Chapter 12
“เฮ้....เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะน่า
เสียบรรยากาศหมด”
“ผมรู้สึกไม่ดีเพราะคุณกำลังใช้ประโยชน์จากผู้ป่วยของผมอยู่”
หมอหนุ่มกล่าวพร้อมกับปั้นหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“มันเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับผมไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนี่
จะนอยด์ไปทำไม” เอลวินเอ่ยกลั้วหัวเราะขณะที่ยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบเบาๆ
“ถ้าผมรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณตามไปด้วยเด็ดขาด”
มิเกะเอ่ยพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ถือว่าอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานให้แก่เจ้าหน้าที่ไงล่ะ
คืนนี้ผมก็มาดื่มกับคุณแล้ว เลิกคิดมากเถอะน่าเสียอารมณ์หมด”
“คุณนี่มันเป็นตัวปัญหาจริงๆผู้กอง”
มิเกะบ่นให้กับคนที่กำลังปั้นหน้าระรื่นอยู่ข้างๆขณะที่รับเอาแก้วเหล้าที่อีกฝ่ายส่งมาให้
“คืนนี้ผมเลี้ยงคุณก็แล้วกัน”
สุดท้ายก็เมากันจนหัวทิ่มหัวตำ
แล้วนี่เขาต้องเอาตัวปัญหานี่ไปไว้ที่ไหนดีล่ะ
กลับไปไว้ที่ห้องทำงานที่สถานีน่ะเหรอ แบบนั้นก็ดูจะใจร้ายเกินไปมั้ย
มิเกะครุ่นคิดขณะที่แบกเอลวินออกไปจากบาร์ลากขึ้นรถก่อนจะขับตรงกลับไปยังบ้านพักของตน
“เดินดีๆหน่อยสิครับ
ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆสักหน่อย” บ่นให้คนที่เมาแอ๋จนแทบไม่รู้สติ
รบรากันได้ไม่เท่าไหร่ก็ตัดสินใจแบกร่างผู้กองหนุ่มขึ้นบ่าเดินเข้าไปในห้องนอน
ทิ้งร่างสูงลงบนที่นอนด้วยแรงที่ไม่ใคร่จะเบานัก
“ถ้าไม่ใช่ผมอย่าคิดว่าจะมีใครแบกคุณได้”
บ่นให้กับคนที่นอนหลับตาพริ้มไม่ได้สติอยู่บนที่นอน
ตัวเขาเองก็พอจะรู้อยู่ว่ากำลังเมาได้ที่อยู่เช่นกัน
แต่ก็ยังพอจะครองสติขับรถกลับมาถึงบ้านได้
ไม่เหมือนคนบางคนที่เมาพับไม่รู้เรื่องขนาดนั้นหรอก คิดพลางสะบัดเสื้อผ้าออกจากกายคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทำให้หัวเย็นลงสักหน่อย
ปล่อยคนเมาให้นอนหมกอยู่กับเตียงมันต่อไป
หลังจากถูกสายน้ำเย็นๆสาดเข้าใส่ร่างก็ทำให้มิเกะสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง
นึกไปแล้วก็สงสารอีกคนที่นอนเมาพับอยู่บนเตียง รายนั้นเองถ้าโดนน้ำเย็นๆก็อาจจะสร่างเมาได้เหมือนกัน
ขณะที่กำลังเพลินกับน้ำเย็นๆจู่ๆประตูห้องน้ำก็ได้เปิดออก ร่างสูงใหญ่ที่แก้ผ้าล่อนจ้อนเดินโซซัดโซเซเข้ามาในห้องน้ำแล้วโวยวายลั่น
“ร้อนจะตายคุณอาบน้ำไม่ชวนผมเลยสักนิด”
“เดี๋ยวผู้กองใจเย็นก่อน”
มิเกะเอ่ยด้วยความตกใจขณะที่อ้าแขนรับชายหนุ่มร่างสูงที่โถมกายเข้าใส่
