วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

{Attack On Titan Fic:Levi x Eren } The Last World -Section 27 รวมพล

Section 27 รวมพล

“จะทำลายดาร์กโฮล์ดเหรอ มันไม่เสี่ยงเกินไปหน่อยหรือไง”
“ที่จริงแล้ว ผมเองก็เคยมีความคิดนี้อยู่เหมือนกันครับ แต่ก็มีอันต้องพับเก็บไป เพราะก่อนหน้าที่พวกรีไวและฮันซี่จะมาถึงพวกเรายังไม่พร้อมทั้งเครื่องมือและกำลังพล ถ้าเป็นตอนนี้มีฮันซี่สร้างระเบิดแถมยังมีรีไวอยู่อีกถึงสองกำลังรบของเราก็ยิ่งจะแกร่งขึ้น ผมว่ามันน่าจะได้ผลนะครับ” เอลวินเอ่ยตอบกับหมอคริช่า
“แต่ถ้าหากว่าแผนนี้เกิดล้มเหลว”
“จะสำเร็จหรือไม่ เราจะไม่มีวันรู้จนกว่าจะลองทำดู หากยังไม่ลงมือก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรง่ายๆจะดีกว่า” รีไวร่างอวตารเอ่ยขึ้นซึ่งรีไวร่างต้นก็ยิ้มรับ
ความคิดของเจ้านั่นก็เข้าท่าดี...........

“คือผมมีข้อเสนออีกอย่างครับ”
“ว่ามาสิเอเลน”
“ข้างบนนั่นยังมีเพื่อนของผมอีกหลายคน ทั้งมิคาสะที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่น ทั้งอาร์มินที่ฉลาดมาก ไหนจะแจน โคนี่ ซาช่า ยูมิล คริสต้า พวกนั้นฝีมือก็เข้าท่ากันทุกคน ผมคิดว่าถ้าหากได้เจ้าพวกนั้นมาเสริมทัพน่าจะช่วยได้มากนะครับ”
“แล้วเธอมั่นใจรึเปล่าล่ะเอเลน”
“เอ่อ....ครับ”
“เธอมั่นใจรึเปล่าว่าจะทำให้พวกเพื่อนๆของเธอมายืนอยู่ข้างเดียวของเราได้” เอลวินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ทำให้เอเลนนิ่งไป
“ฉันคิดว่ามันคงไม่ง่ายหรอกนะ เพราะยังไงพวกฉันสามคนก็มีชะงักติดหลังอยู่” ไรเนอร์หันไปพูดกับเอเลน
อา นั่นสินะ ทุกคนต่างก็ตราหน้าสามคนนี้ว่าฆาตกรกันทั้งนั้น........แต่ว่า
“ได้ผลสิ ต้องได้ผลแน่ๆ พวกนั้นมีเหตุผลมากพอต้องเข้าใจพวกเราแน่ ผมคิดว่าผมทำได้ครับ”
“เอเลน มาด้วยกันหน่อย” จู่ๆรีไวร่างต้นก็ลากเอเลนเดินหายออกไปจากโต๊ะอาหารท่ามกลางความสงสัยของทุกคน
“หัวหน้าครับ คุณจะพาผมไปที่ไหนครับ หัวหน้า!!!” รีไวไม่พูดไม่จาเอาแต่ลากเอเลนเดินจ้ำไปถามโพรงถ้ำยาวเหยียดจนไปถึงม่านน้ำตก เมื่อผ่านออกไปเขาก็ผลักเอเลนลงไปในบ่อน้ำอย่างไม่ปราณี เมื่อจมลงใต้ผิวน้ำเด็กหนุ่มก็ดิ้นปัดป่ายสุดแรง
ทั้งๆที่รู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็นแล้วยังจะผลักลงมาทำไมกัน
พลันรู้สึกถึงมือที่สอดเข้ามารวบเอวเอาไว้ขณะที่เห็นชายหนุ่มร่างสูงโน้มคอลงประกบปากถ่ายเทอากาศให้ขณะที่ตีขาลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ
