13:
นับว่าเป็นการร่วมรับประทานอาหารกันครั้งแรกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอึมครึมชวนอึดอัด
ผู้ร่วมโต๊ะแต่ละคนต่างให้ความสนใจกับอาหารที่อยู่ตรงหน้ามากเกินความจำเป็น
มิคาสะเหลือบสายตามองชายหนุ่มร่างบางสมาชิกใหม่ของบ้านอยู่บ่อยครั้ง
เอเลนเองก็พอจะรู้ตัวแต่ก็ทำเป็นวางเฉยไม่ใส่ใจตั้งหน้าตั้งตาจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดียว
จะมีบ้างบางครั้งที่เผลอมองชายหนุ่มร่างสันทัดที่นั่งอยู่หัวโต๊ะคนที่เพิ่งจะผ่านช่วงเวลาอันเร่าร้อนมาด้วยกันหมาดๆ
อีกฝ่ายกำลังจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ในมืออย่างสบายอารมณ์
ในขณะที่เขากำลังรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างที่สุด
มองหน้าไม่ติด...........
เรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ทำให้เอเลนอับอายจนไม่กล้ามองหน้าเลยจริงๆ
จู่ๆรีไวก็วางหนังสือพิมพ์ลงกับโต๊ะ
“ถ้าอิ่มแล้วก็ตามเข้าบริษัทด้วย”
รีไวหยัดกายยืนขึ้นกล่าวกับมิคาสะเสียงเรียบ
“จะไปแล้วเหรอ......แล้วเขาล่ะ”
มิคาสะเอ่ยถามขณะที่รีไวปรายตามอง ‘เขา’ คนที่มิคาสะกล่าวถึงเงียบๆ
“ให้เบลทรูทคอยเฝ้าอยู่ที่นี่ก็ได้
ไม่จำเป็นต้องตามไปที่บริษัท อยู่ที่นี่คงมีเรื่องต้องจัดการมากกว่า”
“ครับ” ชายหนุ่มร่างสูงขานรับเสียงเบาไม่ใคร่จะเต็มใจนัก
“แล้วอย่าให้ได้ยินว่าทำอะไรไม่คิด”
รีไวกล่าวกับเอเลนที่เอาแต่นั่งก้มหน้านิ่งก่อนจะเดินจากไป
มิคาสะส่งยิ้มแหยไปให้กับร่างบางแล้วกล่าวกับเขา
“แล้วเจอกันนะครับเอเลน ผมคงต้องรีบไปก่อนที่หมอนั่นจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้”
มิคาสะเดินออกจากห้องไปอีกคน
ทั่วทั้งห้องจึงเหลือเพียงแค่เอเลนและเบลทรูทเท่านั้น
“คุณจะยืนอยู่แบบนั้นจนถึงเมื่อไหร่กันครับ”
เอเลนเท้าคางเอ่ยถามคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ
“จนกว่าคุณจะอิ่มครับ” เบลทรูทตอบหน้านิ่ง เอเลนอดคิดไม่ได้จริงๆว่าคนๆนี้มันไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นเลยสักนิด
มือเรียวหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วลุกเดินออกจากห้องซึ่งเบลทรูทก็ตามติดทันที
“นี่คุณจะตามผมจริงๆใช่มั้ย”
เอเลนกอดอกเอ่ยถามคนตัวสูงที่เดินตามหลังมาติดๆ
“ตามคำสั่งของคุณรีไวครับ” เอเลนยักไหล่กับคำตอบนั้น
“ถ้างั้นก็ ช่วยพาทัวร์รอบๆบ้านหน่อยจะได้มั้ย”
“ถ้าคิดที่จะหนีก็เลิกหวังเถอะครับ อย่างที่คุณรีไวบอก
ไม่มีที่อื่นให้คุณไปอีกแล้วนอกจากที่นี่”
เอเลนยิ้มรับพลางแสร้งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“เข้าใจที่ผมพูดมั้ย ผมแค่อยากดูบ้านนี้รอบๆก็เท่านั้น
ส่วนจะหนียังไงก็ค่อยว่ากันอีกที”
“ผมแค่อยากจะเตือนคุณเอาไว้ ทำให้คุณรีไวโมโหมันย่อมไม่เป็นผลดีต่อตัวคุณเอง
เชิญทางนี้ครับ”
เบลทรูทเปิดประตูกระจกด้านหลังออกไปซึ่งเป็นส่วนของสระว่ายน้ำที่เอเลนเคยกระโดดลงมาแล้วเมื่อวานนี้
ในส่วนของทุ่งหญ้าที่อยู่เวิ้งถัดออกไปมีส่วนที่สร้างรั้วไม้กั้นไว้เป็นสนามดินขนาดกว้าง
ในนั้นมีเรือนไม้ขนาดใหญ่ปลูกอยู่ด้านใน
“นั่นอะไร”
“คอกม้าครับ ส่วนนั้นเป็นสนามดินสำหรับขี่ม้า”
“ไปดูได้มั้ย”
“ได้ครับ
ถึงคุณจะเคยไปหลายครั้งแล้วก็เถอะ”เบลทรูทเดินนำหน้าออกไปขณะที่เอเลนรู้สึกตงิดในใจ
ดูเหมือนว่าตัวเขาเมื่อก่อนหน้านี้จะคุ้นเคยกับชายหนุ่มร่างสูงคนนี้พอดู
แต่อะไรที่เป็นสาเหตุให้เบลทรูทต้องทำตัวห่างเหินถึงเพียงนี้
หรือจะเป็นเหตุการณ์เมื่อตอนอยู่ในโรงพยาบาล............
