Attack On
Titan Fan fic.: ผ่าพิภพบันทึกฟาโรห์
Pairing: (LevixEren)
Rate: NC-17
Warning: *เนื้อหาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง
ตัวละครมีตัวตนจริงในการ์ตูนเรื่องผ่าพิภพไททัน
แต่เหตุการณ์และสถานที่ทั้งหมดเป็นนามสมมติที่แอบมีเค้าเรื่องจริงปะปนเล็กน้อย!!!!*
Story By: AkeRah , Trendy Blood
………………………………………………………………………………………………..
Chapter
2:
นี่มันอะไรกัน!? ตอนแรกก็โจรปล้นสุสาน
ต่อจากนั้นก็รูปปั้นอนุบิสเคลื่อนไหวได้
แล้วยังผู้ชายมั่นหุ่นเปลือยโชว์ของลับต่อหน้านั้นอีก
แบบนี้ยังไงก็เป็นแค่ฝันแน่ๆเราคงจะเหนื่อยเกินไป.... การตามไปทำงานกับเจ้าพ่อบ้าบ่อยๆบางทีคงต้องเพลาๆลงบ้าง
บางทีหยุดฤดูร้อนนี้แทนที่เราจะตามมาอียิปต์แบบนี้น่าจะไปพักผ่อนกับดูศิลปะที่เอเธนท่าจะดีกว่า
ถ้าพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาขอเจ้าพ่อบ้านั้นไปกรีกน่าจะดี...
ซ่า!!
เอเลนที่กำลังดิ่งในห้วงความคิดต้องกุลีกุจรตะเกียดตะกายเมื่อความเปียกชื้นถูดซัดสาดเข้าเต็มใบหน้า
“แค่ก แค่ก!!”
ร่างโปร่งสำลักน้ำทั้งหอบหายใจด้วยความตกใจจนตัวโยน
พอได้สติใบหน้ามนจึงได้เห็นชายหนุ่มคนเดิมที่แม้ท่อนบนยังคงเปลือยกายแต่ท่อนล่างได้มีผ้าผืนบางปกคลุมพร้อมหลักฐานถังน้ำที่อยู่ในมือว่าเป็นคนสาดน้ำใส่เขาแน่ๆ
“นี่นายจะให้ฉันสำลักน้ำตายรึไง!?”
เอเลนตะโกนใส่อย่างไม่สบอารมณ์
แต่ดูเหมือนชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่ทุกข์ร้อนอะไร ถังในมือถูกวางข้างกายก่อนร่างที่ไม่ได้สูงนักนั่งชันเข่าลงกับพื้นจ้องใบหน้าเขา
จนเอเลนรู้สึกประหม่า เด็กหนุ่มจึงเบนหลบสายตาชายตรงหน้าก่อนจะได้มองสำรวจรอบๆตัว
ว่าแต่ที่นี้ที่ไหน?
นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อมองดูรอบๆเขายังคงอยู่ในที่อาจเรียกได้ว่าเป็นสระน้ำ
ลานหินที่ทอดเรียงยาวและสระน้ำกลางแจ้งที่รายล้อมรอบถูกจัดสันปันส่วนด่วนม่านสีขาวที่ปลิวไสวตามแรงลม
เอเลนยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของตัวเอง
ความเจ็บที่แล่นริ้วบนแก้มเนียนบ่งบอกเขาว่าตัวเขาไม่ได้ฝันอยู่อย่างแน่นอน.....
เดี๋ยวสินี่ไม่ใช่ฝัน
ไม่หรอกมันต้องเป็นฝันแน่ๆ หรือไม่ก็......
ใบหน้ามนขมวดคิ้วมุ่นหันกลับไปจ้องหน้าชายหนุ่มปริศนาที่ยังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบ
“เออ.....นี้กำลังถ่ายละครกันอยู่รึเปล่า?
บางทีผมอาจเดินละเมอออกมาจากกระโจม ถ้าคุณไม่ว่าอะไรช่วยติดต่อศาตราจารย์ คริชา เยเกอร์ พ่อของผมได้ไหม?”
เอเลนพยายามฉีกยิ้มกว้างแสดงความเป็นมิตรอย่างถึงที่สุด
แต่บุรุษเบื้องหน้ายังคงจ้องเขาอย่างนิ่งเฉย......