“ผมจะเช็ดตัวให้คุณอยู่แล้ว”มิเกะก้มหน้าคุยกับชายหนุ่มผู้เมาแอ๋พิงอยู่กับอกตนเองเสียงเบา
“คุณจะปล่อยผมนอนหมกกลิ่นเหล้าอยู่คนเดียวหรอก”
เอลวินเอ่ยเสียงเบาเงยหน้าขึ้นไปมองสบตากับคุณหมอหนุ่มที่มีแววตื่นตกใจอยู่นิดๆ
“ไม่สงสารผมเหรอ
ร้อนไปหมด มันทรมานนะ คุณหมอ”
คลอเคลียซุกไซร้อยู่ข้างใบหูคุณหมอหนุ่มขณะที่คว้าเอามือใหญ่มาลูบไล้ไปตามผิวกายที่ร้อนผ่าวก่อนจะไปหยุดลงยังส่วนอ่อนไหวที่เริ่มตื่นตัว
“ผู้กองคุณกำลังเมา
อย่าทำแบบนี้ดีกว่า” มิเกะเอ่ยเสียงเครียด แต่มือกลับลูบไล้ที่ส่วนอ่อนไหวของนายตำรวจหนุ่มด้วยความยินดี
“ทำให้ผมหายเมาหน่อยสิ
คุณหมอฉีดยาให้ผมก็ได้” เอ่ยเสียงอ้อแอ้ขณะที่เบียดกายเข้าประชิด
สายน้ำจากฝักบัวที่รินรดเส้นผมสีบรอนซ์ทองให้เปียกลู่ไปกับใบหน้าคมคายได้รูป
ทำให้ภาพนายตำรวจหนุ่มที่ขึงขังและจริงจังตลอดเวลานั้นปลิดปลิวหายไปจากความทรงจำ
เอลวิน
สมิธ ที่เปียกน้ำนั้นเซ็กซี่อย่าบอกใคร
“บอกไว้ก่อนว่าผมฉีดเจ็บ
ไม่มือเบาเหมือนกับสาวๆพยาบาลหรอกนะ” กล่าวยิ้มๆขณะที่เลื่อนมือไปบีบคลึงสะโพกแน่นเนื้อได้รูป
ร่างกายของคนที่ออกกกำลังกายอยู่เป็นนิจนี่มันเต็มไม้เต็มมือดีจริงๆ
“ไม่ต้องหาสาวๆพยาบาลที่ไหนหรอก
คุณนั่นแหละฉีดให้ผมตอนนี้” ไม่ว่าเปล่า ร่างสูงโน้มกายลงโก้งโค้งอยู่เหนืออ่างอาบน้ำ
แอ่นหลังเด้งสะโพกเชิญชวนคุณหมอหนุ่มอย่างเย้ายวน
“ตรงนี้ด้วย”
มือใหญ่บีบคลึงสะโพกของตนเบาๆก่อนจะแหวกดึงเนินเนื้อนุ่มเผยให้เห็นช่องทางสีเข้มที่ไม่เคยมีผู้ใดได้แตะต้องมาก่อน
แหม
ถ้ารู้ว่าเมาแล้วจะเร่าร้อนขนาดนี้ รู้อย่างนี้ก็หาเหล้าไปมอมซะตั้งแต่ทีแรกแล้ว..........
“ถ้าเรียกร้องกันขนาดนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้หรอกนะ”
หัวเราะหึๆในลำคอขณะที่สาวเท้าเข้าไปหาร่างที่กำลังเชิญชวนอยู่ตรงหน้า
ดูดดึงปลายนิ้วของตนเบาๆก่อนจะส่งนิ้วเรียวที่ชื้นแฉะสอดควานลึกเข้าไปในช่องทางตอดรัดที่ยังไม่เคยมีใครได้เชยชม
นายตำรวจหนุ่มถึงกับส่งเสียงครางสะท้านดังก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำ
“ผมจะฉีดยาให้คุณจนกว่าคุณจะสร่างเมาเลยล่ะ
ผู้กองสมิธ”
ทันทีที่รถเลี้ยวผ่านประตูเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่
เอเลนก็รีบมองสำรวจสภาพโดยรอบเพื่อเก็บข้อมูลคร่าวๆ แล้วก็แน่ใจได้ว่าไม่เคยเห็นบ้านหลังนี้มาก่อน
เพียงแค่เปิดประตูรถสิ่งมีชีวิตสี่ขาขนสีน้ำตาลที่กำลังกระดิกหางดุ๊กดิ๊กก็กระโจนเข้าใส่
เอเลนก้มมองสุนัขลาบราดอร์เพศผู้สีน้ำตาลเข้มที่กำลังแสดงท่าทางดีอกดีใจใส่ตนแล้วก็ต้องลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู
“ถอยไปซะมอมแมม”
