{Attack On Titan:Levi x Eren } The Last World-Section 25 Levi vs Levi
แม้จะมีคนอยู่ในห้องถึงสอง แต่ด้วยความเงียบที่ต่างฝ่ายต่างสาดเข้าใส่กัน ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมหนักยิ่งขึ้น หนึ่งบุรุษร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายเอกเขนกอยู่บนเตียงนุ่ม ส่วนอีกหนึ่งบุรุษร่างสันทัดนอนทอดกายอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสีรัตติกาลมองฝ่าเข้าไปในความมืดครุ่นคิดถึงความจริงทั้งหมดที่ได้รับฟังจากปากของเอลวิน
แม้จะมีคนอยู่ในห้องถึงสอง แต่ด้วยความเงียบที่ต่างฝ่ายต่างสาดเข้าใส่กัน ก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมหนักยิ่งขึ้น หนึ่งบุรุษร่างสูงกึ่งนั่งกึ่งนอนเอนกายเอกเขนกอยู่บนเตียงนุ่ม ส่วนอีกหนึ่งบุรุษร่างสันทัดนอนทอดกายอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสีรัตติกาลมองฝ่าเข้าไปในความมืดครุ่นคิดถึงความจริงทั้งหมดที่ได้รับฟังจากปากของเอลวิน
“ตอนนี้เยเกอร์เป็นยังไงบ้าง”
“นายกำลังพูดกับฉันเหรอ”
“ไม่พูดกับนายแล้วคิดว่าฉันพูดกับแมวที่ไหน”น้ำเสียงห้วนสั้นที่ดังขึ้นทำให้รีไวปรายตามองร่างต้นของเขาเล็กน้อย
ขณะยันกายลุกขึ้นนั่งบนโซฟาเอ่ยตอบเสียงเรียบ
“ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาฉันไม่เจอเยเกอร์เลยด้วยซ้ำ”
“ตอนที่สู้กับอิคารัส
ฉันจำได้ว่ามันพังยับ ฮันซี่บอกว่าเธอเก็บซากมันไปซ่อมแล้ว ฉันนึกว่านายได้เจอมันแล้ว”
“ฮันซี่หายหัวไปก่อนที่จะได้บอกฉันเรื่องนี้”
รีไวร่างอวตารกล่าวตอบเสียงเรียบขณะที่ร่างต้นของเขาพยักหน้ารับ
“หัวใจของฉันอยู่ที่นายสินะ......อย่าทำหน้าตกใจแบบนั้นยังไงมันก็ไม่ได้จำเป็นต่อฉันอีกแล้ว
แม้ไม่มีหัวใจร่างนี้ก็ยังมีชีวิตได้ ผิดกับนายที่หากไม่มีหัวใจก็ต้องตาย
ไม่ใช่ว่าอยากจะทวงคืนรึอะไรหรอกนะ แค่อยากจะถามให้แน่ใจว่านายได้ของสำคัญของฉันไปแล้วอย่างหนึ่ง
ฉันก็จะขอรับของสำคัญที่เหลือคืนมาก็คงไม่ผิด เริ่มอย่างแรกเลยคือเยเกอร์”
รีไวร่างอวตารนิ่งเงียบอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยตอบ
“ถ้าเป็นหุ่นรบก็เอาไป
แต่ถ้าเป็นคนคงจะไม่ได้”
“หุ่นรบของฉัน
ฉันต้องเอากลับมาอยู่แล้ว แต่เยเกอร์ที่ฉันกำลังพูดถึงนี้คือ เอเลน เยเกอร์
ต่างหาก คืนเจ้าเด็กนั่นมาให้ฉันซะ”
นัยน์ตาสีรัตติกาลทอประกายเฉียบคมจ้องมองร่างอวตารของตนนิ่งงัน
“ก็แล้วถ้าฉันบอกว่าไม่ล่ะ........นายจะเอายังไง”
รีไวร่างอวตารเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
“หืม......เพิ่งเคยเห็นแววตาที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆของตัวเองชัดๆก็ตอนนี้แหละ
ไม่เลวนี่!!!