หรือว่าที่เขาพูดไปคนนี้จะไม่เข้าใจบางทีอาจต้องใช้ภาษาอียิปต์แทนภาษาเยอรมันที่เขากำลังพูดอยู่ตอนนี้สินะ
ทันทีที่จะเอ่ยปากถามเป็นภาษาอียิปต์ที่คนตรงหน้าน่าจะเข้าใจ
เสียงทุ้มของชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเอ่ยก่อน
“เครื่องแต่งกายเจ้าแปลกตานัก
ตกลงเจ้ามาจากที่ไหน?”
อ.....เอ๊ะ
ตกลงเขาเข้าใจภาษาเยอรมันงั้นเหรอ? ถึงได้โต้ตอบเขาด้วยภาษาเยอรมันเช่นเดียวกัน
“เออ....คุณเข้าใจภาษาเยอรมันด้วยงั้นเหรอครับ?
ดีจัง” เอเลนถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยถ้าเป็นภาษาบ้านเกิดแบบนี้คงทำให้สื่อสารกันง่ายขึ้น
“เยอรมัน?
เจ้าพูดอะไรเจ้าคนต่างถิ่น เจ้าต่างหากที่พูดภาษาเดียวกับข้า
แล้วตกลงเจ้าเป็นใครไอหนู?” ใบหน้าเฉยชาขมวดคิ้วมุ่นราวกับพยายามหาคำตอบจากเขา
สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้เอเลนรู้สึกมึนงง
เดี๋ยวก่อนนะหมอนี่บอกว่าเขากำลังพูดภาษาอียิปต์
แต่ที่เขาได้ยินและพูดออกไปต้องเป็นภาษาบ้านเกิดของเขาไม่ผิดเพี้ยนแน่ๆ....แล้วทำไม......
?..... ความสงสัยเริ่มคลี่คลายเมื่อสีทองที่ส่องประกายกระทบกับแสงจากคบเพลิง
เอเลนเอื้อมมือหยิบประกายจ้าที่กระตบเข้าม่ายตา
กุญแจสีทองอร่ามที่ได้มาจากรูปปั้นอนุบิสฉายชัดตรงหน้า
ใบหน้าหวานถึงกับซีดเซียวราวกับไร้สีเลือด...ยิ่งมองสำรวจสิ่งรอบตัวดีๆด้วยแล้ว
ทั้งสถาปัตยกรรมและเครื่องใช้ต่างๆล้วนเป็นของโบราณที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ราวกับถูกใช้งานเป็นประจำ
อีกทั้งดูเหมือนว่าที่นี้ยังไม่มีไฟฟ้าอีกด้วย
กุญแจทองคำที่ได้มาจากรูปปั้นหมายักษ์นั่น!!....
เดี๋ยวนะขอใจเย็นก่อน...นี้มันยังกับละครหลังข่าวหรือนิยายแฟนตาซีที่บรรดาเพื่อนๆในห้องชอบอ่านเลยไม่ใช่รึไง!? แต่นี้มันชีวิตจริงนะจะไปมีได้ไง!!
เอเลนหันสบตากับชายหนุ่มปริศนาตรงหน้าอีกครั้ง.........บางทีอาจเป็นรายการล้อกันเล่นก็ได้.........ยังไงคนข้ามมิติกาลเวลาได้ไม่มีอยู่จริงหรอกน่า......
มือบางแตะลงบนไหล่หนาของชายหนุ่มใบหน้าหวานพยายามหัวเราะร่ากับสิ่งที่เกิด
“เป็นรายการที่ทุ่มทุนและทำได้สมจริงมากครับ
แต่ว่าผมว่าเราเลิกเล่นและให้คนอื่นๆออกมาได้แล้วดี....”
โครม!!
ก่อนที่จะพูดจบประโยคชายหนุ่มจับข้อมือของเขาบิดพร้อมทั้งทุ่มตัวเด็กหนุ่มลงบนพื้นหินอ่อน
“จ..เจ็บ!! แบบนี้โหดชะมัดผมจะฟ้องร้อง!”
“เจ้าต่างหากที่ไร้มารยาทไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเจ้าหนู
เพียงแค่ข้าออกคำสั่งเจ้าได้ไปพบกับเทพอนูบิสแน่”
“อะไรเล่า!!
พวกนายต่างหากที่เล่นไม่...อุ๊ก!!”
