บทที่สิบแปด
ลำธารสีเลือด
“ไปไหนกันมา”
ทันทีที่รีไวก้าวเท้าเข้ามาในปราสาท
หญิงสาวที่นอนกลิ้งอ่านหนังสืออยู่บนพรมหน้าเตาผิงก็เอ่ยถามขึ้น
“ก็หลายที่
ซื้อของมาหลายอย่าง”
ชายหนุ่มกล่าวตอบขณะที่โยนข้าวของทั้งหมดไปให้เธอก่อนจะวางเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยในอ้อมกอดลงกับโซฟานิ่ม
“มีแต่ของเอเลนทั้งนั้น
ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะ” ฮันซี่กล่าวขณะหยิบชุดเสื้อผ้าขึ้นมาดู
“ฉันอยากให้เขาได้ใช้ของที่ดีที่สุด”
รีไวกล่าวขณะนั่งลงบนที่ว่างข้างเด็กน้อย เอเลนปรือตางัวเงียลุกขึ้นนั่ง
“ถึงบ้านแล้วเหรอฮะ
พี่ชาย”
“ถึงแล้วล่ะ
พี่ชายกำลังจะพาเอเลนไปนอน”
“ไม่เอาฮะ
ผมจะนอนตรงนี้ นอนกับพี่ชาย”
เด็กน้อยป่ายปีนขึ้นมานั่งบนตักก่อนจะซุกซบลงกับแผงอกกว้างที่นอนที่ประจำ
“เอเลนไม่หนาวเหรอ
พี่ชายเขาตัวเย็นออกนะ” ฮันซี่เอ่ยถามขณะที่ใช้ภาษามือกับเด็กน้อยไปด้วย
“ไม่เป็นไรฮะ
ผมกอดพี่ชายไว้เดี๋ยวพี่ชายก็อุ่น” เอเลนสื่อสารตอบด้วยภาษามือก่อนจะกอดร่างรีไวแน่น
ชายหนุ่มก้มหน้าลงซุกกับกลุ่มผมนุ่มกรุ่นกลิ่นหอมเงียบๆกอดเด็กน้อยในอ้อมแขนแรงๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“เอลวินไปไหน”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเบาๆด้วยเหตุกลัวว่าเด็กน้อยที่กำลังเคลิ้มหลับจะตื่นขึ้น
“อาทิตย์กว่าแล้วที่ไม่ได้กินอะไร
เจ้านั่นมันเลยออกไปดูลาดเลา ฉันว่าเราก็น่าจะไปกันบ้างนะ
เกิดตบะแตกต่อหน้าเอเลนคงแย่”
“แล้วใครจะอยู่กับเอเลน
ฉันเป็นห่วง”
“อย่าได้คิดจะพาไปด้วยเด็ดขาด
ฉันบอกเลยว่านั่นไม่ใช่ความคิดที่ดีสักนิด ซิกฟรีดเองมันก็ต้องตามเราไปด้วยแน่ๆ
เอเลนไม่ใช่เด็กดื้อนะรีไวฉันคิดว่าเขาคงอยู่รอเราได้”
“แต่ฉันไม่อยากทิ้งเขาไว้”
“หรือนายจะให้เอเลนดูเราตอนกำลังกินล่ะ.....พนันได้เลยว่าเอเลนต้องกลัวจนแทบบ้า
นั่นมันเด็กนะ เขายังไม่รู้จักแยกแยะอะไรดีด้วยซ้ำ
แค่ไปเห็นนายกินเหยื่อคงช็อคตาตั้งไปแน่ๆ”
“ถ้าฉันเป็นมนุษย์
เราคงอยู่กันได้ง่ายกว่านี้” ชายหนุ่มพึมพำกล่าวเสียงเบา ริมฝีปากหยักก้มลงจุมพิตแก้มใสของเด็กน้อยนิ่งนาน
“อย่าเสียใจในสิ่งที่นายได้เลือกไปแล้วรีไว
อย่าลืมว่าถ้านายไม่เป็นแบบนี้จะมีโอกาสได้พบกับเอเลนอีกครั้งได้เหรอ”
หญิงสาวกล่าวขณะที่หยิบผ้าคลุมขึ้นห่มกายเดินออกจากปราสาทหายเข้าไปในความมืด
“ไหนๆเอเลนก็หลับแล้ว
ถ้าจะมาก็รีบตามมาก็แล้วกัน”
ฮันซี่กล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายออกไป
รีไวถอนหายใจครุ่นคิดกับตนเองเงียบๆ
ถ้ารีบไปตอนนี้ยังมีเวลาให้ออกล่าจนกว่าฟ้าจะสาง
ถ้าทำเวลาก็กลับมาก่อนที่เอเลนจะตื่นได้ทัน
ตัดสินใจวางร่างเด็กน้อยลงบนโซฟานุ่มถอดเสื้อคลุมกระชับห่มร่างให้อย่างดิบดี
“ฉันจะรีบกลับมา
รอนะเอเลน”
กระซิบเสียงเบาขณะที่กดจูบลงบนเปลือกตาบางก่อนจะเร้นกายเลือนหายไปเงียบๆ
เอเลนลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งเป็นเวลาเกือบรุ่งสางอากาศที่เย็นจัดแบบนี้อีกไม่นานหิมะคงตก
แต่เสียงร้องด้วยความตื่นตกใจของแพะแม่ลูกที่อยู่ในสวนด้านล่างทำให้เด็กน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมา
และเมื่อลืมตาขึ้นก็พบแต่เพียงปราสาทที่ว่างเปล่า
“พี่ชายเทวดาอยู่ไหนฮะ”
กระแสความคิดถูกส่งออกไปแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับเช่นเคย
หัวใจเด็กน้อยเต้นถี่ระรัวด้วยความหวาดกลัว
แพะแม่ลูกส่งเสียงร้องอย่างตื่นตกใจไม่หยุดข้างล่างเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
เอเลนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
เขาควรจะหลบอยู่ที่นี่ในปราสาทแห่งนี้ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่ก็จะปลอดภัย
แต่เสียงแพะแม่ลูกที่กำลังร้องลั่นอยู่ข้างล่างนั่นก็ไม่อาจทำให้เด็กน้อยสงบใจลงได้เลย
เสียงร้องแบบนั้นเขารู้ว่าพวกทันก็กลัวมากแค่ไหน
ไปพาเข้ามาอยู่ข้างในบ้านด้วยกันจะปลอดภัยกว่า
ตัดสินใจวิ่งลงไปยังห้องโถงด้านล่าง
ออกแรงผลักบานประตูทางเข้าขนาดใหญ่จนเกิดเป็นรอยแง้มเล็กๆกว้างพอให้เด็กลอดออกไป
เอเลนตัดสินใจวิ่งเข้าไปในสวนด้านหลังอาศัยแสงสว่างจากดวงโคมที่จุดไว้คลำทางเข้าไป
เสียงร้องของแม่แพะเริ่มเบาลง ความรู้สึกเหมือนกับมีเงาดำตะคุ่มเคลื่อนไหวอยู่รอบด้านทำให้เด็กน้อยถึงกับขาสั่นแต่ก็ยังทำใจกล้ากัดฟันเดินเข้าไป
แม่แพะนอนนิ่งอยู่บนพื้นลำตัวสีขาวหม่นของมันอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด
เลือดที่ไหลทะลักออกมาจากรอยกัดที่ลำคอของมันไหลกลายเป็นแอ่งขนาดใหญ่
ลูกแพะตัวเล็กนอนตัวสั่นอยู่ในอ้อมอกของแม่มัน
พี่ๆของแกล่ะ
เอเลนเอ่ยถามขณะที่อุ้มแพะน้อยที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัวขึ้นมากอดเอาไว้
มันส่งเสียงร้องเบาๆ ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแต่เลือดพวกนี้คงเป็นของแม่มัน เสียงฝีเท้าวิ่งตึกตักในความมืดทำให้เด็กน้อยตื่นตระหนกยิ่งขึ้น
ต้องกลับเข้าไปที่ปราสาท!!!
