัดอย่างตื่นเต้น
“เอาออกไป......เอานิ้วของแกออกไป......เอามันออกไป!!!” กินโทกิโวยวายเสียงดังถีบเท้าไปมาขณะที่ฮิจิคาตะกดขาเขาเอาไว้แล้วตวาดกลับ
“ก็ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วฉันจะเข้าไปได้ยังไงวะ”
“ก็ทีเมื่อก่อนไม่เห็นแกเคยทำแบบนี้สัก.........เดี๋ยว.....แกพูดเหรอวะ
ฮิจิคาตะ!!!! นี่แกมีสติอยู่เหรอ” กินโทกิถึงกับโกรธจนตัวสั่น
ยกเท้าถีบยอดหน้าของฮิจิคาตะแต่อีกฝ่ายก็หลบได้ทัน
ไอ้บ้านี่มันหลอกกันมาตลอดเลยเร๊อะ!!!!!
“แกฟังฉันก่อนสิวะ
กินโทกิ.......คือฉันก็ไม่รู้ตัวมาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำอะไรลงไปบ้าง
แต่ครั้งล่าสุดที่เรามีอะไรกันมันทำให้ฉันได้สติขึ้นมาและฉันก็ตกใจมาก
และที่คอยหลบหน้าแกอยู่ตลอดนี่เป็นเพราะทุกครั้งที่เจอแกหรือได้กลิ่นแกอยู่ใกล้ๆมันดันทำให้ฉันมีอารมณ์ทุกทีนี่สิ
แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง”
“นี่แกจะบอกฉันว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่แกกลายเป็นพ่อหมาป่าบ้าเซ็กซ์ทำร้ายคนไปทั่วโดยที่แกไม่รู้สึกตัวนี่เป็นเรื่องจริงเหรอวะ!!!”
“ฉ......ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”
ฮิจิคาตะเอ่ยตอบเสียงอ่อย
“จนเมื่อครั้งล่าสุดของคืนนั้น
ฉันได้สติขึ้นมาก็เห็นแกกำลังมันกับการออนท็อ..........อุ๊บ!!!!”
“หุบปากไปเลย
แล้วเอานิ้วออกไปจากก้นฉันสักที แกจะแหย่ไว้หาพระแสงอะไรกันวะ!!!!” กินโทกิตวาดแหวปาหมอนไปติดหน้าร่างสูงเต็มแรง
“เอ่อ.....ขอโทษ.....แต่เมื่อคราวนั้น
ที่ฉันตื่นขึ้นมาเพราะบังเอิญได้ยินแกบอกว่ารักฉันพอดี แกพูดจริงใช่มั้ย กินโทกิ”
“ใครใช้ให้แกมาถามตอนนี้วะ”
กินโทกิตวาดเสียงดังแต่ใบหน้ากลับแดงนิดๆ
“ฉันอยากได้ยินแกพูดอีก
บอกฉันสิกินโทกิ บอกว่าแกรักฉันเหมือนอย่างที่ฉันรักแก” ฮิจิคาตะรุกคืบเข้าไปหา พลางกระซิบกับเจ้าตัวเบาๆ
กินโทกิได้แต่เบือนหน้าหนีทำตัวไม่ถูก
“พูดอีกสิ.....เหมือนคืนนั้นฉันอยากได้ยิน”
เสียงทุ้มกระซิบออดอ้อนขณะที่ก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวเนียน
กินโทกิไม่เอ่ยตอบแต่กลับผลักร่างสูงออกไปขณะที่เจ้าตัวเอนกายลงกับฟูกนอน
มือเรียวจับเรียวขาขาวของตนแยกออกกว้างเผยให้เห็นช่องทางสีเข้มที่ตอดรัดชัดๆ
เหยียดรอยยิ้มยั่วยวนน้อยๆ
“ถ้าอยากจะได้ยิน
ก็เข้ามาหาเอาเอง แต่ไม่เอานิ้วนะ.......เข้ามาตรงๆเลยก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”
จะรอช้าอยู่ไย
ฮิจิคาตะแทบจะกระโจนเข้าสอดใส่ในคราเดียว นานทีจะมีสักครั้งที่อีกฝ่ายจะยอมให้ง่ายๆแบบนี้แล้วโอกาสแบบนี้จะพลาดได้อย่างไร
คืนนี้ยังคงอีกยาวไกลค่อยๆรื่นเริงกับคืนวันพระจันทร์เต็มดวงให้เต็มที่ดีกว่า
“คุณฮิจิคาตะครับ......ผมเข้าไปนะครับ”
โซโกะกล่าวขออนุญาตก่อนจะเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วพบเพียงห้องว่างเปล่า
“ไม่อยู่เหรอ”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เพ็ญบนท้องฟ้าก็นึกขึ้นได้
“อา.....คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสินะ
จันทร์ทรงกลดด้วยสิ คงไปที่นั่นอีกแล้ว ทั้งๆที่จะให้ดูสำนวนคดีนี่แท้ๆ”
โซโกะถือเอกสารสรุปสำนวนคดีกลับห้อง
ท่าทางคืนนี้ท่านรองหัวหน้าปิศาจคงจะไม่กลับมาง่ายๆจนกว่าจะรุ่งสาง ดูท่าเขาคงต้องจัดการสรุปสำนวนคดีนี้เสียเอง
คดีทำร้ายร่างกายปริศนาที่เหยื่อทั้งหมดนั้นเป็นซามูไร
และจนกระทั่งบัดนี้ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ และเมื่อไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีกก็จำเป็นที่จะต้องปิดคดีลงแม้จะยังมีปริศนาอีกมากมายค้างคาอยู่
แต่คนที่รู้เรื่องนี้ดีที่สุดก็มีเพียงเขาเท่านั้น.......