แขนแข็งแรงของชายหนุ่มกดทับที่คอของเอเลน
ความรู้สึกอึดอัดและนัยน์ตาคมกล้าที่จ้องมองมาว่าเอาจริงทำให้เขาถึงกับขนลุก มือบางพยายามตะกายดันแขนที่กดทับลงมาออกแต่ไม่เป็นผล
แขนกำยำนั้นกดทับจนเด็กหนุ่มเริ่มหายใจไม่ออกมือที่ตะกายดันอ่อนลงเป็นจังหวะเดียวกับที่แขนของชายหนุ่มยอมผละออกไป
“แค่ก แค่ก” เอเลนตะกายตัวหนีออกจากร่างที่คร่อมตนไว้
ร่างบางพยายามหอบเอาอากาศเข้าจนตัวโยน
แบบนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว!! ตกลงว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันแน่!?
“นายเป็นนักฆ่าที่ประหลาดนักเจ้าหนู
อย่างน้อยนักฆ่ามักไม่บอกชื่อตัวเองหรอกจริงไหมเอเลน?”
“ห๊ะ ผมไม่ใช่นักฆ่าซะหน่อย
ถึงจะเรียนศิลปะการต่อสู้มาบ้างแต่ถ้ามาฆ่าคนอย่างคุณนี่ผมคงจะเป็นศพซะเอง...” แค่ร่างกายที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดก็บ่งบอกแล้วว่าสมรรถภาพของร่างกายต่างกันขนาดไหน
“คิดได้แบบนั้นก็ดีเจ้าหนู...ว่าแต่...”
มือหนาคว้าเข้าที่ใบหน้ามนของเด็กหนุ่ม
นัยน์ตาสีเงินจ้องลึกสบตากลมโตของเอเลนอย่างนิ่งงัน ใบหน้าที่เข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รดบนหน้าทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกประหม่าจนใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ
“อ... อะไร?”
ตัดสินใจถามออกไปกับท่าทางที่ยังคงจ้องมองเขาอย่างไม่วางตา
“ตาของเจ้าประหลาดนัก ข้าจำได้ว่าตอนที่เจอเจ้าก่อนจะสลบไปตาของเจ้าสีเขียวดุจทุ่งหญ้า
แต่ตอนนี้กลับเปล่งประกายสีทองดุจแสงของรา”
“อ...เอ๊ะ!?”
เอเลนสะบัดหน้าออกจากมือของชายหนุ่ม
ร่างบางลงไปนั่งคุกเข่าที่ริมสระน้ำเพื่อใช้ผิวน้ำแทนกระจก
คิ้วมนขมวดมุ่นมือบางขยี้ตาของตัวเองซ้ำๆไปมา..... แปลกนี้มันแปลกเกินไปแล้ว
ตาของเขาแต่เดิมเป็นสีเขียวแต่ตอนนี้ตาของเขากลับมีสีทองเจือปน
เมื่อกระทบกับแสงไฟสีทองในนัยน์ตายิ่งสว่างวาบเด่นชัด
นี่เขากำลังเจออะไรกันแน่ หรือจะเป็นเพราะมาขุดสุสาน
อย่าบอกนะว่านี้เป็นคำสาปสุสานฟาโรห์ที่เขาร่ำลือกัน!! แบบนี้ชักไม่สนุกแล้วนะ......ตกลงว่านี้เขา....
“ขอโทษนะผมขอถามอะไรสักหน่อย.......ที่นี้ที่ไหน?”
“ธีบส์”
สองมือกำแน่นพยายามข่มความกระวนกระวายที่กำลังแล่นริ้วในอก
“..อ..... อีกคำถาม.........นี้ปีอะไรงั้นเหรอครับ?”
“ปีที่ห้าของราเมสที่สอง”
.......ชัดเลย.......นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้ว
ตกลงนี้เขาข้ามน้ำข้ามทะเล ไม่สิข้ามภิภพข้ามเวลามาได้งั้นเหรอ!!
ถ้าเจ้าพ่อบ้านนั้นรู้ต้องอิจฉาแน่ๆ
เดี๋ยวสิเอเลนนี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องแบบนั้น
ตอนนี้สิ่งที่ต้องคิดคือหาทางกลับไปที่โลกเดิมให้ได้สิ......ถ้าเป็นตามนิยายแฟนตาซีคงต้องหาพระเอกไม่ก็นางเอกช่วยกลับไปสินะ....
เอเลนหันไปมองชายหนุ่มที่ยังคงกอดอกมองเขานิ่งอย่างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่.....
ส่วนใหญ่ในพวกละครและนิยายแบบนั้นถ้าโผล่มาไม่ถูกตามฆ่าจากแดนของศัตรูก็จะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยแต่นี่........