ว่าตามจริงก็ไม่รู้จะโทษว่าเป็นความผิดของใครในเมื่ออารมณ์พาไปล้วนๆ
“จะลองขี่ได้มั้ย” เอเลนเอ่ยถามขณะกวาดตามองม้าแต่ละตัวในคอก
“ตามสบายครับ”
เบลทรูทตอบรับ เอเลนกวาดตามองม้าที่อยู่ในคอกแต่ละตัวจนไปสะดุดตากับม้าสีดำขนมันวาวตัวใหญ่
“เอาตัวนั้นนะ”
“ได้ทุกตัวยกเว้นตัวนั้นครับ......นั่นของคุณรีไว”
เอเลนหน้ายู่เดินเข้าไปมองม้าตัวนั้นใกล้ๆ
มันเชิดหน้าสะบัดหางไปมาช้าๆ ดวงตากลมโตใสแจ๋วแทบจะไม่ชายตามองเขาเสียด้วยซ้ำ
เหมือนเจ้าของไม่มีผิด!!!!
ขณะนั้นเองเบลทรูทก็ไปจูงม้าอีกตัวออกมาจากคอก สีน้าตาลอ่อน
ที่ขาทั้งสี่ข้างมีสีขาวปนเหมือนกับใส่ถุงเท้าขาว ท่าทางดูเป็นมิตรกว่าเจ้าตัวสีดำอยู่มาก
ตัวก็โตไม่แพ้กัน เอเลนตะกายตัวปีนขึ้นไปนั่งบนหลังมันทันที มือเรียวลูบขนแผงคอมันเบาๆ
“ชื่อล่ะ”
“ลิลลี่ครับ”
“ค่อยดูน่ารักกว่าเจ้าตัวนั้นหน่อย”
เอเลนพึมพำกับเจ้าลิลลี่เสียงเบา
“สตอร์มมันไม่ยอมให้ใครแตะต้องนอกจากคุณรีไว”
“ม้ามันก็เหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ” เอเลนกล่าวพร้อมกับควบม้าออกจากโรงเลี้ยงพุ่งตรงออกไปยังลานดิน
“กรุณาระวังด้วยครับ อย่าเร่งความเร็วมากไป”
เบลทรูทตะโกนไล่หลังมา เอเลนจึงหันไปตะโกนตอบ
“วางใจได้ ตอนเด็กๆผมเคยเรียนขี่ม้า ผมรู้ว่าต้องทำยังไง”
ถึงเอเลนจะทำได้อย่างที่พูดก็เถอะ แต้ถ้าเกิดเจ้าตัวมีแผลขึ้นมาเพียงนิด
นั่นก็เท่ากับเป็นความผิดของเขาเต็มๆ
เบลทรูทจึงได้แต่คอยระวังอยู่ห่างๆปล่อยให้เอเลนได้เล่นจนพอใจ
จวบจนเมื่อร่างบางควบลิลลี่เลียบรั้วเข้ามาใกล้
“สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยนะ” เอเลนเอ่ยแซวยิ้มๆ
“กรุณาลดความเร็วลงด้วยครับ คุณจะคุมลิลลี่ไม่อยู่เอา”
“ลิลลี่เป็นเด็กดี......ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง”
“ถ้าคุณบาดเจ็บขึ้นมามันก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว
แผลเดิมยังไม่หาย ถ้าได้แผลใหม่มาเพิ่มเจ้านายคงไม่ชอบใจเท่าไหร่”
เอเลนหัวเราะขำเบาๆขณะที่มือเรียวคว้าเอาคอเสื้อของเบลทรูทลากตัวเข้ามาใกล้
ใบหน้าเรียวก้มลงกระซิบกับชายหนุ่มเบาๆ
“ใครกันแน่ที่เป็นห่วง ใครกันแน่ที่ไม่ชอบใจ........คุณ.....หรือเจ้านายของคุณ”
เอเลนกระซิบถามพร้อมกับจ้องตาชายหนุ่มชัดๆ
ดวงตากลมโตสีเขียวมรกตไร้แววขี้เล่นซุกซนเหมือนกับที่ผ่านมาทำเอาคนถูกจ้องถึงกับหายใจสะดุด
กลีบปากบางแตะประทับลงบนริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มเบาๆเพียงผิวเผินก่อนจะส่งยิ้มชวนเอ็นดูให้อีกฝ่าย
“ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร แค่มองตาคุณผมก็รู้แล้ว”
เอเลนเอ่ยกลั้วหัวเราะพร้อมกับควบลิลลี่วิ่งเหยาะๆห่างออกไป
แต่จังหวะนั้นมือใหญ่กลับคว้าฉุดแขนเรียวเอาไว้