แม้จะรู้สึกขยะแขยงนิดหน่อยเวลาที่เห็นตัวเองอีกคนก็เถอะ ถ้าอย่างนั้น
มาเคลียร์กันให้จบๆไปเถอะ” รีไวร่างต้นกล่าวขณะที่ลุกเดินออกจากห้องไป
ขณะที่รีไวร่างอวตารเดินตามไปติดๆ
“ย่อมได้”
และระหว่างที่กำลังเคลิ้มหลับ
เสียงเคาะประตูดังลั่นที่หน้าห้องก็ทำให้คริช่า คาร่า และเอเลนสะดุ้งตื่น
คริช่าลุกขึ้นไปเปิดประตูก็พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงที่ทำหน้าเหรอหรายืนเก้ออยู่หน้าห้อง
“มีอะไรเบลทรูท”
“คุณหมอครับ
รบกวนเชิญทางนี้ด้วยครับ เอเลน นายก็ด้วยนะ” เบลทรูทวิ่งจากไปด้วยความรวดเร็ว
เอเลนและคริช่าจึงออกวิ่งตาม ยิ่งใกล้ห้องโถงหินใหญ่มากแค่ไหนก็ยิ่งได้ยินคนส่งเสียงเชียร์เฮลั่นดังขึ้นเท่านั้น
เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปเอเลนก็แทบอยากโขกหัวเข้ากับข้างฝาให้สลบเหมือดให้มันรู้แล้วรู้รอด
สองคนนั้นเขาเล่นอะไรกัน..........
รีไวร่างต้นที่ถือดาบคู่กำลังประลองกำลังกับรีไวร่างอวตารที่ควงง้าวด้ามยาวเป็นอาวุธท่ามกลางวงล้อมของกลุ่มทหารที่ส่งเสียงเฮโลกันเสียงดัง
“เกิดอะไรขึ้น”
คริช่าแหวกฝูงชนเดินเข้าไปหาเอลวินที่มีสีหน้าเครียดขึ้ง
“ผมไม่รู้.....ผมพยายามจะห้ามพวกเขาแล้วแต่ไม่ได้ผล”
เอลวินส่ายหน้าตอบอย่างเอือมๆ
“จะอะไรก็ไม่รู้ล่ะ
แต่จะมีสักกี่คนที่ได้เห็นการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดผู้แข็งแกร่งที่สุดของมนุษยชาติตีกับตัวเองแบบนี้ง่ายๆกัน
นี่ถ้าเปิดให้เข้าชมคงเก็บเงินได้เป็นฟ่อน ขึ้นป้ายตัวโตๆว่า รีไวปะทะรีไว
มันซะเลย” ฮันซี่เอ่ยเสียงสั่นท่าทางตื่นเต้นจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
เธอเอาแต่พึมพำคำเดิมซ้ำๆว่า ‘ผลงานของฉันมันยอดเยี่ยมที่สุด’
อยู่ท่าเดียว
“คุณฮันซี่
ไปช่วยห้ามหน่อยสิครับ ดูท่าจะไม่ใช่ตีกันเล่นๆนะครับ นี่เหมือนจะฆ่ากันให้ตายไปข้างมากกว่า”
เอเลนที่กังวลจนแทบทนไม่ได้พยายามรบเร้าอดีตผู้บังคับหมู่สาว
“ฉันเป็นใคร
อย่างกับว่าฉันพูดแล้วพวกนั้นจะฟังอย่างนั้นแหละ ถ้าเป็นนายก็ว่าไปอย่าง”
ฮันซี่เอ่ยกลั้วหัวเราะแต่แล้วก็ทำให้เอเลนนึกขึ้นได้ว่าถ้าตัวเองออกหน้าอย่างน้อยสองคนนั้นก็น่าจะฟังกันบ้าง.....มั้งนะ
ไม่รอช้า
เด็กหนุ่มกระโจนร่างเข้าไปขวางระหว่างการต่อสู้ของหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองโดยไม่ทันตั้งตัว
ปลายดาบที่รีไวตวัดฟันลงมาด้วยความแรงสะกิดเฉียดผ่านหัวไหล่บางไปเพียงนิดในขณะที่ง้าวด้ามยาวเงื้อหยุดอยู่ห่างจากลำคอของเขาไปเพียงไม่กี่เซ็น
“เอเลน!!!”
หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองตกใจจนแทบผงะ
โยนดาบและง้าวในมือทิ้งอย่างไม่ไยดีก่อนจะตรงปรี่เข้าไปปลอบขวัญเด็กหนุ่มร่างบาง
วงแขนใหญ่แย่งกันยื้อยุดเด็กหนุ่มในอ้อมแขนอย่างไม่มีใครยอมใครท่ามกลางความฉงนสงสัยของทุกคน
มีเพียงฮันซี่ที่รู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาทั้งสามคนดีจึงส่งเสียงหัวเราะขึ้นดังลั่น
“พวกคุณจะอยู่นิ่งๆกันสักครู่ได้มั้ยครับเนี่ย”
เอเลนตวาดขึ้นเสียงดังขณะที่ปัดมือปลาหมึกทั้งสองคู่ออกจากตัว
“อยู่ดีๆทะเลาะกันทำไมครับ
ดึกป่านนี้เอาเวลาไปหลับไปนอนไม่ดีกว่าหรือครับหัวหน้า”
เอเลนที่อารมณ์กรุ่นๆตวัดตามองสลับหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองอย่างเอาเรื่อง
“เรามีเรื่องที่จะต้องตกลงกัน”
รีไวร่างต้นกล่าวตอบเสียงเรียบ
“แต่ยังตกลงกันไม่ได้เลยต้องใช้วิธีนี้”
รีไวร่างอวตารช่วยเสริมความอีกแรง
“เรื่องคอขาดบาดตายอะไรกันครับที่ทำให้พวกคุณลุกขึ้นมาฆ่าแกงกันกลางดึกแบบนี้”
เอเลนบ่นฮึดฮัดกอดอกมองหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองอย่างหัวเสีย
รีไวทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“เรากำลังตกลงกันว่านายจะเป็นของใคร”
ถ้อยคำประโยคนี้ดังสะท้อนก้องไปมาทั่วทั้งห้องโถงใหญ่
ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบนิ่งอึ้งสนิท เอเลนจากที่หน้าแดงเพราะความโกรธพลันต้องเปลี่ยนเป็นหน้าแดงเพราะความอับอายอยากจะซุกหน้าลงซอกหินเสียให้ได้อย่างบอกไม่ถูก
คริช่ามองสลับระหว่างลูกชายของตนและหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองอย่างงงๆ
“อ๊า!!!!
คือรีไวเขาหมายความว่า
เขากำลังตกลงกันว่าเอเลนจะเป็นลูกน้องของใครน่ะ” ฮันซี่รีบแก้ตัวให้ขณะที่คนที่เหลือพยักหน้ารับแล้วพากันร้อง
อ๋อ!!! ตอบรับ
“อย่าทำแบบนี้ได้มั้ยครับ
พวกคุณพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน”
เอเลนที่หน้าแดงกล่ำก้มหน้าซุกลงกับแขนตัวเองด้วยความเขินอาย
“นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ”
รีไวร่างต้นเอ่ยขึ้น
“เราจริงจังกันมาก”
รีไวร่างอวตารก็เอ่ยสำทับ
“ก็แล้วไว้ไปคุยกันเงียบๆสามคนไม่ได้รึไงกัน”
เอเลนบ่นให้กับพวกเขาเบาๆ
“เอาล่ะๆ
ไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อนก่อนเถอะนะ ดึกมากแล้ว แยกกันๆ
คุณหมอก็ควรจะกลับไปพักนะคะ เดี๋ยวรีไวเขาดูแลเอเลนให้เอง”
ฮันซี่กล่าวพร้อมกับไล่ต้อนทุกคนและรุนหลังคริช่าออกจากโถงใหญ่ก่อนจะปิดประตูลง
แล้วแอบดูละครรักสามเส้าฉากสำคัญนี้เงียบๆ
“ถ้าไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน
ต่อให้ตายกลายเป็นผีอีกครั้งฉันก็คงไม่สงบสุข” รีไวร่างต้นกล่าวตอบหน้านิ่ง
เอเลนถึงกับค้อนขวับ
ทำไมถึงได้ชอบเอาเรื่องตายมาอ้างนักนะ
เด็กหนุ่มได้แต่ค่อนขอดในใจขณะที่หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ตอบมาเอเลน
ระหว่างพวกเราสองคนนายจะเลือกใคร!!!”