หน้าตาไม่รับแขกแบบนี้แถมยังทำท่าจะฆ่าเราเสียให้ได้ยังไงต้องเป็นตัวร้ายแน่นอน!....
อีกอย่างเราเป็นผู้ชายแบบนี้คงต้องหานางเอกช่วยสินะ......แล้วจะเริ่มจากตรงไหนดี?
“ข้าตอบเจ้ามาเยอะแล้วเจ้าจงตอบคำถามข้าบ้างไอหนู...
เจ้ามาจากไหน?”
เอเลนมองหน้าคนถามอย่างชั่งใจ ก่อนถอนหายใจด้วยความรู้สึกปลงตก....
ยังไม่รู้ว่าหมอนี่ตกลงเป็นศัตรูหรืออะไรกันแน่
แต่คงต้องหาใครไว้ให้พึ่งพาสักก่อนล่ะนะ
“บอกไปนายอาจไม่เชื่อ
เอาเป็นว่าผมมาจากที่ที่ไกลมากๆจนนึกไม่ถึงเลยทีเดียวล่ะครับ ว...เหวอออ..”
เด็กหนุ่มถูกมือแกร่งจับที่คางให้หันหน้าเข้าใกล้กับใบหน้าเฉยชาอีกครั้ง....
หมอนี่ติดใจอะไรหน้าเรานักหนานะ!? จ้องเอาจ้องเอาแบบนี้เสียมารยาทชะมัด!!
“เสื้อผ้าที่แปลกตาของเจ้าและนัยน์ตาดุจราทำให้ข้านึกถึงบางสิ่ง”
ใบหน้าเฉยชายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ทำให้เอเลนรู้สึกสันหลังเย็นวาบ
“ในบันทึกของพวกนักบวชเคยกล่าวไว้
ยามใดเมื่ออียิปต์มีเพสภัยเทพราจักอวตารมานำทาง เมื่อนั้นรุ่งอรุณแห่งอียิปต์จะมาเยือน”
“อ...เอ๊ะ?” เอเลนถึงกับเหงื่อตกกับสิ่งที่ได้ยิน
“ผ..ผมคงไม่ใช่...”
“ภาชนะแห่งราจะมีดวงเนตรสุกใสดั่งแสงสุริยัน
อาภรณ์ที่ห่อหุ้มจะโดดเด่นกว่าใครในทุกชนชั้น เมื่อร่างจำแลงแห่งรามาถึงเขาจักนำกุญแจทองคำที่ไขซึ่งความรุ่งเรืองทุกสรรพสิ่งติดมา”
เอเลนชำเลืองมองกุญแจทองคำที่ได้มาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในมือ
ใบหน้ามนยิ้มเหยเกอย่างไม่รู้ว่าควรจะปั้นหน้าเยี่ยงไร
“คง........ไม่คิดว่า........ผมเป็นร่างอวตารหรอกใช่ไหม?”
“ไม่คิดว่า แต่เจ้าคือร่างอวตาร
หรืออย่างน้อยก็จัดฉากให้เป็น”
“จัดฉาก? เดี๋ยวก่อนสิแบบนั้นจะทำได้ยังไงกันล่ะ!?”
มือของชายหนุ่มจับลงบนหน้าของร่างโปร่ง
นัยน์ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาสีอร่ามคู่งาม
“ดินแดนแห่งนี้ไม่เคยปรากฏผู้ที่มีนัยน์ตาดุจแสงสุริยันมาก่อน
อีกทั้งอาภรณ์ของเจ้านั้นโดดเด่นแปลกตากว่าใครที่ดินแดนนี้”
“เดี๋ยวสิ แบบนี้ไม่ตลกเลยนะจะให้ผมเป็นร่างอวตารของเทพรายังไงก็ไม่เอาหรอก”
“ในเมื่อข้าพูดไปแล้วเจ้ามีแต่ต้องทำตามเท่านั้น”
อะไรนะ! แบบนี้เอาแต่ใจชะมัดจะมัดมือชกเขาแบบนี้งั้นเหรอไง!!!
“ไม่มีทางหรอกยังไงความก็ต้องแตกอยู่แล้ว ผมไม่เสี่ยงหรอก!”
ฉึก!!