ขาสั้นป้อมเริ่มจ้ำอ้าวทันทีเสียงฝีเท้าตึกตักวิ่งตามหลังมาติดๆ
แต่เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงัก รอบตัวของเด็กน้อยถูกล้อมไว้ด้วยฝูงหมาป่าตัวเขื่อง
เอเลนกอดลูกแพะน้อยในอกแน่น หมาป่าหิวโซพวกนี้คงได้ยินเสียงร้องของลูกแพะจึงตามมา
พวกพี่ชายเทวดาก็ไม่ได้อยู่เสียด้วย
ทำยังไงดีล่ะ...........
หมาป่าตีวงเบียดล้อมเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงขู่คำราม
เอเลนค่อยๆถอยหลบฉากไปข้างหลังช้าๆเท้าเล็กถอยร่นจนเหยียบลงไปบนแอ่งเลือดของแม่แพะ
กลับเข้าบ้านไม่ได้แล้ว!!!
เส้นทางข้างหน้าถูกขวางไว้
เหลือเพียงทางเดียวเท่านั้น เด็กน้อยตัดสินใจกลับหลังหันกระโดดข้ามซากแม่แพะออกวิ่งเต็มฝีเท้า
หมาป่าทั้งฝูงรีบวิ่งไล่ตามเด็กน้อยหายลับเข้าไปในป่ามืดทันที
“พวกนายเจอรึยัง”
ฮันซี่ที่แทบจะรื้อทั้งปราสาทโผล่หน้าจากหน้าต่างตะโกนถามสองหนุ่มที่อยู่ด้านล่าง
“เจอสิแต่เป็นอย่างอื่นนะ”
เอลวินตอบเสียงเรียบพลางกวาดสายตามองหาโดยรอบ
“เหมือนจะเป็นกลิ่นสาบหมาป่า”
ฮันซี่ที่กระโดดจากหน้าต่างลงมามุงดูซากศพแม่แพะกับสองหนุ่มเอ่ยขึ้น
“จะปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เลยรึยังไงกัน.....เอเลน”
รีไวกัดฟันแน่นด้วยความหวั่นวิตก
เมื่อเช้านี้ตอนที่พวกเขากลับเข้ามาก็ไม่พบเอเลนแต่ประตูทางเข้ากลับแง้มเปิดอยู่
พอออกตามหาก็มีแต่กลิ่นและรอยเท้าของหมาป่าอยู่เต็มไปหมด
ที่สวนก็เหลือแต่ซากของแม่แพะกองเลือดที่พื้นก็แห้งกรังไปหมดแล้ว
“ใจเย็น
บางทีเอเลนอาจจะไม่เป็นอะไร” เอลวินกล่าวพร้อมกับบีบไหล่เพื่อนเพื่อให้กำลังใจ
รีไวที่เอาแต่จ้องมองกองเลือดแห้งบนพื้นเงียบๆเอ่ยตอบเสียงเบา
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเอเลนจริง
คราวนี้เป็นเพราะความผิดของฉัน ฉันประมาทเอง”
ลมเย็นพัดผ่านวูบหนึ่ง
ละอองเย็นสีขาวร่วงหล่นจากฟ้าตกลงบนแก้มของชายหนุ่มอย่างเงียบงันหิมะที่หนาวยะเยือกกลับไม่อาจเย็นเยียบได้เท่ากับหัวใจที่กำลังระส่ำ
“หิมะตกแล้ว
รีบหาเอเลนให้เจอก่อนเถอะ”
แม้จะเป็นแค่ความหวังเพียงน้อยนิดแต่ก็ยังมีค่าพอให้หวัง
จะด่วนสรุปอะไรไม่ได้จนกว่าจะเจอเอเลน
“เดี๋ยว!!!