แรงดึงจากด้านหลังทำให้เอเลนพลิกตัวตกลงจากหลังม้าแต่ก่อนที่จะกระแทกลงกับพื้นก็ถูกคว้าเอวไว้ได้ก่อน
เบลทรูทมือขวารับเอเลนไว้มือซ้ายดึงลิลลี่ที่กำลังตกใจให้สงบลง
ร่างบางถูกกดเข้ากับสีข้างม้าขณะที่ถูกคนตัวใหญ่ทาบทับ
การจู่โจมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เอเลนตกใจ
แต่เมื่อยามที่ริมฝีปากถูกฉกชิงไปจะขัดขืนก็ไม่ทันแล้ว
รสจูบที่จาบจ้วงตะกละตะกรามอย่างที่ไม่ค่อยจะได้เจอนักทำให้เอเลนถึงกับอึ้ง
ไม่บอกก็รู้ว่าชายคนนี้ปรารถนาในตัวเขามากแค่ไหน
แม้จะมีลิลลี่ช่วยบดบังการกระทำของพวกเขาจากสายตาคนอื่นๆ
แต่การที่เบลทรูทกล้าลงมือจูบเขากลางวันแสกๆภายใต้จมูกของเจ้านายแบบนี้ก็นับว่าเป็นการกระทำที่กล้าและบ้าบิ่นมากทีเดียว
เอเลนพยายามผลักร่างสูงออก แต่มือเรียวกลับถูกยึดเอาไว้
มือใหญ่บีบเค้นฟอนเฟ้นตั้งแต่ต้นแขนลงไปถึงสะโพกนุ่มล้วงรุกผ่านกางเกงชั้นในตัวจิ๋วเข้าไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวด้านใน
มากเกินไปแล้ว!!!!
เอเลนจิกเล็บลงกับข้อมือของชายหนุ่มเลือดซิบพร้อมกับกัดลิ้นอีกฝ่ายอย่างแรง
เบลทรูทสะดุ้งเฮือกละมือจากตัวร่างบางทันที
“ผมแค่จะบอกว่ามีคนกำลังมาทางนี้”
เอเลนกล่าวขณะที่ลูบผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
แล้วโหนตัวขึ้นขี่ลิลลี่ควบห่างจากเบลทรูทออกไปไกล
ดูเหมือนว่าลูกบ้าของเบลทรูทจะถูกใจเอเลนมากทีเดียว
คงใช้ประโยชน์ได้มากพอดู.........
เพียงเท่านี้ก็ได้เบี้ยงามๆมาใช้อีกหนึ่ง ไม่ต้องรีบร้อน
ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
เบลทรูทที่เหมือนจะเพิ่งได้สติมองตามเอเลนที่ห่างออกไปไกลเรื่อยๆ
ติดกับอีกแล้ว........ติดกับน้ำเสียงหวานกับใบหน้างามนั้นเข้าอีกจนได้
“คุณเบลทรูทครับ มีแขกมาหานายท่านครับ”
เมื่อเดินตามเด็กรับใช้ออกไปยังหน้าบ้านก็พบกับชายหนุ่มแปลกหน้าร่างสูงผมสีน้ำตาลหยักศกหน้าตากวนอารมณ์ยืนนิ่งพิงรถเมอร์เซเดสเบ็นซ์สีขาวคันหรูกำลังถูกการ์ดประจำบ้านล้อมไว้อยู่
“ใคร” เบลทรูทเอ่ยถามขณะที่เด็กรับใช้ตอบ
“ไม่ทราบครับ แต่บอกว่ามีธุระมาพบกับนายท่าน”
เมื่อเห็นเบลทรูทก้าวออกมา
ชายแปลกหน้าคนนั้นก็ตะโกนถามขึ้นทันที
“คุณรึเปล่าที่สามารถติดต่อกับเจ้าบ้านแอคเคอร์แมนได้
บอกเขาด้วยนายของผมมีเรื่องจะคุยกับเขา”
น้ำเสียงห้วนสั้นของอีกฝ่ายไม่ค่อยจะเข้าหูเบลทรูทนัก
แต่เขาก็ยังทนใช้คำสุภาพออกไป
“ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใคร มีธุระอะไรกับเจ้านายของผมครับ”
“ก็บอกว่าเจ้านายของฉันน่ะ.....อ่ะ....เฮ้ย”
ขณะที่ชายแปลกหน้าผู้นั้นกำลังจะเอ่ยตอบประตูรถด้านหลังฝั่งที่นั่งคนขับพลันเปิดออกกระแทกชายคนนั้นจนล้มคว่ำลงกับพื้น
แล้วชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ทองในชุดสูทสีขาวก็ก้าวออกมาจากรถ
“อย่าเสียมารยาท ออลโอ เป็นแขกก็ควรจะทำตัวให้เกียรติเจ้าของบ้าน”
