ผ่าภิภพบันทึกฟาโรห์
Pairing: Levi x Eren
Rate: NC-17
Story by: AkeRah + Trendy Blood
Warning: *เนื้อหาทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง
ตัวละครมีตัวตนจริงในการ์ตูนเรื่องผ่าพิภพไททัน
แต่เหตุการณ์และสถานที่ทั้งหมดเป็นนามสมมติที่แอบมีเค้าเรื่องจริงปะปนเล็กน้อย!!!!*
………………………………………………………………
บันทึกฉบับพิศษ: บันทึกลับร่างอวตาร
ย่างเข้าสู่อีกเดือนที่เด็กหนุ่มจากโลกปัจจุบันจำต้องเดินทางทะลุมิติเวลามายังอียิปต์โลกสองพันปีให้หลัง
เสียงอึกทึกและผู้คนที่เดินไปมาอย่างวุ่นวายในเขตพระราชฐานตระเตรียมรอบรั้ววังด้วยดอกไม้
เครื่องประดับ และทองคำมากมาย ไม่แม้กระทั่งในเขตหลวง
แต่ทั่วทั้งธีปส์แห่งนี้ทั้งเมืองต่างครึกครื้นเป็นเวลาสามวัน สองคืนแล้ว
เนื่องด้วยเพลานี้เป็นการฉลองสิริครองราชสมบัติขององค์รามเมสครบปีที่ 12 พอดี
ทั่วทั้งเมืองต่างบรรเลงดนตรีขับกล่อมหมุนเวียนเช้าจรดค่ำ
และค่ำจรดรุ่งส่าง
เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั่วทั้งแคว้นลุ่มน้ำไนล์ต่างแห่แหนเดินทางมายังเมืองหลวง
ถ้าหัวเมืองท่าใดเจ้าผู้ครองนครไม่อาจมาร่วมสรรเสริญ
ล้วนแต่ส่งบุตรธิดามากมายเป็นตัวแทนร่วมงานมงคลนี้
โดยเฉพาะเหล่าธิดาของหัวเมืองต่างๆที่ต่างกรีฑากันมาไม่หยุดหย่อน
ทั้งการแต่งกายงดงามวิจิตร
หรือของขวัญที่คาดว่าต้องต้องตาต้องใจองค์รามเมสถูกขนส่งมายังเขตวังหลวงไม่หยุดหย่อน
เหล่าไพร่พลทหารที่มีหน้าที่ตรวจตราเมือง
ต่างต้องรับทำหน้าที่พิเศษในการคัดกรองเหล่าของกำนัล
และตรวจตราเหล่าผู้ร่วมงานที่เดินทางมาจนขบวนแถวยาวสุดสายตา
เด็กหนุ่มร่างอวตารที่ถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสมเกียรติทอดมองเหล่าผู้คนที่ต่อแถวเข้าประตูเมืองจากริมทางเดินชั้นบน
เอเลนมองเบเซทที่ยังคงวิ่งวุ่นแม้วันนี้จะเป็นงานเฉลิมฉลองวันที่สามแล้วก็ตาม
แต่ดูเหมือนรายละเอียดและงานจะมีปัญหาฉุกละหุกมาให้รัชทยาทอันดับหนึ่งแก้ไขอยู่เป็นนิตย์
ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าจะมีงานฉลองครองราชย์ครบ
12 ปี ขององค์รามเมส
เขาที่ตอนนี้ไม่มีอะไรทำนอกจากการเรียนคอร์สศิลปะป้องกันและการต่อสู้ตัวที่ถูกองค์ฟาโรห์ยัดเยียด
แต่เพราะงานฉลองทำให้เหล่าครูฝึกต่างต้องหัวหมุนไปช่วยเตรียมงาน
คนว่างงานอย่างเขาจึงรับอาสาที่จะช่วยเช่นกัน พอบอกอย่างนั้น
เบเซทและหัวหน้านักบวชฮันจ์กลับเอาเขามาแต่งองค์ทรงเครื่องราวกับตู้ทองเคลื่อนที่
แล้วบอกให้แค่นั่งเฉยๆอยุ่ข้างกายองค์รามเมสเท่านั้นพอ ตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้