เมื่อถูกจู่โจมแบบนี้เอเลนก็ได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
“ตอบสิเอเลน”
“เดี๋ยวนี้เอเลน”
ยิ่งถูกคาดคั้นเอเลนก็ยิ่งลนลาน
เด็กหนุ่มเผลอหลุดปากออกไปเสียงดัง
“ผมเลือกไม่ได้หรอกครับ!!!!”
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างบุคคลทั้งสาม
ฝ่ายฮันซี่ที่แอบดูอยู่ได้แต่กลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง
เอเลนเมื่อเห็นทั้งสองหนุ่มนิ่งอึ้งไปจึงเอ่ยตอบเสียงอ่อย
“สำหรับผมแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นพวกคุณคนไหนต่างก็สำคัญสำหรับผม
เป็นหัวหน้าคนสำคัญที่ผมรักทั้งคู่ครับ ถ้าจะให้เลือกใครสักคนระหว่างพวกคุณผมทำไม่ได้จริงๆ
แต่ถ้าพวกคุณจะยืนยันให้ผมเลือกใครสักคนให้ได้จริงๆล่ะก็......ฆ่าผมให้ตายเสียยังจะง่ายกว่าครับหัวหน้า!!!” เอเลนกลั้นใจตอบเสียงดังพลางหยิบดาบส่งให้รีไวทั้งสอง
ทั้งหมดที่พูดนี้ก็ออกมาจากใจล้วนๆถ้าหากหัวหน้าทั้งสองยังไม่ยอมรับก็คงจนปัญญาแล้วจริงๆ
“เด็กบ้าเอ้ย!!!” รีไวร่างต้นแอบสบถเบาๆ
“ใครสั่งใครสอนให้แกพูดแบบนี้กันเจ้าเด็กเหลือขอ”
รีไวร่างอวตารเองก็สบถอย่างเอือมๆ
ขณะที่มือใหญ่เอื้อมไปหยิบดาบในมือเด็กหนุ่มโยนทิ้งไปไกลๆ
เอเลนมองสลับหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองอย่างเหรอหรา
“ชิ!!! ช่วยไม่ได้” รีไวร่างต้นเอ่ยพลางเสยผมอย่างหงุดหงิด
“ในเมื่อคำตอบมันเป็นแบบนี้ก็มีแต่ต้องยอมรับ”
รีไวร่างอวตารหันไปพูดกับร่างต้นของตน
สองหนุ่มยืนจ้องตากันครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วจึงเอ่ยออกมาพร้อมกันเสียงดัง
“งั้นก็ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน”
“เอ๊ะ....เอ๋.....อะไรกันพวกคุณ
จะทำอะไรกันครับเนี่ย!!!”
และแล้วเอเลนที่ถูกสองหนุ่มล็อคแขนล็อคขาหิ้วออกไปจากห้องไปก็ร้องประท้วงขึ้นเสียงดัง
แต่แน่นอนว่าเวลานี้ทุกคนต่างก็เข้านอนกันหมดแล้วจึงไม่มีใครสนใจพวกเขาอีก
เหลือเพียงฮันซี่ที่แอบแฝงตัวเฝ้ามองละครรักสามเส้าของเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ย
เธอยกนิ้วโป้งให้กับสองหนุ่มที่แบกเอเลนหายออกจากห้องไปด้วยความพอใจ
“กู๊ดจ็อบไปเลยเอเลน!!!”