เมื่อเห็นใบหน้าชายหนุ่มผมบลอนด์เต็มตา
เบลทรูทจึงรีบต่อสายหารีไวทันที
“รบกวนคุณแอนโทนี่กรุณารอสักครู่นะครับ
วันนี้เจ้านายเข้าบริษัทแต่เช้า ตามกำหนดการที่แจ้งไว้ที่คุณจะมาคืออาทิตย์หน้า
ทางเราจึงไม่ได้เตรียมการต้อนรับไว้ก่อน”
เบลทรูทกล่าวขณะที่เดินนำผู้มาเยือนเข้ามารอที่ห้องรับแขก แอนโทนี่ยิ้มรับประโยคที่เหมือนจะต่อว่าอยู่กลายๆนั้น
“ก็คิดว่าจะเผื่อเวลามาเที่ยวด้วยน่ะ
ไม่เคยได้มาอิตาลีสักที ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกันที่มาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า”
“รบกวนรอสักครู่นะครับ” เบลทรูทกล่าวก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องเพื่อสั่งการกับพ่อบ้าน
“ก็แค่มาก่อนเวลานัดนี่มันจะตายรึไง”
ออลโอบ่นไล่หลังชายหนุ่มร่างสูงที่เดินหายออกไปเบาๆ
“เราก็ผิดเองนั่นแหละที่ย่องมาเงียบๆไม่บอกเขาก่อน”
แอนโทนี่กล่าวยิ้มๆขณะที่มองทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ที่สนามดินไกลๆดูเหมือนจะมีใครบางคนควบม้าเล่นอยู่ในนั้น
“อยู่ที่นี่นะ
ถ้าเผื่อเจ้าคนนั้นมันย้อนกลับมาก็บอกว่าฉันอยู่ข้างนอก”
แอนโทนี่กล่าวขณะถือวิสาสะลุกเดินออกไปยังสระน้ำด้านหลังผ่านไปยังทุ่งหญ้าที่อยู่ไกลๆ
ท่ามกลางแดดที่ร้อนเปรี้ยงขนาดนี้นึกไม่ถึงจริงๆว่าจะมีใครมาขี่ม้าเล่นอยู่แถวนี้
“ออกจะร้อนไปหน่อยสำหรับกีฬากลางแจ้งนะ”
แอนโทนี่เอ่ยทักชายหนุ่มร่างบางที่ควบม้าผ่านหน้าเขาไป
ชายคนนั้นชักม้าให้หยุดพลางกวาดสายตามองโดยรอบ
เมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาพูดกับตนจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส
“ไม่ได้เจอแดดมานาน ออกมาโดนแดดบ้างก็ดี”
“น่าเสียดายที่ผิวขาวๆแบบนั้นจะต้องถูกแดดเผาเสียหมด”
แอนโทนี่กล่าวพร้อมกับเอนร่างพิงรั้วไม้อย่างสบายอารมณ์
ชายหนุ่มร่างบางหัวเราะขันขณะที่ควบม้าเลียบเข้าใกล้กับรั้วไม้
“ถ้าอย่างนั้นวันหลังผมจะทาครีมกันแดดไว้ก็แล้วกัน”
เอ่ยตอบทีเล่นทีจริง ในเมื่ออีกฝ่ายหวังจะผูกมิตรกับเขาเอเลนก็ไม่คิดจะขัด
“แอนโทนี่ เลออนฮาร์ท”
ชายหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ทองแนะนำตัวพร้อมกับยื่นมือมาหา
เอเลนยิ้มรับขณะที่จับมือนั้นไว้
“เอเลน เยเกอร์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“คุณเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้านนี้งั้นหรือ”
“ผมก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนักว่าตัวเองเป็นอะไรกับเขากันแน่”
เอเลนตอบด้วยใบหน้าที่เครียดขึ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา
“แล้วคุณเป็นเพื่อนเขาเหรอครับ”
“ผมกับคุณรีไวกำลังจะตกลงทำธุรกิจร่วมกัน
เรียกว่าคงจะเป็นเพื่อนกันเร็วๆนี้ก็ได้”
ทำธุรกิจ!!!!