แม้รีไวกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เจ้ามอมแมมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“เอาตัวไปขังไว้ที่ห้อง”
รีไวกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานโดยที่มีนานาบะเดินตามเข้าไปติดๆ
“ครับ”
เบลทรูทจึงต้องรับหน้าที่พาเอเลนและเจ้ามอมแมมมาส่งถึงห้อง
“ที่นี่คือห้องที่คุณพักอยู่
เชิญตามสบายนะครับ”
เบลทรูทกล่าวเสียงเรียบพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่สบตากับร่างบางที่กำลังจ้องมองตนอยู่
“เดี๋ยวสิครับ
ผมอยู่ที่นี่มาตลอดเหรอครับ” เอเลนดึงแขนชายหนุ่มร่างสูงไว้ก่อนที่เขาจะกลับออกไป
“ใช่ครับ
ห้องนี้เป็นห้องที่คุณรีไวจัดไว้ให้คุณ”
“แล้วผมอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรกันครับ”
“สำหรับเรื่องนั้นผมคิดว่าคุณควรจะถามคุณรีไวเองจะสะดวกกว่านะครับ”
“แล้วจะให้ผมทำยังไงในเมื่อผู้ชายคนนั้นไม่ได้บอกอะไรผมสักอย่าง”
“ถ้าเช่นนั้นผมคงไม่สามารถพูดอะไรได้
ขอโทษนะครับ ผมขอตัวก่อน” เบลทรูทรีบชิ่งออกจากห้องไปก่อนที่จะลงกลอนประตูจากภายนอกตามที่เจ้านายได้สั่ง
แว่วเสียงเอเลนทุบประตูเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน
“ล็อคจริงๆเหรอเนี่ย”
ด้วยความโมโหจึงเหวี่ยงเท้าเตะประตูไปหนึ่งทีแล้วตัวเองก็เจ็บเข้าเสียเอง
พอลองเดินออกไปดูที่ริมระเบียงห้อง
แม้ด้านล่างจะเป็นสระว่ายน้ำ
แต่โดยรอบเลยออกจนถึงรั้วบ้านก็ได้มีการวางกำลังการ์ดไว้อย่างแน่นหนา
ไม่มีทางเลยที่จะหนีออกไปได้ง่ายๆ นี่เขาจะต้องถูกขังอยู่ที่นี่จริงๆหรือเนี่ย
เอเลนครุ่นคิดขณะที่ก้มลงมองสระว่ายน้ำด้านล่างเงียบๆ
ลองดูดีมั้ยนะ!!!!
“ทางเลออนฮาร์ทยืนยันมาแล้วครับว่าจะเดินทางมาอาทิตย์หน้า”
“ทางนี้กำลังยุ่งๆ
เลื่อนออกไปก่อนไม่ได้รึไง”รีไวกล่าวด้วยความหงุดหงิด
นานาบะถึงกับต้องกุมขมับก่อนจะเอ่ยตอบ
“เราปฏิเสธเขาไปครั้งหนึ่งแล้วนะครับ
ถ้ายังเลื่อนไปอีกผมเกรงว่ามันคงมีผลกระทบกับการทำสัญญากันครั้งนี้แน่ๆ”
ขณะนั้นเองเบลทรูทก็ได้ก้าวเข้ามาในห้อง
“จัดการแล้วใช่มั้ย”
“ครับ
ผมล็อคห้องไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“จับตาดูให้ดี
เจ้าตัวเขาอยากอาละวาดโวยวายอะไรก็ปล่อยไป แค่อย่าปล่อยให้หนีไปได้ก็พอ”
ยังไม่ทันขาดคำ
เสียงน้ำแตกกระจายตูมใหญ่ก็ดังมาจากสระทางด้านหลัง การ์ดข้างนอกส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายกันยกใหญ่
รีไวเหลือบไปมองสิ่งมีชีวิตที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในสระน้ำแล้วก็รีบบึ่งออกจากห้องไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ต้องยอมรับว่าความคิดนี้เป็นอะไรที่ไม่เข้าท่านัก