เอเลนถูกหิ้วตัวเข้ามาในห้องพักพร้อมกับถูกโยนลงบนเตียงนุ่มอย่างแรง
หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองไม่พูดพล่ามทำเพลงลงมือถอดเสื้อตัวเองออกด้วยความว่องไว
“เดี๋ยวก่อนครับ.....ช้าก่อน!!! พวกคุณจะทำอะไรกัน”
เดือดร้อนจนเอเลนต้องรีบคว้าชายเสื้อของเอเลนเอาไว้ด้วยความแตกต่าง
“เอเลน
นายเป็นคนบอกเองว่าระหว่างเราสองคนนายเลือกใครไม่ได้ทั้งนั้น”
“เพราะฉะนั้นนายต้องรับผิดชอบ”
หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองกล่าวพร้อมกับถอดเสื้อของตนโยนออกไปไกลๆ
ก่อนจะลงมือลอกคราบเด็กหนุ่มที่โวยวายลั่นอยู่บนเตียง
“ไม่ได้นะครับ
ไม่ได้เด็ดขาดเลย พวกคุณรังแกผมพร้อมกันทั้งสองคนแบบนี้ ผมก็แย่สิครับ”
เอเลนพยายามหาเหตุผลปัดป้องสุดฤทธิ์แต่รีไวทั้งสองก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆ
“แล้วนายจะเอายังไง” รีไวร่างต้นเอ่ยถามอย่างหงุดหงิด
“จะไม่รับผิดชอบคำพูดของแกเร๊อะไอ้หนู
แล้วพวกฉันที่เป็นแบบนี้จะทำยังไง” รีไวร่างอวตารเองก็เริ่มขึ้นเสียง
หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองรุกคืบเข้าไปใกล้
ขณะที่อวดส่วนล่างที่โป่งนูนขึ้นเต็มที่ให้เอเลนดูชัดๆ
เอเลนถึงกับต้องหันหน้าหลบด้วยความตกใจ
“แกจะให้พวกฉันทำยังไง
เอเลน!!!” ทั้งสองหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
เอเลนเสหน้าหลบเอ่ยตอบตะกุกตะกัก
“ถ้าเกิด.....เอ่อ.....ให้ผมรับพวกคุณทั้งสองคนที่ตื่นตัวกันเต็มที่ขนาดนี้พร้อมกันคงไม่ไหวหรอกครับ”
เอเลนตอบเสียงเบา ท่าทางอิดออดอย่างเห็นได้ชัด รีไวทั้งสองถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
ก่อนจะนั่งหันหลังให้เอเลนพยายามสงบสติอารมณ์ที่เตลิดไปไกล
“ช่างมันเถอะ”
“.................”
เอเลนได้แต่จ้องมองแผ่นหลังเปลือยเปล่าของหัวหน้าทหารทั้งสองพลางครุ่นคิด
ท่าทีแบบนี้.....ไม่ใช่ว่างอนหรอกนะ
นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแบบนี้ต้องใช่แน่ๆ
เด็กหนุ่มค่อยๆขยับกายแทรกตัวไปซุกกึ่งกลางช่องว่างระหว่างหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสอง
วงแขนเรียวคล้องเกี่ยวแขนของชายหนุ่มคนละข้างถูแก้มเข้ากับหัวไหล่เปลือยแน่นมัดกล้ามอย่างออดอ้อน
รีไวร่างอวตารอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มๆของเอเลนด้วยความเอ็นดูในขณะที่รีไวร่างต้นกำลังเกาคางให้กับเขาราวกับเป็นแมวน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า
เดี๋ยวมันก็หาย” ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ยอมพูดได้ทั้งนั้นเพื่อความสบายใจของเอเลน
“อืม.......อันที่จริง
มันก็พอจะมีทางออกอยู่นะครับ”
เอเลนก้มหน้างุดเอ่ยเสียงเบาซุกหน้าลงกับไหล่รีไวทั้งสอง
“ถ้าเพียงแต่.........”