กริซเล่มยาวปักลงกับพื้นระหว่างขาของเด็กหนุ่ม
ใบหน้าเฉยชาของชายหนุ่มตีสีหน้าดุดันจริงจังจนเอเลนได้แต่นิ่งงันน้ำลายเหนียวค่อยๆถูกกลืนลงคอ
“ข้ามีทางเลือกให้เจ้าสองทางเจ้าหนู”
แรงกดดันมหาศาลถูกส่งมาจากนัยน์ตาคมของชายหนุ่มจนเอเลนเกือบลืมหายใจ
“หนึ่งคือทำตามที่ข้าสั่งแล้วถ้าความแตกเจ้าก็ตาย
กับสองเจ้าตายตั้งแต่ตรงนี้แล้วข้าจักควักดวงเนตรสีอร่ามของเจ้าไว้ใช้งาน”
นี่ไม่เท่ากับว่าทางไหนเขาก็ตายงั้นเหรอ!!
ฟันธงเลยยังไงหมอนี่ก็ต้องเป็นตัวร้ายกาจเป็นศัตรู เป็นฝ่ายปรปักษ์กับเขาแน่ๆ!!
“เลือกมาสิเอเลน เจ้าจะเลือกทางไหน?”
เหงื่อเย็นไหลซึมกาย ใบหน้าหวานของเด็กหนุ่มซีดเซียวราวกับไร้สีเลือด
ถ้าข้อสองเขาตายตรงนี้แน่
ถ้าข้อแรกแม้จะเป็นเพียงความหวังอันริบหรี่แต่ก็ยังพอมีทางรอด
อย่างน้อยก็ยังพอมีเวลาให้เขาหาทางกลับสู่โลกเดิมได้ล่ะนะ....
“ย....ยังไงก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่
ก็ได้ผมจะเป็นร่างอวตารของราก็ได้”
ใบหน้าคมคายยกยิ้มพอใจในคำตอบที่ได้ฟัง
กริซด้ามยาวถูกดึงตวัดเก็บเข้าข้างลำตัวของชายหนุ่มเช่นเดิม
เอเลนถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยตอนนี้เขายังพอยืดเยื้อเวลาไปได้บ้าง
ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องมาเจอเรื่องพิลึกพิลั่นยิ่งกว่าความบ้างานของพ่อตัวเอง
“ข้ามีข้อสงสัยอยู่อย่าง...”
“หือ?”
ไม่ทันตั้งตัวมือหยาบของชายหนุ่มจับคว้าเข้าที่เป้ากางเกงของเขา
เอเลนดีดตัวออกห่างทันที ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นสีทั้งด้วยความตกใจและโมโห
“แว๊ก! นี่นายทำอะไรเนี่ย เป็นตาลุงโรคจิตใช่ไหม!!”
ใบหน้าคมจ้องมองมือที่จับไปยังส่วนสงวนของเด็กหนุ่มก่อนจะมองหน้าที่กำลังแยกเขี้ยวขู่เขาด้วยใบหน้าเสียดาย
“เจ้าเป็นบุรุษเพศสินะ เฮ้อ...”
“เดี๋ยวสิถอนหายใจแบบนั้นมันอะไรกัน
เป็นผู้ชายแล้วมันผิดตรงไหน!?”
“ใบหน้าและรูปร่างแบบนั้นข้าไม่คิดว่าจะเป็นบุรุษน่ะสิ
แต่....ถึงจะเล็กแต่เจ้าก็มีนี้นะ....เสียดายชะมัด”
“หยาบคายที่สุด!! ไม่ได้เล็กขนาดนั้นซ...”
เอเลนที่เหลือบตาลงต่ำไปยังจุดสงวนที่แม้จะมีผ้าบังไว้ของชายหนุ่ม
แต่เพราะความบางของผ้าและน้ำที่สาดกระเซ็นจากการไล่ต้อนเขาเปียกลงบนผ้าบางจนทำให้ผ้าแนบชิดกับส่วนสงวนที่ปกปิดไว้
เมื่อเห็นเต็มสองตาเด็กหนุ่มถึงกับอยากเอาหัวโขกกับพื้น...... สิ่งที่อยู่ตรงนั้นมันอะไรกัน!? สฟิงซ์หรือไง! เพราะเป็นคนโบราญสินะ ต้องใช่แน่ๆ ทั้งที่ไม่ได้สูงแต่.....
ไอตาลุงลามกยุคโบราญเอ๊ยยย ฝากไว้ก่อนเถอะ!!!