“ทำอะไรกันครับหัวหน้า อยู่ดีๆทำไมคุณผลักผมลงน้ำแบบนี้ แล้วที่นี่มัน.........บ่อน้ำที่เราเคยมานี่นา”
“ฉันดีใจนะที่แกยังจำได้ ไอ้หนู” รีไวร่างต้นยิ้มตอบขณะดึงมือฉุดเอเลนขึ้นจากน้ำ
“แล้วอยู่ดีๆ คุณพาผมออกมาที่นี่ทำไมกันครับ ยังคุยธุระกันไม่เสร็จเลยนะครับหัวหน้า”
“ช่างเรื่องพวกนั้นเถอะ ฉันมีเรื่องสำคัญมากกว่านั้นอยากจะคุยกับแก”
“มันจะมีอะไรสำคัญมากไปกว่าแผนการรบอีกล่ะครับ” เอเลนเอ่ยถามเสียงอ่อย
“แกไม่อยากเรียกฉันว่ารุ่นพี่อีกแล้วเหรอ”
“เอ่อ ห๊ะ!!!” อะไรนะ เหมือนจะได้ยินว่ารุ่นพี่
“ก่อนหน้านี้แกเองก็เคยเรียกฉันว่ารุ่นพี่ แล้วตอนนี้แกไม่อยากเรียกฉันแบบนั้นอีกแล้วเหรอ”
“คุณ........คุณรู้เหรอครับว่าผมคือเด็กคนนั้น”
“ฉันมันโง่เองที่จำไม่ได้” รีไวเอ่ยตอบยิ้มๆ เอเลนถึงกับหน้าแดงทั้งเขินทั้งโกรธในเวลาเดียวกัน
“แล้วทำไมคุณถึงมารู้เอาตอนนี้ล่ะครับ คุณรู้รึเปล่าครับหัวหน้าว่าผมรอนานแค่ไหน”
“ขอโทษ ฉันขอโทษ......เด็กดี ขอโทษที่ปล่อยให้นายต้องคอย ฉันรู้ความจริงตั้งแต่คืนที่อยู่กับนายในห้องใต้ดินแล้ว คืนแรกของเราทั้งสองคนไงล่ะ”
“คราวหลังก็หัดบอกผมบ้างสิครับ”
“ก็ไม่มีโอกาสได้บอกน่ะสิ ดันตายทิ้งซะก่อน” รีไวร่างต้นเอ่ยขำแต่เอเลนกลับรู้สึกขำไม่ออก
“คุณไม่ได้ตายสักหน่อยนะครับ ผมไม่ชอบให้คุณพูดเรื่องตายแบบนี้”
“ขอโทษ จะไม่พูดแบบนี้อีกแล้ว” รีไวกล่าวขณะก้มลงจูบเปลือกตาของเด็กหนุ่มเบาๆ
“แต่นี่เป็นความลับระหว่างเราสองคนนะ”
“ทำไมกันครับ”
“เพราะไม่ว่าจะเป็นจูบแรกที่นี่ หรือคืนแรกของเราที่ห้องใต้ดิน มันล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากฉันถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมและความทรงจำให้แก่ร่างอวตารแล้วทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเจ้าเตี้ยนั่นจึงไม่รู้เรื่องพวกนี้”
“คุณไม่อยากให้ผม บอกหัวหน้าอีกคนเหรอครับ”
“ขอร้องล่ะเอเลน แค่ฉันต้องแชร์นายกับหมอนั่นมันก็เกินจะรับได้แล้วนะ ขอให้เรื่องพวกนี้เป็นความลับเล็กๆระหว่างเราสองคนต่อไปเถอะน่า” รีไวร่างต้นกล่าวขณะที่กอดเอเลนแนบอก
“ฉันขอแค่นี้จริงๆ เอเลน” เด็กหนุ่มซุกหน้าลงกับอกของร่างสูงตอบรับเสียงแผ่ว
“ตกลงครับ รุ่นพี่”

“ไม่แฟร์เลยนี่ที่พวกนายออกมากันแค่สองคน” เสียงทักท้วงจากด้านหลังทำให้รีไวปล่อยเอเลนออกจากอ้อมกอด
“มีความลับที่บอกฉันไม่ได้สินะ” รีไวร่างอวตารตัดพ้อนิดๆ แต่เขาเข้าใจสถานะของตัวเองดี ยังไงก็แค่คนที่มาทีหลัง