เอเลนตวัดขาตะกายร่างเข้าไปเกาะขอบสระขณะที่มีมือของชายหนุ่มผมดำลูกครึ่งเอเชียยื่นเข้ามาช่วย
“ขึ้นมาก่อน”
มิคาสะช่วยดึงเอาร่างบางขึ้นมาจากสระน้ำในขณะที่เสียงทุ้มตวาดกลับ
“ไม่ต้อง!!! กระโดดลงมาเองได้ ก็ปล่อยให้ขึ้นมาเอง”
เอเลนตวัดตามองร่างชายหนุ่มหน้าเข้มที่เดินเข้ามาใกล้อย่างเคืองๆ
พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาจากสระน้ำแต่เสื้อผ้าที่อุ้มน้ำจนหนักก็เป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวง
“คนเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลแท้ๆ”
มิคาสะหันไปกล่าวกับพี่ชายเสียงอ่อน
“กระโดดลงมาสูงขนาดนั้นยังจะต้องเรียกว่าคนป่วยอยู่อีกเหรอ”
รีไวหันไปกล่าวกับน้องชายเสียงเรียบก่อนจะปรายตามองคนที่ค้างเติ่งอยู่ในสระ
“มีปัญญาก็ขึ้นมาเอง”
ยืนมองคนอวดเก่งอยู่ได้สักพักก็เป็นอันหมดความอดทน
มือใหญ่จิกคอเสื้อหิ้วคนที่ลอยคออยู่ในสระขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
ออกแรงลากร่างบางที่ไถลไปกับพื้นอย่างไม่ปราณีปราศรัย
“ตกลงตามนั้นก็แล้วกันนานาบะ
อาทิตย์หน้าก็อาทิตย์หน้า
ตอนนี้ฉันกับเอเลนมีเรื่องต้องเคลียร์กันก่อนอย่าให้ใครเข้าไปกวน”
รีไวกล่าวขณะที่ลากร่างบางหายเข้าไปในบ้านท่ามกลางสายตากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนสนิทและการ์ดทุกคนที่อยู่บริเวณนั้น
แว่วเสียงร้องโวยวายของเอเลนดังมาให้ได้ยินเป็นระยะ
“หยุดลากผมสักทีเถอะน่า
มันเจ็บนะ!!!”
โวยวายตวาดเสียงดังขณะที่ออกแรงฝังคมเขี้ยวลงบนหลังมือใหญ่
รีไวโยนเจ้าของร่างที่กำลังกัดมือเขาไม่ยอมปล่อยเข้าไปในห้องนอนแล้วลงกลอนแน่นหนา
“เจ็บแล้วไอ้ที่โดดลงไปนั่นหมายความว่ายังไง”
“ใครใช้ให้คุณมาขังผมไว้”
“มันก็เป็นสิทธิ์ของฉันไม่ใช่รึไง”
รีไวกล่าวขณะสาวเท้าเข้าไปใกล้
มือใหญ่ฉีกกระชากเสื้อผ้าเปียกโชกให้ขาดออกเป็นริ้วๆก่อนจะลากเอาร่างเปลือยเปล่าของเอเลนเข้าไปในห้องน้ำ
กดศีรษะลงกับอ่างอาบน้ำแล้วเปิดฝักบัวรินรดใส่ เอเลนหลับปิดปากกลั้นหายใจเอาไว้ไม่ยอมให้น้ำไหลเข้าตาเข้าจมูกเข้าปาก
มือเรียวจิกข่วนแขนของชายหนุ่มจนแดงเป็นปื้นๆไม่ต่างกับลูกแมวที่กำลังหนีตาย
“เก่งนักนี่จะดิ้นทำไม”
เพียงแต่เมื่อหลุดเป็นอิสระเท่านั้นแหละ
เอเลนตวัดขาถีบเข้าที่ยอดอกของชายหนุ่มเข้าเต็มแรงรีไวขืนตัวจับข้อเท้าเล็กเอาไว้แล้วออกแรงกระชาก
ด้วยความที่ทรงตัวได้ไม่ดีทำให้ร่างบางหงายหลังล้มลงกับอ่างอาบน้ำศีรษะกระแทกเข้าที่ขอบอ่างดัง
โป๊ก!!! ใหญ่ถึงกับตาพร่าไปชั่วขณะ
เสียงกระแทกที่ดังลั่นเล่นเอาใจคนฟังหล่นวูบไปอยู่ที่ตามตุ่มเหมือนกัน
จะเป็นอะไรมากรึเปล่า........