คำๆนี้ทำให้เอเลนหูผึ่งแทบจะทันที
ถ้าหากธุรกิจที่ว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหาหลักฐานส่งให้กับผู้กองเอลวินได้จริงๆ
บางที ผูกมิตรกับผู้ชายคนนี้ไว้ก็ไม่น่าเสียหายออกจะเป็นประโยชน์เสียด้วยซ้ำ
“จะรังเกียจมั้ยถ้าผมจะขอยืมม้าสักตัว”
“บังเอิญว่าผมก็ไม่ใช่เจ้าของม้าพวกนี้เสียด้วยสิ
แต่สำหรับเจ้าลิลลี่นี่คงไม่มีปัญหาในเมื่อเจ้าของมันอนุญาตให้ผมขี่แล้วจะให้คุณขี่ด้วยก็คงได้”
เอเลนกล่าวพร้อมกับกำลังจะปีนลงจากอานม้า
แต่จังหวะนั้นแอนโทนี่กลับโหนตัวขึ้นนั่งซ้อนท้ายและกุมมือบางที่กำลังจะปล่อยบังเหียนเอาไว้แน่น
“ผมไม่เคยขี่ม้ามาก่อน คุณจะสอนผมได้รึเปล่า”
ไอ้นี่มันปากว่ามือถึงชะมัด!!!!
“ถ้าจะให้ผมสอน คุณควรจะมานั่งข้างหน้ามากกว่านะ”
เอเลนเอ่ยตอบเสียงขรึม
“ผมตัวสูงกว่าคุณ ถ้าต้องนั่งข้างหน้าก็บังคุณแย่สิ
นั่งแบบนี้แหละดีแล้ว” แอนโทนี่ก้มตัวลงกระซิบข้างใบหู
เอเลนชักมือออกจากบังเหียนกอดอกตัวเองไว้แน่น ใบหน้าหวานหงิกงอขึ้นมาหน่อยๆ
“งั้นก็เชิญคุณตามสบายก็แล้วกัน”
แอนโทนี่ควบม้าให้วิ่งเหยาะๆแล้วฟาดมือลงกับบั้นท้ายเร่งให้ลิลลี่วิ่งเร็วขึ้น
แรงกระชากดึงเอเลนให้หงายหลังชนกับอกของเขาพอดิบพอดี วงแขนใหญ่ละจากบังเหียนโอบเอวบางไว้ควบคุมม้าด้วยมือข้างเดียวสบายๆ
“ระวังด้วย ตกลงไปคงไม่สนุกเท่าไหร่” เอเลนกัดฟันกรอด
เอ่ยสวนกลับไป
“ไหนคุณบอกว่าไม่เคยขี่ม้ามาก่อน”
“ผมเพิ่งจะนึกได้เมื่อครู่นี้ว่าที่จริงก็คุ้นเคยกับมันพอดู
ไม่ว่ากันนะครับ”
ความเร็วที่ลิลลี่กำลังวิ่งทำให้เอเลนรู้สึกตาลายขึ้นมา
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางกล้าควบม้าในความเร็วขนาดเทียบเท่าม้าแข่งแบบนี้เด็ดขาด
ในท้องพลันรู้สึกบิดมวนเหมือนจะขย้อนของที่กินไปเมื่อเช้าออกมา
ในจังหวะนั้นเองลิลลี่ก็ได้ผ่อนความเร็วลง
มันค่อยๆวิ่งเลียบรั้วไม้ไปช้าๆก่อนจะหยุดนิ่ง นอกรั้วไม้นานาบะและเบลทรูทยืนรออยู่แล้ว
เบื้องหน้าพวกเขาคือรีไว แอคเคอร์แมนที่ใบหน้าบึ้งตึงสนิท มิคาสะนั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาใต้ร่มไม้ใหญ่กำลังคุยอยู่กับชายแปลกหน้าอีกคน
แอนโทนี่เหวี่ยงตัวลงจากหลังม้าช่วยลูบหลังเอเลนที่ยกมืออุดปากตัวเองไว้ขำๆ
“ขอบคุณที่ช่วยสอนนะ ผมสนุกมาก” แอนโทนี่กล่าวพลางขยิบตาให้
เอเลนถลึงตาใส่อีกฝ่าย
เดี๋ยวปั๊ดอ้วกใส่เลยนี่!!!!