เอเลนทอดสายตามองชายหนุ่มที่ตีหน้าขรึมแต่ดวงตากลับฉายแววตัดพ้ออย่างชัดเจน ในใจพลันรู้สึกวูบโหวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มหันไปพูดกับรีไวร่างต้นเสียงเบา
“ขออนุญาตนะครับหัวหน้า” เมื่อร่างสูงพยักหน้ารับ เอเลนจึงต้องเข้าไปกอดรีไวร่างอวตารไว้ขณะที่มอบจุมพิตดูดดื่มให้ด้วย
“อ.....เอเลน......” หัวหน้าทหารหนุ่มกระพริบตาปริบๆมองเด็กหนุ่มร่างสูงอย่างตกตะลึง
“อย่าได้คิดน้อยใจอีกนะครับ ผมบอกแล้วนี่ครับว่าคุณทั้งสองคนมีความสำคัญกับผมเท่าๆกัน ไม่อยากจะให้ใครคนใดคนหนึ่งต้องเสียใจหรอกนะครับ” เอเลนกล่าวขณะกดร่างของชายหนุ่มให้ทรุดนั่งลงกับโขดหินที่อยู่ใกล้ๆแล้วจึงปีนขึ้นไปนั่งคร่อม
มือเรียวกอดคล้องคอขณะที่ก้มลงจูบชายหนุ่มอีกครั้ง มองสาบดวงตาคมด้วยสายตาฉ่ำหวาน
“ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ผมก็อยากจะสร้างความทรงจำนี้ให้กับคุณเพื่อความท่าเทียม”
เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดและตะขอกางเกงพร้อมกับล้วงส่วนอ่อนไหวของหัวหน้าทหารหนุ่มออกมา รูดรั้งเบาๆมันก็เริ่มแข็งตัว
“เพราะฉะนั้น กรุณาอย่ารู้สึกน้อยใจอีกเลยนะครับ” เอเลนกล่าวตอบเสียงเบาขณะที่ก้อมหน้าลงแตะลิ้นสัมผัสกับแกนกายที่กำลังแข็งตัว ลากไล้ตั้งแต่ส่วนโคนจรดปลายก่อนจะอ้าปากเปิดรับแท่งเนื้อแข็งร้อนเข้ามาสู่โพรงปาก ห่อริมฝีปากรูดรั้งรุนแรงพร้อมกับใช้ฟันคมครูดไถเบาๆ
รีไวเกร็งตัวแน่นด้วยความปั่นป่วนที่ปลุกปั่นสะท้านจากส่วนกลางของร่างกาย มือใหญ่บีบคลึงศีรษะได้รูปของเด็กหนุ่มเบาๆขณะที่เริ่มขยับกายสวนกระแทก เอเลนเปิดรับให้หัวหน้าทหารหนุ่มได้กระทำอย่างเต็มที่ ขณะที่รู้สึกเย็นวาบที่ช่องทางด้านหลัง
รีไวร่างต้นโลมเลียช่องทางเบื้องหลังจนเปียกชุ่มขณะที่แหย่นิ้วลอดผ่านช่องแคบเล็กๆนั้นเข้าไปอย่างระมัดระวัง
“ถ้าไม่เตรียมตรงนี้ด้วย มันจะไม่สะดวก นายชอบให้ฉันแกล้งตรงนี้ของนายที่สุดไม่ใช่รึไงเอเลน” รีไวกล่าวขณะที่อ้าปากเปิดรับติ่งเนื้อทรงกลมสองลูกที่ไวต่อการสัมผัสเข้ามาในปากพร้อมกับดูดกลืนแรงๆ เรียวนิ้วก็ยังคงขยับขยายช่องทางซ่อนเร้นในไปด้วย
เอเลนส่งเสียงครางอู้อี้เพราะมีสิ่งที่คับแน่นยัดอยู่เต็มปาก รอจนกระทั่งร่างอวตารได้ปลดปล่อยเอเลนจึงถอนริมฝีปากออก คราบน้ำสีขาวขุ่นไหลย้อยจากมุมปากลงมาตามคางเรียว
“พอแล้วครับหัวหน้า.....ผมคิดว่าคงจะพอไหว” เอเลนเอ่ยด้วยเสียงหอบกระเส่าหันไปคุยกับรีไวร่างต้น
เด็กหนุ่มแยกขานั่งคร่อมลงบนตักของหัวหน้าทหารหนุ่ม เปิดรับส่วนอ่อนไหวที่ยังคงชูชันเข้ามาในร่างช้าๆ
“อื้ม..........”