ดูนั่นก่อน” เอลวินชี้ชวนไปที่ลำธารสายเล็กที่ไหลตัดผ่านอ้อมฐานลับ
วัตถุสีขาวปุกปุยกะรุ่งกะริ่งลอยมาตามลำน้ำ ฮันซี่คว้าวัตถุสิ่งนั้นขึ้นมาจากน้ำ
“ลูกแพะ”
ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าซากลูกแพะจะดีกว่า
ลูกแพะน้อยถูกกัดทึ้งจนแทบไม่เหลือสภาพเดิมลอยคว้างมาตามลำธารสายเล็กในขณะเดียวกันนั้นสายน้ำที่ไหลผ่านก็ถูกย้อมไปด้วยสีของเลือด
ร่างเล็กอีกร่างลอยตามน้ำมาติดๆ รีไวกระโจนลงไปในน้ำคว้าจับเอาร่างที่กำลังจะลอยห่างออกไปไกล
ท่อนแขนเรียวเล็กม่วงคล้ำเย็นชืดปรากฏรอยเว้าแหว่งจากการถูกกัดกิน
มือใหญ่พลิกร่างน้อยในอ้อมแขนขึ้นดู
ใบหน้าเรียวเล็กถูกกัดแทะจนไม่เหลือเค้าเดิมแผลฉีกขาดเหวอะหวะทั่วทั้งลำคอและร่างกายยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
มือเล็กเหี่ยวซีดดูท่าคงจะแช่อยู่ในน้ำมาเป็นเวลานานแล้ว แม้เสื้อผ้าจะขาดวิ่นแต่รีไวก็จำได้เพราะชุดนี้เขาเป็นคนสวมใส่ให้เด็กคนนี้กับมือ
“เอเลน............”
เสียงทุ้มสั่นเครือแผ่วพลิ้วเบาหวิววูบโหวงเสียยิ่งกว่าสายลมพัด
แม้จะเคยคิดว่าหัวใจของตนนั้นด้านชาจนไม่รู้สึกถึงสิ่งใดได้แล้วแต่ตอนนี้มันกลับปวดหนึบอย่างหนักหน่วง
น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลออกมาได้อีกครั้งเพราะเคยเสียไปมากมายในครั้งอดีตกลับรินไหลไม่หยุด
ตราบใดที่น้ำตายังรินไหลก็ยังไม่ไร้ความรู้สึก..........
หัวใจดวงนี้กลับมาตอบสนองต่อความเจ็บปวดอีกครั้ง
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนที่รักไปอีกครา ครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นครั้งไหนๆก็ไม่อาจทำใจยอมรับต่อความตายของผู้เป็นที่รักได้เสียที
ถึงกับทรุดร่างคุกเข่าลงกับพื้น
ตระกองกอดร่างของเด็กน้อยนิ่งอย่างจนด้วยคำพูด ไร้ซึ่งสุ้มเสียงหรือคำตัดพ้อใดๆ
มีเพียงหยดน้ำตาที่หลั่งออกมาท่ามกลางเกล็ดหิมะที่โปรยปรายอย่างเงียบงัน
ใบหน้าคมแหงนเงยขึ้นมองฟ้าปุยหิมะเกล็ดเล็กร่วงหล่นลงบนใบหน้ารูปสลักผสมเคล้าคลอไปกับหยดน้ำตาที่อาบแก้ม
เกล็ดหิมะที่โปรยปรายไยไม่ตกลงมาที่ใจข้ากันเล่า.......ให้ใจดวงนี้ได้ชินชากับความเจ็บปวดเสียที
หรือว่าชั่วชีวิตนี้ข้าจักต้องทรมานกับการสูญเสียและรอคอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฟันเฟืองแห่งโชคชะตาเริ่มขับเคลื่อนอีกครั้ง บทใหม่แห่งละครที่ชื่อว่าโศกนาฏกรรมได้ก่อกำเนิดขึ้น
เสียงครางกระเส่าที่ดังลอดออกมาจากตรอกแคบมืดเป็นที่คุ้นชินกันดีของเหล่าชาวบ้าน
คนปกติมักจะไม่มีใครยอมเหยียบย่างเข้าไปในตรอกนี้เพราะต่างก็รู้กันดีว่ามันคาวไปด้วยโลกีย์และสารพัดอบายมุข