เขาหัวเราะเสียงดังแล้วกระโดดข้ามรั้วไม้ออกไป พูดคุยอะไรบางอย่างกับรีไวแล้วยกโขยงกันไปนั่งที่โต๊ะน้ำชาที่มิคาสะนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
เอเลนถือโอกาสเดินเนียนเข้าไปร่วมวงจิบชาด้วย แต่ยังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยซ้ำน้ำเสียงหงุดหงิดเคร่งขรึมของเจ้าบ้านก็เอ่ยขึ้น
“จะไปเล่นที่ไหนก็ไป ตรงนี้ไม่ใช่สนามเด็กเล่น”
รีไวเอ่ยขึ้นลอยๆ เอเลนหันไปถลึงตาแยกเขี้ยวใส่เขาด้วยความหงุดหงิด
จำใจต้องเดินจากมาอย่างช่วยไม่ได้
ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็ยังมีเบี้ยตัวงามอย่างเบลทรูทอยู่
หรือค่อยไปแอบถามจากเจ้าหนุ่มผมทองทีหลังก็ได้...
ตัดสินใจปีนข้ามรั้วไม้กระโดดขึ้นหลังลิลลี่ควบห่างออกไปด้วยท่าทางไม่สนใจอีก
แต่ในหัวกลับใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว
ไอ้คนขี้เก๊กนั่นโคตรหมั่นไส้มันจริงๆ
ถ้าไม่เอาคืนเสียบ้างก็คงไม่หายแค้น.......
เอเลนควบม้าอ้อมผ่านโรงเลี้ยงผูกลิลลี่ไว้กับต้นไม้ใกล้ๆแล้วแอบเดินเข้าโรงเลี้ยงม้าเงียบๆเปิดประตูคอกปล่อยม้าทั้งหมดให้เป็นอิสระแล้วจึงไปหยุดอยู่หน้าคอกของสตอร์ม
ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์เอ่ยกับเจ้าม้าหน้าหยิ่งเสียงเบา
“ให้ความร่วมมือกันหน่อยนะเจ้าหนู........”
“ผมยังมีเวลาอยู่ที่นี่ได้อีกเป็นเดือน
แต่ที่เดินทางมาก่อนเพราะอยากจะจัดการข้อตกลงของเราให้เสร็จเรียบร้อย
แล้วหลังจากนั้นคิดว่าจะได้มีเวลาพอได้พักผ่อนอีกหน่อย
พรุ่งนี้ผมมีแพลนว่าจะไปล่องเรือที่ทะเลสาบมาโจเลสักหน่อย ถ้ายังไง
ถือโอกาสนี้ล่องเรือไปด้วยคุยเรื่องข้อตกลงของเราไปด้วยแบบนั้นน่าจะเป็นส่วนตัวดีนะ
คุณเห็นด้วยรึเปล่า”
แอนโทนี่แสร้งทำทีพูดจาไปเรื่อยเปื่อยแต่ก็ยังประเมินท่าทีของรีไวไปด้วยในตัว
ด้านฝ่ายรีไวเองก็เงียบเขารู้ดีว่าจุดประสงค์ของแอนโทนี่คืออะไร
นัดทำข้อตกลงกันบนเรือสำราญล่องทะเล แน่นอนว่าถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเกิดตุกติกแล้วเปิดฉากใส่กันขึ้นมาอาศัยภูมิประเทศทางทะเลอำพรางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมทำได้ง่าย
อีกอย่างเพื่อการนี้แอนโทนี่ย่อมต้องมีการเตรียมพร้อมไว้รอท่าและถ้าหากพวกเขาก้าวลงเรือไปแล้วย่อมต้องเสียเปรียบเต็มๆ
แต่จะมองอีกทางหนึ่ง นี่ก็คือบททดสอบแรกของการทำธุรกิจร่วมกัน
ความจริงใจและความเชื่อใจ.........
นี่คงเป็นแผนอีกอย่างที่พวกเลออนฮาร์ทใช้ทดสอบเขา
ก็ช่างมันสิ!!!!