เอเลนหลับตาแน่น หน้านิ่วด้วยความเจ็บปวดในคราแรก มือใหญ่จึงหันไปให้ความเอ็นดูกับแกนกายของร่างบางเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจขณะที่รีไวร่างต้นพรมจูบแผ่นหลังและต้นคอของเด็กหนุ่มเพื่อระบายความอัดอั้น
“ผมรักพวกคุณทั้งสองคนมากเลยนะครับ” เอเลนเอ่ยเสียงกระเส่าน้ำตารื้นแล้วจึงเริ่มร่อนสะโพกขยับกาย ช่องทางเล็กเสียดสีแกนกายร้อนผ่าวจนระอุร้อน รีไวร่างอวตารขยับกายสวนร่างใส่เด็กหนุ่มแรงๆขณะที่มือก็ยังปรนเปรอให้เอเลนไม่หยุด ส่วนมืออีกข้างที่ว่างก็ประคองสะโพกมนไว้ แหย่นิ้วเข้าไปในช่องทางสีเข้มที่กำลังถูกเติมเต็มของเอเลนช้าๆ
“อ๊ะ....อ๊า!!!” เด็กหนุ่มส่งเสียงร้องลั่น
เพียงแค่ต้องรับแท่งเนื้อร้อนขนาดมหึมาเข้ามาในร่างก็แทบจะเต็มกลืนแล้ว นี่ยังจะสอดนิ้วเพิ่มความแน่นตึงเข้ามาอีก แล้วเขาจะทนรับมันได้ยังไงกัน
“เอเลน.....ไม่เป็นไรนะ เด็กดี......ไม่ร้อง” รีไวร่างต้นจูบตอบเด็กหนุ่มที่เรียกร้องหา หัวหน้ารีไว หัวหน้ารีไวไม่หยุด
รีไวร่างอวตารเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่คร่อมอยู่บนร่างของตนเองเสียงแผ่วขณะที่ส่งลิ้นเข้าไปโลมเลียยอดอกสีสวย
“เอเลน.....อย่าเกร็งมากเกินไป.....ฉันจะช่วยขยายมันออกให้มากกว่านี้”
แต่สำหรับเอเลนที่กำลังถูกรุกรานทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เล้าโลมจากบนลงล่างนั้น เหมือนจะสติหลุดไปแล้ว ดวงตาสีเขียวมรกตปรือปรอยฉ่ำเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากบางพึมพำส่งเสียงครวญครางไม่หยุด รีไวร่างอวตารดึงแขนทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มขึ้นมาคล้องคอของตนเอาไว้ ขณะที่หันไปพูดกับร่างต้นของตนเองหน้าตาไม่พอใจนิดๆ
“เฮ้ย!!! แก ตรงนี้ยังว่าง ถ้าอยาก ก็เข้ามา” เขากล่าวพร้อมกับใช้นิ้วแหวกช่องทางสีสวยที่ถูกเสียดสีจนแดงเข้มของเอเลนให้อีกฝ่ายเห็นว่ามันยังเหลือที่ว่างพอที่จะให้อีกคนเข้ามาเติมเต็ม
“เอเลน.....เข้าไปได้มั้ย” รีไวร่างต้นเอ่ยขออนุญาตเสียงกระเส่า เอเลนที่ซุกหน้าอยู่กับซอกคอของร่างอวตารเอ่ยตอบเสียงอู้อี้
“ขอแค่เป็นหัวหน้า....ต่อให้ทำมากกว่านี้ ผมก็รับไหวครับ”
เพียงแค่ได้ยินคำอนุญาตก็เป็นอันหมดความอดทน รีไวร่างต้นส่งแกนกายขยายใหญ่จ่อเข้าไปยังช่องทางสีเข้มค่อยๆดันผ่าเข้าไปช้าๆโดยที่มีร่างอวตารของเขาใช้นิ้วช่วยเบิกหนทางให้
“อื้ม!!!!” เอเลนกัดฟันลงกับไหล่ของร่างอวตารจิกนิ้วข่วนแผ่นหลังของชายหนุ่มเป็นรอยยาว
เมื่อสอดไส้เข้าไปได้จนสุดก็ยังไม่มีใครกล้าขยับเคลื่อนไหว ต่างคนต่างหอบหายใจสะท้านด้วยตื่นเต้น แต่สำหรับเอเลนที่รับบทหนักที่สุดในเวลานี้นั้นไม่อาจทานทนความอึดอัดที่ถูกเติมเต็มเข้ามาจากหัวหน้าทหารทั้งสองคนพร้อมๆกันได้ เด็กหนุ่มเอ่ยวิงวอนเสียงกระเส่า