เลือดสีเข้มไหลย้อยลงมาตามไรผมอาบไปทั้งขมับ
ต่างฝ่ายต่างก็นิ่งไปด้วยความตกใจ แต่คนดื้อก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆ
เอเลนยังคงกวาดเท้าปัดป่ายดิ้นไปมาไม่หยุดเดือดร้อนให้คนที่อารมณ์กรุ่นต้องใช้กำลังหนักมือมากขึ้น
มือใหญ่กดเข่ารวบขาลากร่างบางให้เลื่อนมาอยู่ใต้ร่างของตน ถอดไทด์ออกพันธนาการเอาสองแขนไปผูกติดอยู่กับก๊อกน้ำที่อยู่เหนืออ่าง
กดไหล่บางให้นอนนิ่ง ก้มหน้าลงใช้สายตามองสะกดแมวพยศที่กำลังสู้ตายใกล้ๆ
“ฉันให้อิสระนายอย่างเต็มที่
แต่ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้ปีกของฉันเท่านั้น อยากจะทำอะไรก็ทำแต่อย่าคิดที่จะหนี”
พยายามเป็นอย่างมากที่จะสะกดอารมณ์ของตนให้เย็นลงด้วยไม่อยากทำร้ายร่างบางมากยิ่งกว่านี้
แค่เห็นเลือดที่รินไหลก็ทำเอาเขาปวดใจจนแทบอธิบายออกมาไม่หมด
“ทำไมคุณต้องจับผมไว้
ทำไมคุณต้องแยกผมกับแจนออกจากกัน คุณมีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
“อย่าโง่ถามคำถามที่ไม่มีวันได้คำตอบ
จำใส่สมองไว้แค่ว่า ที่ที่นายจะกลับมาได้มีแค่บ้านหลังนี้
ไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหนก็ไม่มีทางหนีพ้นฉันคนนี้ จำเอาไว้ให้ดี เอเลน
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวของนายเอง”
เสียงทุ้มตวาดดังลั่นก้องไปทั้งห้องน้ำเล่นเอาร่างบางสะดุ้ง
จากที่แจนเล่ามาก็พอจะรู้ว่าคนๆนี้มีอารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเป็นที่สุด และในเวลานี้ที่ได้เห็นคนผู้นี้อยู่ในอารมณ์กราดเกรี้ยวต่อหน้าต่อตาก็ได้รู้แล้วว่าที่แจนพูดนั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย
“คุณเป็นใครกันแน่
ทำกับผมแบบนี้ทำไม” เอเลนตัดพ้อเสียงอ่อย
“ฉันจะเป็นใครไม่สำคัญ
นายมีหน้าที่แค่ทำตามที่ฉันสั่งก็เท่านั้น อย่าดื้อ อย่าหนี อย่าคิดต่อต้าน”
รีไวกล่าวเสียงแผ่วขณะที่ก้มลงจูบซอกคอหอมกรุ่นของคนที่กำลังกลัวจนตัวสั่นเบาๆ
“เป็นตุ๊กตาที่น่ารักของฉันก็พอ”
มือใหญ่ที่ชะโลมสบู่อาบน้ำจนชุ่มลากไล้ผ่านหน้าท้องเนียนเรียบบีบเค้นรูดคลึงแกนกายที่อ่อนยวบของคนใต้ร่างเบาๆ
ค่อยๆปลุกปั่นอารมณ์ดิบให้ลุกกระพือขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ปล่อย.......ปล่อยผม”
เอเลนส่งเสียงครางกระเส่าบิดกาย
พยายามกระชากมือให้หลุดจากพันธนาการแต่ก็มีแต่จะทำให้รัดแน่นมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“รู้ตัวสักทีสิเอเลน
ว่าตอนนี้เป็นของใคร” รีไวกล่าวขณะที่กดจูบลงบนยอดอกสีสวย
ละเลงลิ้นโลมเล้าส่วนที่แข็งเป็นไตให้ลุกชัน
ดูดดุนขบกัดสลับหนักเบาจนกายบางถึงกับสะท้านด้วยความรัญจวน