ถ้าอีกฝ่ายเกิดตุกติกขึ้นมา ก็ใช่ว่าเขาจะยอมปล่อยไปง่ายๆ
ที่นี่คืออิตาลี ทั่วทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินนี้นั้นอยู่ในการควบคุมของเขาอยู่แล้ว
รีไวไม่เชื่อว่ามาเฟียฝรั่งเศสพวกนี้จะแผลงฤทธิ์ได้ง่ายๆ
“ถ้าคุณไม่สะดวกใจ จะพาคนของคุณไปด้วยเท่าไหร่ก็ได้
ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” แอนโทนี่กล่าวด้วยรอยยิ้มสบายๆ
“จะยังไงก็ได้ ผมยินดีพาทัวร์เต็มที่” รีไวกล่าวตอบตกลง
แอนโทนี่ยิ้มรับ
“พูดกันง่ายๆแบบนี้ค่อยน่าร่วมงานด้วยหน่อย”
มิคาสะที่เอาแต่นั่งเงียบเฝ้าสังเกตท่าทีของแอนโทนี่อยู่ตั้งแต่ต้นให้ข้อสรุปกับตัวเองในทันทีว่า
ไอ้หมอนี่มันไว้ใจไม่ได้!!!! แต่ก็นั่นแหละ
จะกระโตกกระตากตอนนี้ก็คงไม่ได้ เขาคงต้องคุยเรื่องนี้กับรีไวทีหลัง
แต่ในขณะนั้นเองเสียงโหวกเหวกจากทางโรงเลี้ยงม้าก็ดึงความสนใจของทุกคน
ประตูไม้ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงขณะที่ม้าทั้งฝูงวิ่งกรูกันออกมาอย่างตื่นตระหนก
ในจำนวนนั้นมีเอเลนที่ขี่สตอร์มรวมอยู่ด้วย
ม้าสีดำออกตัวพยศอย่างรุนแรงมันพยายามวิ่งรวมฝูงสะบัดเอเลนให้ตกลงจากหลังแต่เอเลนกลับยึดแผงคอมันไว้แน่น
สตอร์มวิ่งตีคู่แซงม้าตัวอื่นๆขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูง
เบลทรูทออกวิ่งไล่ตามม้าฝูงนั้นไปแต่รีไวกลับเร็วกว่าเขากระโดดข้ามรั้ววิ่งตีคู่ไปกับม้าสีขาวที่อยู่วงนอกสุดคว้าจับแผงคอแล้วโหนตัวขึ้นนั่งควบมันไล่ตามสตอร์มและเอเลนไป
“เอเลนจับไว้ให้แน่นๆ ห้ามปล่อยมือเด็ดขาด”
รีไวตะโกนไล่หลังไป
เอเลนกัดฟันกรอดมือเรียวที่ขยุ้มขนแผงคอเจ้าม้าเจ้าปัญหาชุ่มไปด้วยเหงื่อจนรู้สึกลื่นแทบจับไม่อยู่
“ชิ!!!” รีไวสบถเสียงเบา
ฝีเท้าของสตอร์มนับว่าเป็นที่หนึ่ง
ม้าตัวที่เขาขี่อยู่วิ่งตามได้ถึงขนาดนี้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว
เข้าสู่ช่วงโค้งของสนามสตอร์มเริ่มผ่อนแรงลง
แต่รีไวกลับเร่งความเร็วม้าที่ขี่ขึ้นตีคู่ เมื่อได้ระยะที่พอเหมาะ
ร่างใหญ่ทิ้งตัวกระโจนร่างโถมเข้าหาเอเลนวงแขนใหญ่คว้ากอดล็อคท้ายทอยและเอวบางไว้ปกป้องส่วนสำคัญของร่างกายใช้ร่างของตนทาบทับห่อหุ้มร่างเอเลนลดแรงกระแทก
เมื่อสัมผัสกับพื้นเขาพลิกตัวพาเอเลนหมุนตลบลอดรั้วไม้ออกมานอกสนามม้าหลายเมตร
ม้าสีขาวเสียหลักชนเข้ากับสตอร์มม้าทั้งฝูงแทบจะล้มระเนระนาดไปคนละทิศละทางจนฝุ่นตลบ
ตัวที่ตั้งหลักได้พวกมันต่างพากันลุกขึ้นแล้วออกวิ่งกันต่อ
“เป็นอะไรรึเปล่า” รีไวก้มหน้าถามคนในอ้อมกอด เอเลนส่ายหน้า
มือบางขืนตัวผลักร่างใหญ่ของรีไวออกไป
ทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยรอยแผลถลอกปอกเปิกเศษหญ้าเศษดินติดเต็มเสื้อผ้าในขณะที่ตัวเอเลนเองไม่เป็นอะไรเลยนอกจากฝุ่นดินที่เลอะเสื้อผ้าเท่านั้น
ดี!!!
เจ็บเสียบ้างก็ดี......