“หัวหน้า.....ขยับเถอะครับ.....ผมน่ะ......ไม่ไหวแล้วจริงๆ ได้โปรดขยับเถอะครับ”
แท่งเนื้อร้อนสองแท่งที่เริ่มขยับหนักเบาเสียดสีเนิบนาบสลับกันช้าๆเพื่อสร้างความคุ้นเคยในช่วงแรก ทั้งสองหนุ่มต่างก็พยายามใจเย็นต้องการให้เอเลนนั้นคุ้นเคยและหายจากอาการเกร็งแน่นเสียก่อน แล้วจึงหยัดกายโถมกระแทกใส่เด็กหนุ่มรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ เอเลนถึงกับอ่อนยวบราวกับเทียนต้องเปลวไฟ ส่วนล่างที่ถูกเติมเต็มอย่างเร่าร้อนและหนักหน่วงทำให้สติของเขาแทบหลุดลอย เด็กหนุ่มปลดปล่อยความสุขสมจนเปรอะเปื้อนหน้าท้องขึ้นลอนกล้ามของของรีไวร่างอวตารครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทั้งสองหนุ่มก็ยังคงไม่ถึงที่สุดแห่งอารมณ์สักที จวบจนเมื่อหัวหน้าทหารหนุ่มทั้งสองเกร็งกระตุกฉีดพ่นน้ำรักสีขาวขุ่นเข้าไปในร่างของเด็กหนุ่มจนท่วมท้น เอเลนจึงเหมือนจะได้สติกลับมา
“ขอโทษครับหัวหน้า ผมทำพวกคุณสกปรกไปหมด” เอเลนกล่าวเสียงอ่อย ขณะที่ใช้มือปาดน้ำรักที่เลอะเต็มไปทั้งตักของรีไวร่างอวตารโดยที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร
“ช่างมัน” หัวหน้าทหารหนุ่มกล่าวขณะที่อุ้มเอเลนกระโจนลงไปบ่อน้ำ
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำมันในน้ำก็แล้วกัน แกน่ะถ้าอยากทำก็ลงมา” รีไวร่างอวตารเอ่ยกับร่างต้นของเขาขณะที่สอดใส่เข้าไปในกายของเอเลน ช่องทางลับที่ผ่านการใช้งานมาแล้วนั้นยังคงอ่อนตัวและชุ่มชื้น รอบนี้จึงสามารถทำได้โดยง่าย
“หัวหน้าครับแต่ถ้าทำในน้ำแบบนี้ น้ำมันก็ต้องเข้ามา......อ๊า!!!!” ขณะที่เอเลนกำลังทักท้วงพลันรู้สึกถึงร่างใหญ่ที่แนบเข้ามาจากด้านหลัง พร้อมกับแท่งเนื้อร้อนของอีกคนถูกสอดใส่เข้ามาในร่างกาย รีไวร่างต้นก้มลงกระซิบกับเด็กหนุ่มขบเม้มติ่งหูนิ่มเบาๆ
“แค่นี้ก็ไม่มีที่ว่างให้เข้ามาอีกแล้วล่ะ”

น้ำที่เย็นจัดยังไม่อาจช่วยดับไฟราคะที่กำลังลุกโหมของทั้งสามคนได้ บทรักร้อนแรงถูกเติมเต็มให้กับเด็กหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า อดีตที่ผ่านมาไม่สำคัญเท่ากับปัจจุบันที่เป็นอยู่ ความทรงจำที่สวยงามและเร่าร้อนในค่ำคืนนี้ต่างหากที่จะยังคงอยู่แบบนี้ตลอดไป
เอเลนส่งเสียงร้องลั่นเพราะความเสียวกระสันพูดกับชายหนุ่มทั้งสอง
“ผมรักพวกคุณนะครับหัวหน้า......อ๊า!!!......รักตลอดไปเลยครับ”

“ไหวรึเปล่า เอเลน” รีไวร่างอวตารเอ่ยถามเด็กหนุ่มที่หน้าตายังแลดูซีดเซียว