ความทรงจำอันโหดร้ายเมื่อครั้งถูกชำเรายามเยาว์วัยเข้ากัดกินหัวใจ ทุกครั้งที่ถูกใช้งานเป็นเครื่องระบายความใคร่มักจะเต็มไปด้วยบาดแผลที่ยากต่อการเยียวยาและความเจ็บปวดที่กรีดลึกอย่างไม่มีทางรักษาเสมอ
ร่างกายที่ช่ำชองกับการบรรเลงบทรักกับจิตใจที่กำลังปฏิเสธอย่างหนักทำให้ร่างบางแสดงออกด้วยการเกร็งแน่นจนสั่นเทิ้ม
เอเลนกัดฟันแน่นหยดน้ำตารินไหลออกมาจากหางตาเป็นสาย
“อย่า......อย่าทำเหมือนพวกนั้น”
หอบหายใจลึกกัดฟันแน่นด้วยความหวาดกลัว”
“ไม่เอเลน ฉันไม่เหมือนกับคนพวกนั้น”
กระซิบเสียงแผ่วขณะที่กดจูบลงบนขมับชื้นเหงื่อ โลมลิ้นไล้หยดเลือดที่ไหลอาบเปื้อนไปทั้งแก้มให้ด้วยความอ่อนโยน
“ด้วยเหตุผลและประการทั้งปวง
ฉันสาบานได้ว่าไม่มีอะไรที่เหมือนกับพวกที่ทำร้ายนายพวกนั้นเลย”
มือใหญ่รูดรั้งหนักๆเร่งให้ร่างบางได้ปลดปล่อยความตึงเครียดที่แข็งขืนอยู่ในมือก่อนสักครั้ง
ใจหวังว่าอย่างน้อยๆร่างบางจะผ่อนกายลงบ้าง ร่างบางกระตุกเฮือกยามเมื่อของเหลวสีขาวขุ่นล้นทะลักออกมาจากกายเปรอะเปื้อนไปทั้งมือใหญ่
“จะตรงนี้ หรือที่ไหนๆก็จะไม่ทำให้เจ็บเด็ดขาด”
สอดนิ้วที่ชุ่มไปด้วยหยาดน้ำรักและสบู่เหลวควานลึกเข้าไปยังช่องทางตอดรัดที่ห่างหายจากการใช้งานไปนาน
ขาเรียวเกร็งแน่นหนีบคู้ด้วยความกระสันทุกครั้งที่นิ้วเรียวเคลื่อนเข้าออก
ช่องทางคับแน่นถูกขยายอย่างช้าๆด้วยจำนวนนิ้วที่เพิ่มขึ้น
ใบหน้าหวานแดงซ่านหยดเหงื่อเกาะพราวหอบหายใจกระชั้น
ตัวเขาเองก็สุดจะอดกลั้นแล้วเช่นกัน ความเป็นชายที่แข็งขืนดึงดันอยู่ภายใต้เนื้อผ้าโป่งตึงขึ้นมาจนแทบจะระเบิด
ปลดเปลื้องอาภรณ์ส่วนล่างก่อนจะนำแกนกายที่กำลังพองขยายอย่างเต็มที่จ่อเข้าที่ปากทางคับแน่น
อาศัยช่วงจังหวะที่ถอนนิ้วออกเสือกกายเข้าไปแทนที่
ความรู้สึกคับแน่นตึงรั้งที่ถูกยัดเยียดเข้ามาจากช่องทางเบื้องหลังทำให้ร่างบางถึงกับจุก
ใบหน้างามส่ายสะบัดด้วยความทรมาน
“อ๊า.....ข.....ขยับ......ขยับที”
ต้องเอ่ยปากเร่งเร้าคนที่รุกรานอย่างเกินจะทานทนไหว
ความอึดอัดนี้จำต้องได้รับการปลดปล่อยอีกครั้ง
ร่างใหญ่ถอนลมหายใจพรูยาว ความรู้สึกอุ่นร้อนที่โอบอุ้ม
ผนังอ่อนนุ่มที่ตอดรัดและเต้นตุบนี่กำลังหลอมละลายจนเขาแทบจะกลายเป็นน้ำตาเทียน โอบประคองร่างบางขึ้นนั่งบนตักมือใหญ่สอดประคองเนินเนื้อนุ่มเปิดโอกาสให้ร่างบางได้เป็นผู้ควบคุมจังหวะบรรเลงเพลงรักบทแรกนี้เองปล่อยให้เอเลนขยับสะโพกโยกกายอยู่เหนือร่างได้ตามใจปรารถนา
เสียงหวานครางกระเส่าสลับหนักเบาตามอารมณ์รัญจวน ใบหน้างามแหงนเงยหลับตาพริ้มซึมซับความรู้สึกสุขสมจากช่องทางส่วนล่างอย่างไม่รู้สึกอับอาย
รอจนกระทั่งจับจังหวะบรรเลงเพลงรักได้ รีไวขยับกายสวนกระแทกเร่งให้เสียงครางหวานๆดังระงมปลุกเร้าขึ้นกว่าเดิม