โสเภณี
ยาเสพติด การพนัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นสิ่งต้องห้ามนั้นสามารถหาได้โดยง่ายจากตรอกแห่งนี้
ร่างบางที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยเอนกายพิงกับผนังตรอกเกาะกำแพงอิฐเป็นหลักยึด
ขณะที่ด้านหลังก็มีชายวัยกลางคนร่างใหญ่ทาบกายโถมทับกระแทกกระทั้นใส่ร่างบางไม่ยั้ง
มือใหญ่จิกทึ้งเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มยาวระบ่าของชายหนุ่มเต็มแรงเอ่ยสั่งเสียงเหี้ยม
“อ้าขาให้มันกว้างๆกว่านี้หน่อย
ร้องให้มันดังๆกว่านี้ด้วย”
ชายหนุ่มร่างบางส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
ก่อนจะเอ่ยตอบอย่างทุลักทุเล
“เอาเหล้า......มาอีก.....สิ
แล้วจะให้ทำ......จนถึงสวรรค์เลย”
ชายร่างใหญ่ส่งเสียมครางฮึ่มฮั่มไม่ชอบใจนัก
ก่อนจะเปิดจุกขวดเทเหล้าดีกรีราดศีรษะของชายหนุ่มคนนั้นจนเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว ชายหนุ่มร่างบางส่งเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจขณะที่อ้าปากปล่อยให้เหล้าไหลลงไปในลำคอและอาบไปทั่วทั้งร่างกาย น้ำเสียงหวานเอ่ยอย่างยั่วเย้า
ขณะที่ตวัดขาเกี่ยวรัดกับสะโพกหนาของชายวัยกลางคนแปลกหน้าเปิดรับเอาส่วนอ่อนไหวที่แข็งขืนตื่นตัวอย่างเต็มที่เข้ามาในร่างให้ถนัดถนี่ขึ้น
ช่องทางซ่อนเร้นที่ผ่านการใช้งานมานับครั้งไม่ถ้วนตอดรัดรุนแรงเสียจนแทบจะทำให้อีกฝ่ายไปถึงสวรรค์ในฉับพลัน
“ตัวก็ออกจะใหญ่
เรี่ยวแรงมีแค่นี้รึไง” เอ่ยปรามาสพร้อมกับจิกเล็บลงไหล่หนาแล้วหัวเราะเสียงดัง
“ถ้าไม่ตั้งใจทำให้ดีพรุ่งนี้ทั้งเมืองคงได้รู้กันว่า
อีเลียตจอมกร่างใหญ่แค่ตัว แต่ซอยไม่เป็น”
“ปากแกนี่มันว่างมากเกินไปรึไง”
ชายวัยกลางคนสบถออกมาเสียงดัง ก้มหน้าหมายจะกดจูบริมฝีปากบางที่ยิ้มหยันเอ่ยสบประมาทตนอยู่จ้อยๆ
แต่มือเรียวกลับยันใบหน้าใหญ่เฟิ้มหนวดนั้นเอาไว้แล้วจ๊ปากเสียงเบา
“ตกลงกันแล้วนี่
จะทำอะไรก็ได้ สอดใส่เข้ามาแค่ไหนก็ได้ แต่ห้ามจูบเด็ดขาด”
“ชิ!!!”
ชายวัยกลางคนสบถพร้อมกับถุยน้ำลายออกมาหนึ่งที
เลิกสนใจริมฝีปากจอมแขวะของเจ้าตัวดีหันไปสนใจกับกิจกรรมเข้าจังหวะของตนแทน
ชายหนุ่มร่างบางเหยียดยิ้มด้วยความสมเพศ
แม้ร่างกายสกปรกนี้จะผ่านมือชายและหญิงมามากมายเพียงไหน
แต่ก็ยังมีเพียงริมฝีปากนี้เท่านั้นที่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยแตะต้องผู้ใด
เขายอมอ้าขาให้กับผู้ชายทุกคนฟรีๆเพื่อแลกกับเหล้าสักขวดแต่จะไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องริมฝีปากนี้เป็นอันขาด
“เสียดายของชะมัด......”