“ว่าแต่คุณน่ะยังไม่ได้บอกชื่อตัวเองเลย”
ใบหน้าหวานบึ้งตึงพองลมในแก้มเบี่ยงเบนประเด็น
ชายหนุ่มมองเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะไปมายิ่งทำให้เอเลนราวกับกำลังโดนดูถูก
“เจ้านี้มัวแต่อยู่ในถ้ำหรืออย่างไร
หรือที่ที่เจ้าจากมาห่างไกลความเจริญและข่าวสาร”
เจ้าผู้ชายคนนี้เสียดายหน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่กวนโมโหชะมัด
ความประทับใจตอนแรกที่เจอเจ้าหมอนี่บอกเลยว่าตอนนี้ติดลบสุดๆ
แต่ถ้าพูดอะไรขัดหูเราจะเป็นที่เสียบมีดรึเปล่านี่สิ...
“บอกแล้วว่ามาไกล ข่าวสารมันคงตกหล่นไปบ้างล่ะนะ”
อยากให้รู้จริงๆว่าที่จริงแล้วเขามาจากไหนไอมนุษย์คร่ำครึเอ๊ย!
ชายหนุ่มชำเลืองมองร่างโปร่งตรงหน้าก่อนจะทำท่าครุ่นคิดสักครู่
ริมฝีปากหยักได้รูปเอ่ยเสียงทุ้มดังก้องโสตประสาท
“นามข้าคือรีไว ราเมสที่สองฟาโรห์แห่งอียิปต์แห่งนี้..........”
TBC.
..................................................................................................................
Talk: ตอนแรกจำได้ว่าเหมือนจะคุยกับคุณพี่ว่า Drama Fantasy Romance อะไรทำนองนี้
แต่ไหงเขียนพาทสองของตัวเองแล้วมันช่าง...........
เอาเป็นว่าพาทสองเสร็จแล้วค่ะ โยนนน เย่ >w< ร่วมด้วยช่วยกันสร้างไหมากค่ะ
ในที่สุดเค้าก็มีไหครบกับทุกท่าน แบ่งพาทสลับกันไปมาสนุกมากๆค่ะ
ลุ้นมากๆว่าอีกคนจะเขียนอะไรต่อ ขอขอบคุณคุณพี่ AkeRah ที่ยอมมาร่วมโม่ยก่อไหด้วยกันนะคะหุหุ
ตื่นเต้นมากๆเลย
กลับมาที่เนื้อเรื่องนิด
ตรงส่วนของการนับปีในสมัยอียิปต์จากข้อมูลที่สอดส่องมาเขาจะนัดกันเป็นราชวงศ์ค่ะ อียิปต์มีการนับศักราชตามราชวงศ์ เมื่อสิ้นรัชสมัยของฟาโรห์พระองค์หนึ่งและขึ้นแผ่นดินใหม่ก็เริ่มนับศักราช อย่าง ราเมสที่ 1 ปีที่ 2 ก็คือสมัยราเมสที่1ครองราชย์มาแล้ว
2 ปีทำนองนี้(ตามที่เข้าใจอ่ะนะผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ชี้แจงกันได้นะคะ><”)
ตอนเอเลนถามปีกับรีไวเลยมาเป็น ปีที่5 ราเมสที่2
คือเฮียครองราชย์มา5ปีแล้วทำนองนั้น
ยุคที่ตกลงเลือกกันเป็นยุคทองของอียิปต์คาดว่าคงอยู่ราวๆนี้ล่ะค่ะราเมสที่สอง
กษัตริย์นักรบ แต่จำนวนบุตรช่าง.....อืมมม ขุ่นพี่ส่งมาได้ปวดร้าวมากมาย
เมรียจะเยอะไปไหนคะท่านฟาโรห์แคระ!!!
(เขียนพาทเอเลนเลยหมั่นไส้เฮีย =x=)
แม้จะบทสองอิชุ้นก็ยังไม่พาเนื้อเรื่องไปไหนยังวนอยู่ในห้องน้ำฮาๆ(เลว)
แล้วก็โยนพาทต่อเลยนะคะ ลุ้นมุมมองเฮียค่ะ
ส่วนเอเลนตอนนี้ออกเกรียนหน่อยๆมากค่ะ(ความชอบส่วนตัว)
ขอฝากไหร่วมของเราสองคนด้วยนะคะ รักนักอ่านทุกท่านค่ะ >w<
Trendy Blood
น้องจะรอดจากยุคนี้ไหมคะเกรียนกับฟาโรห์ไปแล้วน้องงง
ตอบลบ