น้ำเสียงแห่งการเสียดสีกระแทกกระทั้นที่หยาบโลนดังก้องไปทั่วทั้งห้องอาบน้ำ
มือใหญ่เอื้อมไปปลดไทด์เส้นเล็กที่ผูกมัดแขนเรียวให้เป็นอิสระ เอเลนจำต้องเกาะประคองไหล่หนาไว้เป็นที่พักพิง
ก้มหน้าลงกัดบนลาดไหล่แน่นเนื้อระบายอารมณ์เสียวซ่านที่ป่วนปั่นอยู่ภายใน
ชายคนนี้รู้ดีว่าจะทำให้เขาสุขสมได้อย่างไร
ชายคนนี้รู้ดีว่าจุดไหนคือจุดต้องห้ามที่ทำให้หัวใจสั่นสะท้านไปทุกคราที่แตะสัมผัส
รีไว แอคเคอร์แมนผู้นี้ รู้จักเรือนร่างของเขาดีกว่าผู้ชายคนไหนที่เคยได้ลิ้มลองเรือนร่างนี้มา
ไม่อยากจะยอมรับแต่ก็ต้องยอมจำนนว่าบทรักของคนผู้นี้ทำให้รู้สึกดีจนน่าใจหาย
“จูบ.......จูบหน่อย”
เสียงหวานสั่นสะท้านเอ่ยด้วยสายตาเว้าวอนชนิดที่ใครมองก็ไม่อาจปฏิเสธ
ริมฝีปากที่แนบชิดเรียวลิ้นที่โรมรันเกี่ยวพันกันยิ่งฉุดกระชากให้ทั้งสองจมลงสู่ห้วงมหรรณพแห่งราคะลึกยิ่งขึ้น
แม้ทุกคำพูดและการกระทำจะเต็มไปด้วยความดุร้ายป่าเถื่อน
แต่เซ็กซ์ของคนๆนี้กลับทั้งอ่อนโยนและเร่าร้อนไปในคราเดียวกัน
ไม่ได้น่าหวาดกลัวเหมือนที่เคยสัมผัสมาแต่อย่างใด
เอเลนก้มหน้ามองชายหนุ่มที่ซุกหน้าอยู่กับอกตน
ใบหน้าคมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความทรมาน ลมหายใจหอบกระชั้น หยดเหงื่อเกาะพราวจนเปียกชุ่มไปทั้งร่าง
เขาที่ถึงที่สุดแห่งหยาดอารมณ์ไปถึงสองรอบแล้ว
แต่ชายผู้นี้ยังไม่เคยได้ปลดปล่อยเลยสักครั้ง มือเรียวยกคล้องกอดรอบลำคอก้มหน้าลงซุกซบกับซอกคอแกร่งกระซิบเสียงเบา
“แรงกว่านี้ก็ได้นะ”
คำพูดนั้นราวกับเป็นน้ำมันที่ราดเข้าสู่กองเพลิง
ร่างบางถูกยกลอยคว้างขึ้นจากอ่างไปชิดกับกำแพง
ชายหนุ่มโถมร่างกระแทกกระทั้นใส่ร่างที่เกี่ยวขากอดกระหวัดเอวเขาอย่างไม่บันยะบันยัง
เสียงหวานครางผะแผ่วขาดๆหายๆตามแรงกายที่ถูกโถมทับเข้าใส่ ช่องทางด้านหลังที่ถูกเสียดสีระอุร้อนจนแทบจะหลอมละลาย
“กว่านี้.....ขอกว่านี้อีก”
เสียงหวานส่งเสียงครางกระเส่าดังลั่นขณะที่รู้สึกถึงความระอุร้อนของน้ำรักที่ฉีดพ่นเข้าไปสู่กาย
ขาเรียวถึงกับสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
ในชีวิตไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่เรียกได้ว่าถึงจุดสุดยอดสักครั้ง แม้จะผ่านเรื่องราวคาวโลกีย์มามากก็เถอะ
ทุกครั้งมักจบลงที่ความเจ็บปวดอย่างไม่อาจทนรับไหวอยู่ร่ำไป แต่นี่เป็นครั้งแรก
ครั้งแรกที่เอเลนรู้สึกสุขสมกับการร่วมรักกับใครสักคนจริงๆ
เอเลนปรือตาฉ่ำน้ำจ้องมองชายหนุ่มที่ทอดสายตามาที่ตนอย่างมีความหมาย
คิดไปแล้วก็รู้สึกขำ ปกติรู้สึกเกลียดขี้หน้าจนแทบไม่อยากมองด้วยซ้ำ
แต่เวลาแบบนี้กลับสามารถมองชายใจร้ายผู้นี้ได้อย่างเต็มตา