“ไหวครับ....คุณก็รู้นี่ครับ ว่าร่างกายของผมฟื้นตัวได้ไว” เอเลนกระซิบตอบเสียงเบา ถึงจะรู้อย่างนั้น แต่ก็ยังคงอดห่วงไม่ได้ เพราะเมื่อคืนนี้พวกเขาต่างก็เล่นเจ้าเด็กคนนี้หนักน่าดูทีเดียว
“จะเปิดประตูส่งเข้าไปให้ที่ฐานหลักของสมาพันธ์ ที่เหลือก็คงต้องแยกย้ายจัดการกันเอง ส่วนขากลับค่อยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแอนนี่จัดการก็แล้วกัน” คริช่ากล่าวกับพวกเขา
“โชคดี ระวังตัวกันด้วย” เอลวินเอ่ยสำทับกับทุกคน
เมื่อประตูแห่งมิติเปิดออก เบลทรูทและไรเนอร์ก็ล่วงหน้าเข้าไปก่อน ตามไปด้วยแอนนี่และฮันซี่ ปิดท้ายด้วยเอเลนและรีไวทั้งสอง ทั้งหมดโผล่ออกมาที่ส่วนหลังฐานบัญชาการที่ค่อนข้างเงียบและปลอดคน
“ยืนไหวมั้ย” รีไวร่างต้นหิ้วแขนเอเลนลุกขึ้นยืน
“ครับ ผมแค่เวียนหัวนิดหน่อย” ต่อให้ต้องผ่านโพรงหนอนระหว่างมิตินี่อีกสิบครั้งยี่สิบครั้งเอเลนก็ยังไม่รู้สึกชินสักที
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกกัน ฉันกับรีไวจะกลับไปเอาเยเกอร์และอุปกรณ์สำคัญที่ฐาน ส่วนนายก็ตามไปดูแลความปลอดภัยของเด็กๆด้วยแล้วกัน” ฮันซี่กล่าวกับรีไวร่างอวตาร
“หนึ่งชั่วโมงต้องกลับมาที่นี่ถ้าใครไม่มาฉันจะทิ้งไว้โดยไม่รอ” แอนนี่กล่าวกับพวกเขา ฮันซี่ยิ้มรับ
“จ้าๆ จะรีบกลับมาแล้วกัน” ฮันซี่กับรีไวร่างต้นแยกตัวออกไปขณะที่เอเลน รีไวร่างอวตาร เบลทรูทและไรเนอร์ออกไปอีกทาง
“เช้าๆแบบนี้น่าจะยังอยู่ในโรงนอน คงต้องเริ่มจากที่นั่นก่อน”

ทั้งสี่หนุ่มลัดเลาะผ่านทางส่วนกลางอ้อมไปถึงฝั่งที่เป็นที่พักของเหล่าทหารซึ่งถูกจัดแยกชายหญิง  เบลทรูทผู้มีส่วนสูงมากที่สุดในกลุ่มส่องลอดหน้าต่างไม้ที่เปิดระบายอากาศเข้าไปข้างใน
“ที่นี่แหละ” เขากระซิบบอกกับเอเลน
“ช่วยหน่อย” เอเลนที่กำเศษก้อนหินเต็มกำมือปีนขึ้นไปบนหลังของเขาและขึ้นขี่คอ
“หนักรึเปล่า” เอเลนก้มหน้าเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ ในขณะที่เบลทรูทส่ายหน้าดิก เอ่ยตะกุกตะกัก
“ม.....ไม่หนัก.....จะขี่นานๆกว่านี้ก็ได้” เจ้าตัวออกจะหน้าแดงมากเลยทีเดียว

ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเกรงใจกันรึเปล่าแต่ยังไงเสีย เอเลนก็พยายามจะใช้เวลาอยู่บนคอของเบลทรูทให้สั้นที่สุดจะดีกว่า
มือเรียวขว้างหินเข้าไปในห้องลูกแรกมันตกลงบนที่นอนของโคนี่แต่เจ้าตัวก็ยังคงนอนเฉย ลูกที่สองจึงออกแรงให้มากยิ่งขึ้นมันตกลงบนหัวของแจนพอดิบพอดี
“เฮ้ย!!! ใครมัน....” แจนลุกขึ้นมาโวยวายแต่เมื่อมองไปที่หน้าต่างแล้วพบเอเลนจึงปิดเปียกเงียบ เอเลนกำลังกวักมือเรียกเขาให้ออกไปข้างนอก แจนตัดสินใจลากโคนี่ที่ยังไม่ตื่นดีและปลุกอาร์มินเดินออกไปพร้อมกัน พวกเขาเจอเอเลนยืนอยู่ตรงนั้นแต่เพียงผู้เดียว
“เอเลน ไปอยู่ที่ไหนมา”
“นี่นาย!!!