เอเลนหยัดกายลุกขึ้นยืนไม่สนใจคนที่ยังนั่งคลุกฝุ่นอยู่ที่พื้น
ดวงตากลมโตมองไปยังลานดินเบื้องหน้า สตอร์มนอนดิ้นชักอยู่บนพื้นในท่วงท่าที่แปลกประหลาดขาทั้งสี่ข้างเหยียดชี้ฟ้า
คอพับหักผิดรูป มันกำลังดิ้นอย่างแรงด้วยความทุรนทุราย
“มันเป็นอะไร สตอร์มมันเป็นอะไร”
เอเลนเกาะรั้วไม้หันไปถามรีไวที่ยังนั่งเจ่าอยู่กับพื้น
“คิดว่าคอมันคงหักตอนที่ล้มเมื่อครู่” รีไวตอบเสียงเรียบหยัดกายยืนขึ้นเดินกะเผลกมาหยุดอยู่ข้างเอเลน
“รออะไรอยู่ล่ะ คุณรีบตามหมอสิ ช่วยมันหน่อย”
เอเลนหันไปตวาดใส่เขาด้วยความร้อนใจ
แต่รีไวกลับยืนนิ่งทอดสายตามองม้าคู่ใจที่กำลังทุกข์ทรมานเงียบๆ
แล้วทำไมยังเฉยอยู่ล่ะ!!!
เอเลนรู้สึกหงุดหงิดจึงหันไปโวยวายกับนานาบะและเบลทรูท
“ทำอะไรสักอย่างสิ ตามหมอมาที ดูมันสิมันจะตายอยู่แล้ว”
ร่างบางรู้สึกร้อนรน
สาเหตุเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้แน่นอนว่าเป็นเพราะเขา
แต่เขาก็ไม่อยากจะให้มันบานปลายถึงขนาดนี้
“นี่อย่ามัวแต่เฉยสิ.....พวกคุณใครก็ได้ ตามหมอมาเถอะ”
เอเลนเอ่ยขอร้องอีกครั้งแต่ในตอนนั้นเองเสียงระเบิดของลูกปืนที่ดังจนหูแทบดับก็แผดเสียงขึ้นหนึ่งนัด
ร่างที่กำลังดิ้นด้วยความทรมานก็แน่นิ่ง
ฝุ่นควันที่ฟุ้งตลบค่อยๆจางลง
เอเลนละสายตาจากร่างของสตอร์มมองไปยังชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ห่างจากเขาออกไปหลายเมตร
รีไว
แอคเคอร์แมนยังยืนอยู่ที่เดิมในมือถือเบอร์เร็ตต้าสีดำที่ขึ้นควันโขมงไว้มั่น
เขาเก็บปืนซุกไว้กับเสื้อโค้ทด้านในด้วยสีหน้าเรียบเฉยกล่าวกับพ่อบ้านขณะที่เดินออกจากสนามไป
“จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วย”
ขณะที่เดินผ่านเอเลนเขาปรายตามองสีหน้าร่างบางเล็กน้อยแต่ก็เดินผ่านออกไปเฉยๆ
เอเลนได้แต่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ
เขาไม่คิดว่ารีไวจะลงมือฆ่ามันด้วยตัวเองจริงๆ
ไม่ใช่ว่าสตอร์มเป็นม้าตัวโปรดของเขาหรอกหรือ......
“น่าตื่นตาตื่นใจจริงๆ เป็นการแสดงที่น่าดูชมดีนะครับ”
แอนโทนี่เอ่ยกลั้วหัวเราะพร้อมกับตบมือด้วยความชอบใจ
แต่รีไวก็ไม่ได้ใส่ใจเขาเดินเข้าบ้านไปเงียบๆ
“เฉียบขาดมากจริงๆ” รอยยิ้มทะเล้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
รีไว แอคเคอร์แมน คนๆนี้ประมาทไม่ได้จริงๆ
เอเลนทอดสายตามองร่างของม้าตัวใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่กลางสนามรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
แม้แต่ของรักของหวง ผู้ชายคนนั้นยังตัดสินใจสลัดทิ้งได้โดยไม่ลังเล.........แล้วตัวเขาที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวพันอะไรกับคนๆนั้นแม้แต่น้อย
เมื่อถึงคราวจำเป็นขึ้นมาก็คงต้องถูกสลัดทิ้งอย่างไม่มีเยื่อไยเหมือนกัน
ในที่สุดก็ตามทันหลังจากทิ้งไปนาน เอเลนพอความจำกลับมาเกรียน+เเสบมากค่ะ ยหนจะเล่ห์เหลี่ยมเเพนวพราว ไหนจะเสน่ห์ร้ายลึก โอยยยย เยอะค่ะ!!! จากตุ๊กตา กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมาของเฮียเเน่ๆ เฮียดูพยายามอดทนอดกลั้นไม่จับคนงามเเสนเกรียนขังอยู่เเต่บนเตียง หรือจับล่ามให้รู้เเล้วรู้เเรดนี่นับว่าใจกว้างงงงกับนู๋มากเายนะลูกกก เเต่คาดว่าถ้าเอเลนยังไม่ยอมเปิดใจเเละเชื่อใจเฮียอีกหน่อย เฮียคงต้องเล่ไม้เเข็งกว่านี้เเน่ค่ะ!!
ตอบลบ