เสียงหวานกระซิบเบาๆให้ได้ยินกันแค่สามคน
สีหน้าบึ้งตึงของหัวหน้าทหารหนุ่มค่อยๆคลายลงก่อนจะมีรอยยิ้มเข้ามาแทนที่
“ถ้าพวกคุณยินยอมตามนี้......ผมก็ตกลงครับหัวหน้า”
เสียงลมหายใจร้อนผ่าวหอบกระเส่าคะเคล้าปนเปไปกับเสียงหวานที่ครวญครางอู้อี้เบาๆ
ร่างบางที่ถูกจับเปลือยท่อนล่างมีเพียงเสื้อผ้าฝ้ายตัวบางปกปิดร่างกายส่วนบนอย่างหมิ่นเหม่
กลีบปากบางส่งเสียงครวญครางอื้ออึงไม่เป็นสรรพเพราะถูกท่อนเนื้ออุ่นร้อนอัดกระแทกเข้าเต็มปาก
เรือนกายบางขยับโยกตามแรงกระทั้นที่โดนกระทำจากส่วนล่าง เรียวขาขาวหนีบเกร็งรับแกนกายใหญ่ที่เสียดสีอยู่ในซอกต้นขาเนียนจนร้อนรุ่มในขณะที่หัวหน้าทหารหนุ่มร่างสันทัดสอดแกนกายลึกเข้าไปที่ซอกต้นขาเสียดสีกับเรียวขาเนียนและแกนกายที่ตั้งชันของเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง
รีไวร่างอวตารหอบหายใจกระเส่าขยับสะโพกไม่ยั้ง
แม้จะไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นจากในกายของเด็กหนุ่ม แต่เพียงแค่มีโอกาสได้สัมผัสเรือนร่างบอบบางที่กำลังอ่อนระทวยไปกับรสสัมผัสของเขามันก็เกินใจ
“เอเลน....เกร็งขาให้แน่นกว่านี้”
เสียงทุ้มแหบพร่าโน้มกายลงกระซิบข้างใบหูของเด็กหนุ่ม
เรียวขายาวถูกวางพาดไว้บนบ่าในขณะที่มือใหญ่กอบกุมแกนกายของตนและเอเลนแน่นแล้วเริ่มรูดรั้งด้วยความรุนแรง
ร่างบางถึงกับบิดเกร็งด้วยความเสียวกระสัน เอเลนปรือตามองเขาด้วยแววตาฉ่ำน้ำ
กลีบปากบางสีเชอรี่ขมุบขมิบเหมือนพยายามจะพูดอะไรกับเขาบางอย่าง
ถ้าไม่ติดว่ามีของไม่สะอาดยัดปากงามๆนั่นไว้อยู่ก็คงได้สัมผัสริมฝีปากหวานนั่นสักครั้ง
“เอเลน ตั้งใจกว่านี้สิ
ขยับลิ้นให้มากกว่านี้” รีไวร่างต้นกล่าวเสียงหอบกระเส่า
มือใหญ่เชยคางมนให้หันหน้าปรับองศารับกับแกนกายใหญ่ที่ขยับเข้าออกอยู่ในโพรงปากอุ่นๆได้ล้ำลึกขึ้น
เอเลนถึงกับนิ่วหน้ากับความรู้สึกจุกแน่นในลำคอ
“ใช้ลิ้นให้มากกว่านี้.....อย่าใช้ฟัน.......ใช่อย่างนั้นแหละเด็กดี”
หัวหน้าทหารหนุ่มร่างสูงกล่าวพลางให้รางวัลกับเด็กหนุ่มด้วยการยื่นมือสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวบางสะกิดเขี่ยบดคลึงยอดประทุมถันที่แข็งเป็นไตแรงๆ
เอเลนบิดตัวเร่าเกร็งขาแน่นเร่งให้ช่องทางในการเสียดสีของรีไวร่างอวตารยิ่งคับแน่นขึ้นไปอีก
ชายหนุ่มถึงกับกายสะท้านเพราะความรู้สึกสุขสมเพื่อไม่ให้น้อยหน้าร่างต้นของตน