กลีบปากบางบิดยิ้มด้วยความสมเพชตัวเองก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น
“ไปต่อที่เตียงเถอะ”
แม้จะเป็นเตียงที่ถูกสร้างขึ้นเป็นงานคุณภาพและประณีตขนาดไหนก็เถอะ
แต่เมื่อต้องรับแรงกระแทกที่หนักหน่วงและดุดันก็มีอันต้องถึงกับลั่นได้เหมือนกัน
“อ๊ะ....อ๊ะ....อ๊ะ.....” เสียงหวานครางผะแผ่วแหบแห้ง
เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนไม่อาจบอกได้ แต่ร่างกายในตอนนี้นั้นอ่อนล้าจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่
ช่องทางเบื้องหลังที่ถูกเสียดสีจนชาหนึบไร้ซึ่งความเจ็บปวด
มีเพียงความเสียวซ่านที่ดูจะโหมทะยานมากยิ่งขึ้น
ผู้ปูที่นอนสีเข้มยับยู่ไปด้วยรอยจิกทึ้งของร่างบาง
หยาดน้ำสีขาวขุ่นที่ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นของใครต่อของใครไหลเปื้อนเรียวขางามกระจายหยดลงผ้าปูที่นอนผืนหนาเป็นหย่อมๆ
“เดี๋ยว....ม.....ไม่ไหว.....” เอเลนส่งเสียงครางสะท้าน
ตะเกียกตะกายถีบร่างหนีจากคนที่กำลังรุกรานตนอย่างอ่อนแรง
แขนเรียวคว้าปัดป่ายไปทั่ว แต่คนที่กำลังขยับโยกกายอย่างมัวมันก็ใช่ว่าจะยอมง่ายๆ
มือใหญ่ดึงรั้งสะโพกมนให้แนบชิดโน้มกายลงทาบทับกับแผ่นหลังบางกดร่างไม่ให้ขยับหนีไปได้มากกว่านี้
“จะไปไหน....ถ้ายังไถลไปมากกว่านี้จะตกตียงแล้วนะ”
ทุกคำพูดที่ผ่านหูไปเอเลนไม่อาจประมวลผลอะไรได้อีกแล้ว
ตัวเขาในตอนนี้ทุกอย่างมันเบลอไปหมด
รับรู้ได้เพียงมือใหญ่ที่แตะสัมผัสปลุกเร้าอยู่บริเวณยอดอก
เรียวลิ้นอุ่นๆที่โลมไล้แผลเป็นขนาดใหญ่บนแผ่นหลัง
และแรงกระแทกกระทั้นจากส่วนล่างที่เล่นเอาสั่นสะท้านไปทั้งทรวง
“อย่าบอกนะว่ารู้สึกดีจนหมดสติไปแล้ว”
รีไวกล่าวขณะที่ลูบกลุ่มผมชื้นเหงื่อของเอเลนเบาๆ
บาดแผลที่ศีรษะนั้นถูกคราบเลือดแห้งกรังปิดปากแผลจนเลือดหยุดไหลไปแล้ว
ส่วนเจ้าตัวนั้นแม้จะยังส่งเสียงครางแผ่วๆมาให้ได้ยินเป็นช่วงๆ
แต่ดวงตากลมโตที่เหม่อมองอย่างเลื่อนลอยนั้นก็บ่งบอกให้รู้ว่าร่างบางในตอนนี้นั้นเกินขีดของความอดทนไปไกล
กึ่งๆจะหมดสติไปแล้วด้วยซ้ำ...........
“ครั้งนี้รอบสุดท้าย ฉันสัญญา”
และต่อเมื่อถึงที่สุดแห่งหยาดอารมณ์
ร่างใหญ่ได้ถอนแกนกายออก
น้ำรักที่พวยพุ่งออกจากส่วนของความเป็นชายจึงได้รินรดใส่เรือนกายของร่างบางเข้าเต็มๆ
“พักเถอะนะ หลังจากนี้ก็พักซะ”
รีไวหอบหายใจสะท้านก้มลงจูบขมับเนียนเบาๆ
ภาพที่เอเลนเห็นเป็นเพียงภาพเบลอๆของใครบางคนที่กำลังพูดอะไรสักอย่างซึ่งแน่ใจได้เลยว่าไม่เข้าใจสักนิดในเวลานั้น
สิ่งที่รับรู้ได้มีเพียงสัมผัสอุ่นที่หน้าผากกับมือใหญ่ที่ลูบไล้กลุ่มผมชื้นเหงื่อให้เบาๆก่อนจะผล็อยหลับไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น