ร่างบางที่นอนทอดกายอยู่บนพื้นเอนหลังพิงกำแพงอิฐเปรยกับตนเองยิ้มๆ
มือเรียวลูบไล้ตั้งแต่ลำคอลงมาจนถึงแผ่นอกเช็ดปาดคราบสุราที่เทอาบไปทั่วทั้งร่างขึ้นมาไล้เลียด้วยความเสียดาย
“เหล้าดีๆ
หกหมด” หัวเราะคิกคักไม่ค่อยจะจริงจังกับความคิดนั้นสักเท่าไหร่
แค่เหล้าสักขวดมันจะไปยากอะไร ก็แค่เสียเวลาสิบยี่สิบนาทีอ้าขาให้ผู้ชายโง่ๆสักคนก็ได้มาแล้ว
ปกติก็พอจะรับได้วันละห้าหกคน
แต่วันนี้แค่สามคนก็เพลียจะแย่แล้ว
“เจ้าแก่อีเลียตเล่นเสียหมดแรง
ไม่ได้รู้สึกเจ็บจริงๆจังๆแบบนี้มานานแล้ว นึกว่าจะตายด้านไปแล้วเสียอีก”
หัวเราะเบาๆก่อนจะหลับพักสายตาสักครู่ ร่างกายท่อนล่างเปลือยเปล่าเปรอะเปื้อนคราบน้ำสีขาวขุ่นเสียจนแทบดูไม่ได้แต่ก็ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจ
“ก็บอกว่าให้เสร็จข้างใน
ยังจะปล่อยข้างนอกอีก เลอะหมด”
อันที่จริงเจ้าแก่อีเลียตมันก็ไม่ได้อ่อนด๋อยเหมือนอย่างที่สบประมาทออกไปหรอก
ก็ออกจะถึงใจอยู่ แต่ก็ยังไม่พอ ผู้ชายส่วนมากมักจะยอมไม่ได้เมื่อถูกปรามาสเรื่องบนเตียงขึ้นมา
พอถูกว่าแบบนั้นก็ย่อมต้องใส่ไม่ยั้งเป็นธรรมดา
ก็เจ็บปวดดี............
ยิ่งเจ็บปวดมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งดี เพราะความเจ็บปวดนี้ทำให้รู้ว่ายังมีชีวิต
แต่หากวันใดเกิดชินชากับความเจ็บปวดเหล่านี้ขึ้นมาก็คงต้องหาวิธีอื่นมาทรมานตัวเองให้รู้ว่ายังหายใจ
ขณะกำลังจะเคลิ้มหลับพลันได้ยินเสียงฝีเท้าเดินใกล้ขึ้นมา
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับคนแปลกหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
แต่รองเท้าหนังมันวาวกับชุดกางเกงสีดำผ้ากำมะหยี่ที่เจ้าตัวสวมใส่นั้นต้องเป็นผู้ชายไม่ผิดแน่
และแต่งตัวดีขนาดนี้ต้องเงินหนาแน่นอน ชายหนุ่มร่างบางถอนหายใจเฮือก
กล่าวเสียงเอื่อย
“ตอนนี้ผมเหนื่อยแทบจะไม่มีแรงยืนแล้ว
แต่ถ้าคุณอยากได้จริงๆ จ่ายเป็นเหล้าองุ่นแพงๆให้ผมสักสองขวดละกัน”
ชายหนุ่มกล่าวกับคนแปลกหน้าด้วยความเคยชิน
มือเรียวตะกายผนังลุกขึ้นยืนหันหน้าเข้าเกาะกำแพงอิฐเป็นที่ยึด
จะเป็นใครหน้าไหนก็ช่าง ถ้าถึงขั้นถ่อมาถึงที่นี่ก็มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
ก็แค่อยากเล่นสนุกกับร่างกายนี้เท่านั้นเอง.............
ชายหนุ่มยิ้มให้กับตนเองด้วยความสมเพช
ไม่ว่าใครต่างก็อยากชื่นชมลุ่มหลงไปกับร่างกายนี้
เพราะฉะนั้นตัวเขาเองก็จะสนุกกับมันให้เต็มที่
จนกว่าร่างกายนี้จะพังทลายไป
“ถ้าคุณตกลงก็เชิญเลย”
กล่าวพร้อมกับยื่นมือเรียวไปคลึงสะโพก บีบแยกเนินเนื้อนุ่มเผยให้เห็นช่องทางซ่อนเร้นที่บวมแดงหน่อยๆเพราะเพิ่งจะผ่านการใช้งานมาเมื่อครู่เชิญชวนอย่างเต็มที่
ฉับพลันรู้สึกเย็นวาบที่ท้ายทอยแล้วร่างทั้งร่างก็ถูกอัดกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรงจนร่างบางถึงกับสะอึก
“ชอบแบบรุนแรงก็ไม่บอก......ผมก็ชอบนะ”
มือใหญ่บีบรอบลำคอระหง
“สกปรก!!!”