ท่ามกลางค่ำคืนดึกสงัด แน่นอนว่าเขาที่ยังคงไม่หลับไม่นอนบังเอิญเห็นเงาปริศนาเดินผ่านหน้าห้องไป
เมื่อตามออกไปดูจึงพบว่าเป็น ฮิจิคาตะ
แต่ดูท่าทางของชายหนุ่มนั้นแปลกประหลาดไปจากทุกทีจึงแอบตามออกไปเงียบๆและก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เขาลงมือจู่โจมอดีตซามูไรรับจ้างเข้า
แม้จะไม่ถึงตายแต่ก็บาดเจ็บหนัก เมื่ออาละวาดจนหนำใจจึงย้อนกลับมาที่พัก
และเมื่อรุ่งสางฮิจิคาตะก็เหมือนจะไม่รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย
โซโกะจึงลอบสังเกตการณ์ฮิจิคาตะอย่างใกล้ชิด และเมื่อคืนวันเพ็ญมาถึง
ฮิจิคาตะในคราบหมาป่าก็ออกล่าเหยื่อเช่นเคย และเหยื่อที่เขาโปรดปรานที่สุดก็คือซามูไรหนุ่มนั่นเอง
มีบ่อยครั้งที่คืนไหนไม่มีเหยื่อที่ถูกใจฮิจิคาตะก็มักจะไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆร้านรับจ้างสารพัดเห่าหอนเรียกร้องอยู่ใกล้ๆราวกับว่าในนั้นมีบางสิ่งบางอย่างที่ถูกใจเป็นพิเศษ
เขาจึงนึกถึงกินโทกิขึ้นมาทันที........
ถึงแม้ว่าสองคนนั้นจะชอบทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งแม้จะเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องก็ตาม
แต่ความจริงแล้วอาจเป็นเพียงแค่การเรียกร้องความสนใจ ลึกๆในใจของฮิจิคาตะคงต้องการกินโทกิมากกว่าที่เจ้าตัวรู้สึก
ความรู้สึกต้องการบางสิ่งบางอย่างอย่างแรงกล้าที่ตกตะกอนอยู่ในจิตใจ
เมื่อถึงจุดอิ่มตัวจุดหนึ่งมันย่อมระเบิดประทุออกมาโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว และฮิจิคาตะจึงแสดงออกในรูปแบบหมาป่าหิวโซจอมคลั่งอย่างที่เห็น
จวบจนเมื่อพบกับเหยื่อที่พึงพอใจมันถึงได้หยุดพฤติกรรมก้าวร้าวนั้นลง
และเพื่อการนั้นเขาจึงได้จัดการวางแผนส่งเหยื่ออันโอชะที่สุดไปให้กับฮิจิคาตะถึงมือนั่นเอง
“แหม่......เรานี่มันหลักแหลมจริงๆ”
ชื่นชมตัวเองนิดๆขณะที่หยิบตราปั๊มชื่อตัวเองเซ็นรับรองลงบนเอกสาร
“งานนี้คุณต้องขอบคุณผมนะครับ.......โรเจอร์”
เป็นอันว่าถึงแม้จะไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้
แต่ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายอะไรเกิดขึ้นอีกนั่นก็เพียงพอ
“ก็ผู้เสียหายเขาไม่ยอมแจ้งความเองนี่นะ.........ดูเหมือนจะชอบเสียด้วยซ้ำ”
หัวเราะเบาๆขณะที่ปั๊มตรายางแดงลงบนหัวกระดาษตัวโตๆเป็นอันเสร็จสิ้น
ปิดคดี !
เป็นคดีที่ซ่อนเงี่ยนจริงๆครับ พี่ฮิจิเงี่ยน แย่จริง คุณนักรับจ้างยั่วเหลือเกิน อยากมีโอกาสแต่งอะไรดิบๆแบบนี้บ้าง แฮ่
ตอบลบก็ทะเลทรายไง พี่ว่านั่นก็เยอะแล้วนะ ฮาาาาาาาาาาาาาา
ตอบลบคุณกินมาดราชินี ต่อด้วยเคะออนท็อป อรั๊ยย่ะ!!!! ฮิจิคาตะ ขนาดเป็นหมายังไปวนเวียนใกล้ๆ. ให้อารมณ์เเบบ ไม่เห็นหน้าเห็นหลังคาบ้านก็ยังดีฮาๆ น้องหมาเเบบนี้คุณกินไม่ปฎิเสธเเน่นอน นอกจากเรื่องบนเตียง เรืองปากท้องก็หายห่วงด้วยนะคะ รายได้ท่านรองน่าจะงามหลาย~
ตอบลบงานนี้ตกเป็นกรรมของท่านรองนะได้เมียเกรียนแตก 5555
ลบ