อาร์มินและโคนี่แทบจะแหกปากร้องด้วยความตื่นเต้นแต่เอเลนกลับบอกให้พวกเขาเงียบไว้
“ไม่มีเวลาอธิบายมาก ฉันอยากให้พวกนายมากับฉันก่อนพ่อฉันจะอธิบายเรื่องทั้งหมดให้ฟัง”
“แกจะพาพวกเราไปที่ไหนกัน ถ้าไม่พูดให้เคลียร์ฉันก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น” แจนยืนกรานชัดเจน
“อย่าเรื่องมากแจน นี่เรื่องสำคัญ ถ้าพวกนายตามฉันมารับรองจะไม่เสียใจ” เอเลนเอ่ยย้ำกับแจน
ไอ้หมอนี่มันขี้ระแวงจนเกินเหตุจริงๆ
“อย่างที่บอก ถ้าไม่เคลียร์ ฉันก็ไม่ไป” แจนยังคงยืนยันเสียงแข็ง เอเลนถึงกับกัดฟันแน่น
ไอ้ม้าบ้าเอ้ย!!!
ขณะที่กำลังพยายามสงบสติอารมณ์ในตอนนั้นเองไรเนอร์ก็เดินออกมาจากที่ซ่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“เสียเวลาเกินไปแล้วนะเอเลน เรายังต้องไปตามพวกผู้หญิงอีก”
ถึงแม้จะไม่ได้เตรียมใจมาก่อน แต่เมื่อให้หน้าไรเนอร์อีกครั้ง ความโกรธก็แทบจะครอบงำจิตใจไปเสียหมด
“ไรเนอร์ แก!!!
ยังไม่ทันไตร่ตรองให้ดี แจนพุ่งเข้าชาร์ตกระหน่ำชกใส่ไรเนอร์ไม่ยั้ง ร่างใหญ่ไม่คิดตอบโต้ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ระบายจนเต็มที่จนแจนหมดแรงไปเอง ไรเนอร์ถ่มน้ำลายเปื้อนเลือดออกจากปาก เช็ดคราบเลือดที่ไหลออกมาจากจมูกด้วยใบหน้าเฉยชา
“พอใจแล้วใช่มั้ย”
“แก.....แกฆ่ามาร์โคทำไม” แจนหอบหายใจถาม ในใจยังคงกรุ่นด้วยความโกรธแต่ก็หมดแรงที่จะซัดแล้ว
“ฉันไม่ได้อยากจะฆ่าใคร มาร์โคเพียงแค่อยู่ผิดที่ผิดเวลาก็เท่านั้น”
“เพราะแค่นั้นน่ะเหรอ เพราะเขาขวางทางแกอย่างนั้นเหรอ” แจนตะโกนเสียงกร้าว ไรเนอร์กลับตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง
“ฉันมีหน้าที่ที่ต้องทำแจน.....และเพื่อการนั้นจะผิดพลาดไม่ได้”
“ใจเย็นก่อนแจน ผมว่าเราควรจะฟังเหตุผลของพวกไรเนอร์ก่อนดีกว่านะ” อาร์มินช่วยรั้งแจนไว้พลางพูดเตือนสติ ขณะนั้นเอง
“เอเลน!!!