ชายที่กดทับอยู่ด้านหลังกระซิบเสียงเครียด พร้อมกับออกแรงบีบเพิ่มมากขึ้น
“ชอบความเจ็บปวดใช่มั้ย.......แล้วอยากตายมั้ย
ฉันจะช่วยสงเคราะห์ให้......เอเลน”
อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ที่ชายแปลกหน้าคนนี้รู้จักตน
แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้นเพราะความแปลกใจเริ่มถูกแทนที่ด้วยความกลัวแต่ก็ต้องเลือนหายไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงความรู้สึกเฉยชาด้วยความคิดที่ว่า
ดีสิ......ตายไปได้ก็ดี.....ชีวิตเน่าๆแบบนี้ใช่ว่าจะมีความสุขสักเท่าไหร่
เอเลนหลับตานิ่งรอคอย........รอคอยช่วงเวลาที่ลมหายใจจะถูกปลิดทิ้ง
ช่วงเวลาภิรมย์แห่งความตาย แต่มือใหญ่พลันคลายออกอย่างไม่มีสาเหตุ
ชายหนุ่มแปลกหน้าก้าวถอยห่างจากเขาไปหนึ่งก้าว
เอเลนพลิกตัวหันมาสบตากับเขาผู้นี้ชัดๆ
นัยน์ตาสีดำสนิทคมเข้ม
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร น้ำเสียงทุ้มกังวานอ่อนโยน
แน่ใจเป็นอย่างมากว่าไม่เคยพบคนผู้นี้มาก่อนแต่คนๆนี้รู้จักเขาได้อย่างไร
แต่ก็อย่างว่าถ้าจะพูดถึงผู้ชายขายตัวที่ดังที่สุดในเมืองนี้ก็คงต้องมีชื่อของเอเลน
เยเกอร์อยู่ด้วยแน่ๆ ก็คงไม่แปลกที่จะรู้จักเขา แต่ถ้าชายคนนี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเรื่องอย่างว่า
แล้วจะตามตัวเขามาทำไม เอเลนมองสบตาชายหนุ่มแปลกหน้านิ่งๆ
แต่อีกฝ่ายก็เงียบจนน่าใจหายถ้าไม่ใช่ว่าสบตากันอยู่เอเลนคงนึกว่าเขาหลับไปแล้ว
“ถ้าคุณจะมาที่นี่เพื่อจ้องหน้าผม
ผมก็ต้องขอตัวไปรับแขกคนอื่น”
เอเลนกล่าวเสียงเบาขณะที่หยิบกางเกงที่ถูกถอดกองอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวมใส่เดินกระเผลกลากขาออกมา
“ทำแบบนี้เพื่ออะไร
เอเลน”
ถ้อยคำถามประโยคนี้ทำให้ขาเรียวชะงัก
กัดขบริมฝีปากบางของตนจนห้อเลือด
“ทำร้ายตัวเองแบบนี้ทำไม”
ชายแปลกหน้าคนนั้นถามย้ำอีกครั้ง
หยดน้ำตาพลันร่วงหล่นอาบแก้มเนียน
ชั่วชีวิตที่ผ่านมา
ไม่เคยมีใครสนใจสักครั้งว่าการที่เขาปล่อยตัวขนาดนี้นั้นทำไปเพื่ออะไร
ผู้ชายทุกคนที่ถูกเขาเสนอตัวให้ต่างตกลงปลงใจกับข้อเสนอที่แสนถูกนี้ทั้งนั้น
มีแค่ความพอใจที่ได้ระบายความกำหนัดลงบนร่างกายนี้
ไม่มีใครสักคนที่รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาจริงๆ
ไม่มีคำตอบใดๆ
มีเพียงเสียงสะอื้นที่ทำลายความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งคู่ขึ้นมา