ทั้งที่เป็นงานเฉลิมฉลอง
แต่เอเลนรู้สึกราวกับงานรวมญาติ แม้จะรู้อยู่แล้วว่าองค์รามเมส มีพระสนมมากมาย
แต่การต้องมาเจอเหล่าพระสนมทีเดียวเกินครึ่งร้อยก็ไม่สนุกหรอกนะ
ถึงแม้เขาจะเป็นคนจำคนเก่งอยู่บ้างแต่การต้องมารู้จักและจำเหล่าบุตรกว่า ห้าสิบคน
ธิดากว่ายี่สิบคน เล่นเอาสมองเขาเออเร่อไปชั่วขณะ
นี่เขาจำได้แค่สิบคนแรกเท่านั้นส่วนชื่อจะจำสลับกันรึเปล่ายังไม่รู้เลย
เวลาเจอหน้าจึงได้แต่ยิ้มและทักทายเท่านั้น แล้วพอจะพยายามหาทางหนี
เพราะรู้สึกตัวเองเหมือนเครื่องทองประดับข้างกายองค์ฟาโรห์ มือหยาบของคนเอาแต่ใจก็รั้งให้เขาอยู่ข้างกายคอยปั้นหน้ายิ้มทักทายแขกเหรื่อ
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหัวเมืองฝั่งตะวันตก ธิดาจากเมืองตะวันออก เจ้าชายจากแดนใต้
แม่ทัพแห่งทิศเหนือ และเจ้าครองแคว้นอีกมากมายที่ทำเอาเขาหัวหมุน
เป็นครั้งแรกที่เพิ่งรู้ว่าการยิ้มทักทายคนอื่นต้องใช้พลังงานขนาดนี้ ไหนจะเครื่องแต่งกายด้วยทองคำที่หนักหลายกิโลบนตัวเขานี่อีก
เขาไม่ได้มีกล้ามเนื้อมัดกล้ามแน่นแบบไอฟาโรห์นั้นนะ
ที่จะได้แบกทองเป็นกิโลอยู่บนร่างกายโดยไม่รู้สึกอะไร คอยดูเถอะตอนกลับเขาจะเอาทองพวกนี้กลับไปขายให้หมด
จะได้ลดเครื่องประดับบนตัวเขาลงบ้าง
อย่าน้อยวันนี้ก็เป็นวันฉลองวันสุดท้ายที่เขาจะต้องปั้นหน้าทักทาย
ทั้งยังต้องใส่ชุดและเครื่องประดับที่หนักอึ้งนี่แล้ว
แต่เพราะต้องทนรับแขกเหรื่อถึงสองวัน สองคืน วันนี้พอโดนจับแต่งตัวเสร็จ
เขาจึงหาทางหลบออกมาระหว่างที่องค์ฟาโรห์ยังคงต้องต้อนรับเหล่ผู้มาเยือนในห้องโถง
เด็กหนุ่มในชุดเครื่องทองเต็มยศเหลือบซ้ายมองขวาที่เหล่าผู้คนยังคงเดินกับขวักไขว่
ทั้งยังวิ่งวุ่นในการจัดเตรียมสิ่งของมากมาย
แพราะคืนนี้เป็นคืนฉลองวันสุดท้ายดูเหมือนทุกอย่างจึงวุ่นวายกว่าปกติ โดยเฉพาะในโรงครัวที่อึกทึกครึกโครมราวกับสนามรบ
ด้วยชุดที่โดดเด่นสะดุดตา แล้วไหนจะความวุ่นวายตลอดทางในเขตราชฐาน
สุดท้ายที่ที่เอเลนนึกออกว่าจะพบเจอความสงบ จึงหนีไม่พ้นห้องบรรทมของทายาทอันดับหนึ่งแห่งไนล์
ก๊อก ก๊อก
“เบเซท ขอฉันหลบในนี้หน่อยสิ” เอเลนเคาะประตูขออนุญาติ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
เด็กหนุ่มต้องตกตะลึงกับของมากมายที่วางอยู่ในห้องเจ้าชายเบเซท ทั้งที่ปกติแล้วห้องของเบเซทมักเป็นระเบียบและมีแค่เครื่องใช้ที่จำเป็น
“ท่านเอเลน
ตอนนี้ห้องข้ารกเล็กน้อย ถ้าอย่างไรรบกวนหาที่นั่งตามสะดวกนะขอรับ”
เบเซทหันมาทักทายเด็กหนุ่มก่อนจะหันกลับไปจดจ้องกับกระดาษปาปิรุสในมือพลางเช็คสิ่งของที่อยู่ตรงหน้า
“นี่เกิดอะไรขึ้นกับห้องนายเนี่ย?”