มิคาสะที่วิ่งมาด้วยความเร็วส่งเสียงร้องมาแต่ไกล
“เกิดอะไรกันคะ” ซาช่าก็วิ่งตามมา
“ยัยบ้าเอ้ย!!! อะไรอีกล่ะ” ยูมิลก็ถูกคริสต้าลากตามออกมาด้วย
“เอเลน.....เอเลน.....เจอสักที” มิคาสะโถมร่างกอดเอเลนแทบล้มทั้งยืน
“อ้าวเอเลน.....ไรเนอร์ นายก็อยู่เหรอ ฉันนึกว่าหนีไปแล้วซะอีก” ยูมิลแค่นยิ้ม
“ฉันรู้สึกว่าเอเลนอยู่ใกล้ๆ เอเลนอยู่ที่นี่จริงๆด้วย” มิคาสะกล่าวน้ำตารื้นกอดเอเลนแน่น
“ใจเย็น ฉันกำลังจะไปรับเธอพอดี ไม่คิดว่าเธอจะมาเสียเอง”
“เอเลนจะไปไหน.....ฉันจะไปด้วย”
“ก็ถึงได้บอกไงเล่าว่าจะไปรับน่ะยัยโง่” เอเลนตวาดพลางดีดหน้าผากมิคาสะเต็มแรง
“มีแค่นี้ใช่มั้ยเพื่อนที่นายอยากพากลับไป” ทันใดนั้นรีไวที่ทนกับเสียงทะเลาะโหวกเหวกของพวกเด็กๆอยู่เป็นนานสองนานมีอันต้องหมดความอดทน
“หัวหน้าทหารรีไว!!!!
“ฉันจะไม่พูดกับพวกเด็กเหลือขออย่างพวกแกให้มากความ ใครจะมาหรือไม่ตอนนี้ไม่สำคัญ เพราะถึงจะมีพวกแกอยู่หรือไม่มันก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของเอเลนฉันจึงต้องมา และจะบอกสั้นๆ ใครที่อยากจะรู้รายละเอียดเรื่องราวทั้งหมดก็ตามมา แต่ถ้าไม่ก็ไสหัวกลับโรงนอนไปซะ แล้วนับตั้งแต่วินาทีนี้ไปก็จำใส่กะลาหัวน้อยๆของพวกแกไว้ว่าเราอยู่คนละข้างกัน ไปกันเถอะเอเลน ...... ถ้าช้ายิ่งกว่านี้ยัยนั่นต้องเปิดประตูกลับไปคนเดียวแน่ๆ”
“เอ่อ...ครับ”
เอเลนมิคาสะและเบลทรูทเดินตามรีไวร่างอวตารออกไปในขณะที่ยูมิลเอ่ยขึ้น
“นั่นก็หมายความว่าถ้าเราไม่ตามเขาไป เจอกันคราวหน้าหัวหน้าทหารคนนั้นจะเชือดเราใช่มั้ย”
“เหมือนจะใช่นะคะ” คริสต้ายิ้มตอบแหยๆ
“ก็แล้วจะรออะไรกันเล่า รีบไปสิ!!!
ยูมิลรุนหลังซาช่าและคริสต้าออกตามหลังไปขณะที่แจนยังคงยืนนิ่งกับที่
“ถ้าอยากจะแก้แค้น ฉันก็ไม่ว่า แต่อยากจะให้นายฟังเรื่องราวทั้งหมดก่อน บางที นายอาจจะเปลี่ยนใจ หรือถ้ายังอยากฆ่าฉันอยู่ก็บั่นคอฉันได้ทันที ขอเพียงแค่เชื่อใจกันสักครั้ง” ไรเนอร์กล่าวกับแจนเสียงเรียบใบหน้าที่ถูกต่อยจนบวมช้ำเริ่มเยียวยาตนเองจนเกือบเป็นปกติแล้ว
“ถ้าไม่เชื่อใจฉันก็ไม่เป็นไร แต่นายน่าจะรู้ดีใช่มั้ยแจนว่าใคร ที่นายควรจะเชื่อใจ”
ไรเนอร์กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินจากมา แจนมองตามแผ่นหลังหัวหน้าทหารร่างอวตารที่เริ่มจะทิ้งห่างออกไปไกลด้วยความคิดที่กำลังสับสน
ควรจะเชื่อใจใคร......ใช่ในเวลาแบบนี้เขารู้ดีว่าควรจะเชื่อใจใคร
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น สบถออกมาหนึ่งคำ
“โธ่เอ๊ย!!!

แล้วจึงตัดสินใจออกเดินตามไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนอีกคน





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น