รีไวโน้มกายลงสัมผัสยอดอกอีกข้างที่ว่างด้วยริมฝีปาก
เรียวลิ้นอุ่นหยอกเอินตุ่มไตเล็กๆผ่านเนื้อผ้าโลมเลียจนเปียกชุ่ม
มือเรียวปัดป่ายขยุ้มกลุ่มผมสีเข้มของหัวหน้าทหารหนุ่มอย่างเสียวกระสัน
อึดดัดทรมานอยากจะเปล่งเสียงครวญครางออกมาระบายความรู้สึกอัดแน่นจากภายในกายก็ไม่อาจทำได้
เอเลนพยายามกระถดกายหนีแต่ก็ถูกมือใหญ่ทั้งสองข้างกดตรึงไว้รับแรงกายที่ถูกร่างใหญ่โถมทับใส่ทั้งท่อนขาช่วงล่างและโพรงปาก
มือใหญ่รูดรั้งแกนกายที่แข็งชันเร็วแรงจนกระทั่งเขาและเด็กหนุ่มปลดปล่อยหยาดน้ำสีขาวขุ่นออกมาเปรอะเปื้อนไปทั้งมือและหน้าท้องเรียบเนียนในขณะเดียวกัน
รีไวร่างต้นก็ได้ปลดปล่อยหยาดน้ำรักทั้งหมดเข้าไปในโพรงปากงาม
เรียวลิ้นบางโลมไล้แกนกายสีเข้มเบาๆรวบกลืนคราบน้ำรักที่ปรี่ล้นออกมาข้างริมฝีปากจนหมด
พร้อมกับปาดนิ้วเขี่ยคราบน้ำสีขาวที่เปื้อนกระจายเต็มหน้าท้องส่งเข้าปากตนเองจนเกลี้ยง
ด้วยความที่อดใจไม่ไหว
รีไวร่างอวตารส่งเรียวนิ้วที่อาบไปด้วยหยาดน้ำรักของเขาและเอเลนยัดเข้าไปในโพรงปากสีสด
ปล่อยให้ลิ้นบางโลมเลียดูดดุนทำความสะอาดทั้งหมดจนเกลี้ยงเกลา
เสียงดูดนิ้วฟังดูจาบจ้วงชวนให้อับอายแต่ดูเหมือนว่าเวลานี้สามัญสำนึกแห่งความหน้าบางทั้งหมดของเด็กหนุ่มไม่มีเหลืออีกแล้ว
เมื่อเด็กช่างยั่วได้โลมไล้จนพอใจจึงยอมปล่อยแต่โดยดี
วงแขนใหญ่โอบรั้งร่างบางขึ้นมากอดแนบอกลูบแผ่นหลังเนียนด้วยความเอ็นดู
สำหรับเขาแล้ว นี่ถือเป็นประสบการณ์ครั้งแรกระหว่างเขากับเอเลน
ส่วนสำหรับอีกคนนั้นจะเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาก็ไม่อยากจะใส่ใจ
เพราะดูฝ่ายนั้นจะคุ้นเคยกับร่างกายของเจ้าเด็กนี่ดีเหลือเกิน
“เอเลน เด็กดี”
และเพราะไม่อยากจะน้อยหน้า
รีไวร่างต้นจึงได้สอดแขนดึงร่างเอเลนออกมาจากอ้อมกอดร่างอวตารของเขามากอดไว้เสียเอง
ซึ่งก็ทำให้ฝ่ายร่างอวตารโมโหมิใช่น้อย
“เอเลน”
เมื่อจะยื้อแย่งกลับมาก็ดันถูกมือใหญ่ดันหน้าผากไว้ จะขยับกายเข้าไปหาอีกก็ไม่ได้
ใช่ซี่!!!!
ใครมันจะไปแขนยาวเท่ามันวะ
เมื่อความยาวร่างกายเสียเปรียบกว่าค่อนข้างมาก
ร่างอวตารจึงได้ยื่นเท้าไปถีบยอดอกร่างต้นจนล้มกลิ้งหงายหลังลงกับที่นอน
แล้วรีบแย่งเอเลนมากอดแทน และก่อนที่จะเกิดการวางมวยกันหนักยิ่งขึ้นกว่านี้
เอเลนที่รู้สึกอ่อนเปลี้ยไปทั้งตัวจึงเอ่ยขัดขึ้น
“ถ้าพวกคุณยังไม่หยุดทะเลาะกันอีก
คราวหน้าจะไม่ให้ทำอีกแล้วนะครับ!!!”