เด็กหนุ่มร่างอวตารเดินสำรวจสิ่งของต่างๆที่ถูกวางเรียงรายมีตั้งแต่ถั่ว ถังไม้
ขนสัตว์ เครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งอาวุธต่างๆ
“ของพวกนี้ข้ายึดไว้ขอรับ
วันนี้เป็นการเฉลิมฉลองคืนสุดท้ายทุกอย่างจึงต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ
ที่จริงปกติจะเก็บไว้ในห้องเก็บของทั้งหมด แต่ปีนี้มีของส่งมามากมายเหลือเกิน
จึงต้องแบ่งมาเก็บที่ห้องข้าบางส่วน”
เบเซทอธิบายทั้งยังคงสำรวจสิ่งของตามรายการต่างๆอย่างเคร่งครัด
เอเลนพยักหน้ารับพลางมองหาที่ว่างที่เขาพอจะนั่งพักได้
เมื่อเห็นว่าคงมีเพียงแค่เตียงเท่านั้นที่เขาพอจะใช้นั่ง เด็กหนุ่มจึงถือวิสาสะนั่งบนแท่นบนนทมขององค์ชายหนุ่ม
ทั้งปลดเครื่องแต่งกายทองคำที่หนักอึ้งบนตัวออก
รอยกดทับจางๆบนผิวเด็กหนุ่มแสดงให้เห็นถึงน้ำหนักของเครื่องประดับทองคำที่สวมใส่
เมื่อเหล่าเครื่องทองที่หนัดอึ้งถูดปลดเอเลน ราวกับโซ่ตรวนถูกถอด
เอเลนบิดกายไปมาก่อนจะแผ่ลงบนเตียงอย่างถือวิสาสะ
“ไม่เข้าใจจริงๆว่าพวกนายใส่ของพวกนี้เดินไปเดินมาแบบนั้นได้ยังไง
เฮ้อ... หนักเป็นบ้า”
คนที่ถอดเครื่องทรงออกบ่นอุบอิบพลางเหลือบตามองเด็กหนุ่มรัชทยาทอันดับหนึ่ง
แม้จะอยุ่ในชุดเครื่องราชย์ที่มีเครื่องประดับน้อยกว่าร่างอวตารอย่างเขาเล็กน้อย
แต่มันก็หนักพอดู
ทั้งอย่างนั้นเจ้าชายเบเซทยังคงง่วนกับการทำราชกิจอย่างไม่ลดละและปริปากบ่น
“ท่านพ่อไม่ทรงพาท่านเอเลนไปแนะนำให้กับท่านฮัซคา
เจ้าผู้ครองทิศใต้หรือขอรับ?” ถ้าเขาจำไม่ผิดวันนี้ท่านฮัซคา
และบุตรีเข้าเฝ้าถวายพระพรองค์ฟาโรห์
พอได้ยินเรื่องการแนะนำคนใหญ่คนโต
เอเลนทำหน้าเหม็นเบื่อทันที จะไม่ให้เขาเบื่อไอย่างไร
ในเมื่อสองวันสองคืนมานี่เขารู้จักเหล่าขุนนาง เจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆจนเอียน
ไม่รู้ว่าเป็นวันฉลองให้องค์รามเมส หรือวันเสนอตัวให้ฟาโรห์กันแน่? เหล่าเจ้าผู้ครองแคว้นนั้นต่างพาบุตรีที่แต่งโฉมงดงามให้ตามเข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด
ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตาแก่เจ้าเล่ห์พวกนั้นหวังให้บุตรสาวของตนเป็นที่ต้องตาต้องใจองค์รามเมสเพียงใด
เท่านั้นไม่พอ นอกจากจะพยายามถวายบุตรีให้องค์รามเมส ยังมีเสนอเหล่าธิดา
เจ้าหญิงต่างๆให้เขาไม่ต่างกัน
อันที่จริงเขาก็รู้สึกใจแกว่งๆอยู่นะ
ก็บุตรีแต่ละคนที่มางามน้อยเสียที่ไหน แต่พอหันไปเห็นใบหน้าดุถมึงทึงคนข้างๆ
ทำเอาเขาแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลง
อย่าว่าแต่เขาเลยแม้แต่คนที่เสนอบุตรีให้เขาคงรู้สึกถึงรังสีทมิฬจากองค์รามเมสจึงได้รีบรนรานสงบปากสงบคำก่อนจะถอยให้คนอื่นเข้าเฝ้า
คิดแล้วก็น่าเจ็บใจนิดๆ
ทั้งที่ตัวเองมีสนมตั้งมากมาย
แต่ทำไมพอเขาจะได้มีสาวๆมารายล้อมบ้างต้องห้ามกันด้วย?