เอเลนกอดเข่าร้องห่มร้องไห้อย่างหนักเหมือนกับว่าชีวิตนี้จะไม่ขอร้องไห้อีก
ร่างกายผอมบางสั่นสะท้านเพราะแรงสะอื้นจนตัวโยน
เสียงร่ำไห้ราวกับหัวใจแตกสลายดังทั่วไปทั้งซอยโลกีย์เสียจนผู้คนในซอยต้องเยี่ยมหน้าออกมามอง
มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนุ่มสลวยแผ่วเบาก่อนจะทรุดนั่งลง
วงแขนใหญ่โอบกอดร่างบอบบางเบาๆก่อนจะเพิ่มแรงกอดรัดให้แน่นขึ้นเมื่อเสียงร้องไห้ดังหนักขึ้น
เอเลนก้มหน้าซุกลงกับอกของชายหนุ่มพลันรู้สึกว่าหัวใจที่เคยด้านช้าพลันเต้นตึกจนอุ่นร้อนขึ้นมาในอก
ความรู้สึกเดียวที่มีในตอนนั้นคือ ตราบใดที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้เขาพร้อมจะปลดปล่อยตัวตนและความอ่อนแอทั้งหมดออกมา
ฉีกกระชากหน้ากากแห่งการประชดประชันต่อโชคชะตาออกไปจนหมด
รีไวโอบกระชับร่างผอมบางของเอเลนแนบอก
ก่อนหน้าที่จะเจอกันไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เอเลนเป็นแบบนี้เขาจะไม่ขอพูดถึงมันอย่างเด็ดขาด
เมื่อแรกพบ ความรู้สึกชิงชังต่อการที่เอเลนทำตัวเหลวแหลกนั้นมีมากเสียจนอยากจะฆ่าให้ตายไปกับมือ
หากชีวิตในภพนี้มันทุกข์ทรมานนัก
ก็สู้ตายไปเสียจะดีกว่า..........แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจหักใจปลิดชีพผู้เป็นที่รักด้วยตัวเองได้
และเมื่อได้สัมผัสกับหัวใจที่ปรารถนาต่อความตายของเอเลนก็ทำให้ความชิงชังทั้งหมดมลายหายแทบสูญสิ้น
มีเพียงผู้ที่ไม่มีเยื่อใยอาทรใดๆต่อโลกนี้แล้วทั้งนั้นจึ่งจะถวิลหาต่อความตาย.......
แล้วตัวเขาที่อยู่ตรงนี้
อยู่ต่อหน้าเอเลน ณ เวลานี้จะปล่อยไปได้เชียวหรือ
ย่อมเป็นไปไม่ได้.......................
ริมฝีปากหยักก้มลงประทับจุมพิตกับหน้าปากเนียนปลอบประโลมหัวใจที่บอบบางของชายหนุ่มในอ้อมกอดนิ่งนาน
ทุกชาติ
ทุกภพ ไม่ว่ารูปลักษณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน อุปนิสัยจะผิดแปลกไปจากเดิมอย่างไร
ดวงวิญญาณดวงนี้ก็ยังคงเป็นดวงเดิมเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ยังคงเป็นเอเลนเช่นเดิม
แล้วเขาจะปล่อยมือไปจากดวงวิญญาณดวงนี้ได้อย่างไร
มื้อใหญ่ช้อนอุ้มชายหนุ่มร่างบางขึ้นแนบอก
เดินออกไปสู่ปลายทางที่ส่องสว่างเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ
หัวใจที่แตกร้าว
ไม่ว่าสิ่งที่ทำให้หัวใจดวงนี้แปดเปื้อนไปคืออะไร
แต่เขาจะใช้ความรักทั้งหมดที่มีก่อร่างสร้างขึ้นมาใหม่ นำเด็กหนุ่มผู้เป็นที่รักกลับคืนมา
ทั้งเศร้า และฟิลลลมาเรยค่าาา “ψ(`∇´)ψ
ตอบลบ