ประกาศิตที่ว่าจะไม่มีคราวหน้าอีกทำให้หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองหยุดการเคลื่อนไหวในทันที
เอเลนถอนหายใจยาวลุกขึ้นยืนชี้หน้าชายหนุ่มทั้งสอง
“คนที่ผมยอมให้ทำถึงขนาดนี้ได้ก็มีแค่พวกคุณเท่านั้นนะครับ
ทำไมจะต้องแย่ง ทำไมจะต้องทะเลาะกันอีก ทั้งที่ผมยอมรับคุณทั้งสองคนได้
แล้วพวกคุณทั้งสองคนจะยอมรับผมคนเดียวไม่ได้เชียวเหรอครับหัวหน้า ถ้าพวกคุณยังไม่ยอมล่ะก็
เชิญเลยครับ แบ่งผมไปคนละครึ่งเลย จะเอาครึ่งบนครึ่งล่าง
หรือจะแบ่งซีกซ้ายขวาก็แล้วแต่พวกคุณเลย ผมเหนื่อยที่จะห้ามพวกคุณแล้วนะครับ
เป็นถึงหัวหน้าอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ
ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องแย่งเด็กแค่คนเดียว
แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีกด้วยรู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น”
เอเลนพูดรัวเร็วแทบไม่พักหายใจ
แต่เมื่อเห็นหน้าตาอึ้งๆของสองหนุ่มที่นั่งเงยหน้ามองตนเองด้วยท่าทางเงียบๆก็นึกว่าคำพูดของตัวเองได้ผล
จนกระทั่งรีไวร่างอวตารได้เอ่ยขึ้น
“วิวกำลังดีเลย”
“ฉันไม่ได้เตี้ยเหมือนนายนี่จะได้เห็นส่องเห็น”
รีไวร่างต้นเอ่ยพร้อมกับค่อยๆเอียงคอส่องลอดชายเสื้อที่ปิดโคนขาขาวของเอเลนไว้อย่างหมิ่นเหม่ดูบ้าง
เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกถ้ำมอง
เด็กหนุ่มจึงรีบดึงชายเสื้อคลุมเข่าทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยความเขินอาย
“สูงก็ใช่ว่าจะดีทุกอย่าง”
ร่างอวตารสวนกลับพร้อมกับรอยยิ้มหยัน
“แต่ยังไงฉันก็ยาวกว่า”
มันเป็นความภาคภูมิใจที่อดโอ้อวดไม่ได้จริงๆ
“ยาวกว่าแล้วไง
ความใหญ่มันก็พอๆกันแหละน่า”
“หยุดเถอะครับหัวหน้า!!! พวกคุณไม่มีเรื่องอื่นจะมาทะเลาะกันแล้วรึไง” ตาแก่ลามกพวกนี้นี่!!!
“ฉันไม่ได้เริ่ม.....เขาเริ่มก่อน”
รีไวร่างอวตารยักไหล่ก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักเอเลน
“นายก็ได้ยินแล้วนี่เอเลน
มันว่าฉันว่าสูงก็ใช่ว่าจะดี”
รีไวร่างต้นเองก็เอาอย่างทิ้งตัวลงนอนหนุนตักที่ว่างอีกข้าง
“ตามสบายเถอะครับผมเบื่อจะห้ามพวกคุณแล้ว
แต่ก่อนอื่นกรุณาลุกออกจากตักผมไปได้แล้วครับหัวหน้า ถึงพวกคุณจะหน้าหนาไม่อาย
แต่ผมอายนะครับ ปล่อยผมไปสวมกางเกงสักทีเถอะครับผมจะได้กลับห้องสักที
พวกคุณทำผมหมดแรงจนจะนั่งไม่ไหวแล้วนะครับ”
“นั่งไม่ไหวก็ไม่ต้องนั่งสิ”
มือใหญ่กดไหล่บางดันร่างเด็กหนุ่มให้นอนราบลงกับที่นอนก่อนที่หัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองจะตวัดแขนขากอดก่ายเอเลนไว้จนแน่น
“เหนื่อยมากนักก็นอนเถอะ
แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ตอนเช้า”
เสียงทุ้มกระซิบเบาๆก่อนที่เอเลนจะได้ยินเสียงกรนเบาๆที่สองข้างหู
แหม!!! ทีแบบนี้น่ะสามัคคีกันจังนะ คนกลางนี่อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว..........
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น