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
นายมีไรให้ฉันช่วยไหมเบเซท?” เอเลนกระโดดลงจากเตียงเข้ากอดคอองค์ชายเบเซท
หวังของานทำจะได้เป็นข้ออ้างที่เขาหลบหนีออกจากการพบปะที่น่าเบื่อกลางคัน
เบเซทมองเด็กหนุ่มร่างอวตารที่เกยหน้าลงบนบ่าตัวเองพลางหัวเราะขำ
ดูจากท่าทางคงเบื่อหน่ายกับการพบเหล่าคนใหญ่คนโตมากมายเป็นแน่
อย่าว่าแต่ท่านเอเลนเลย
ตัวเขาเองก็ชอบหาข้ออ้างในการตระเตรียมเรื่องต่างๆเสียมากกว่าการไปเจอเหล่าขุนนางที่เสนอธิดาให้อย่างน่ารำคาญ
“ถ้าอย่างไรท่านเอเลนช่วยสำรวจของทางด้านนั้นก็ได้ขอรับว่าเป็นสิ่งใดบ้าง
ข้าจะได้บันทึกไว้”
เบเซทชี้ยังกองข้าของอีกฝั่งที่ตั้งเรียงรายยังไม่ได้รับการสำรวจ
เด็กหนุ่มร่างอวตารไม่รอช้าจัดการสำรวจข้าวของกองมหึมาทันที
จิตวืญญาณนักสำรวจที่สืบทอดมาจากบิดาเริ่มคุกรุ่น
ก็ในเมื่อสิ่งของตรงหน้าเป็นสิ่งที่โลกเขาเรียกได้ว่าทรัพย์สมบัติมหาศาล
ของบางอย่างก็หน้าตาแปลกประหลาด
อีกทั้งสิ่งของเหล่านี้ยังอยู๋ในสภาพสมบูรณ์ใหม่ขนาดนี้
เรียกได้ว่าเป็นคลังสมบัติที่พ่อเขาต้องอิจฉาเขาแน่ๆที่ได้สัมผัสของจริง
เอเลนจัดการจัดเหล่สของกองมหึมาแยกออกเป็นหมวดหมู่
เด็กหนุ่มร่างอวตารเหลือบเห็นชายผ้าฝ้ายริ้วสีทอง
ด้วยความสนใจเด็กหนุ่มจึงรื้อชุดผ้าแพรจากในกองของกำนัลออกมาดู
ผ้าฝ้ายผืนบางประดับด้วยริ้วทองลายวิจิตร เอเลนคลี่ผ้าเพื่อดูรูปแบบด้วยความสนใจ
ชุดผ้าวิจิตรแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนบนเป็นผ้าฝ้ายที่ประดับริ้วทองพร้อมด้วยเครื่องประดับช่วงคอมาถึงอกอย่างตระการตา
ท่อนล่างเป็นผ้าที่แวกเว้ามาจนถึงช่วงโคนขาพร้อมกระพรวนข้อเท้า
จากชุดทำให้เด็กหนุ่มจินตนาการถึงพวกนางรำในเกมส์ที่เคยเล่น
แต่ถ้าเป็นนางรำเครื่องประดับไม่น่าจะมากมายขนาดนี้
“อ๊ะชุดนั้นแยกวางไว้ตรงนั้นได้เลยขอรับท่านเอเลน”
เบเซทที่กำลังยกของอยู่อีกฝั่งเอ่ยบอก
ก่อนจะชี้ให้นำชุดนั้นไปรวมกับเหล่าเครื่องประดับที่ถูกวางแยกไว้มากมาย
“ชุดนี้เป็นของนางรำที่นี้งั้นเหรอ?”
ด้วยความสงสัยเด็กหนุ่มร่างอวตารจึงเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ขอรับ
เป็นชุดสำหรับสตรีที่จักได้ถวายตัวให้องค์รามเมส หากท่านพ่อเกิดต้องตาขึ้นมา”
แต่ปีนี้มีท่านเอเลน...คงไม่จำเป็นต้องใช้...
เบเซทคิดในใจพลางจัดการจัดของที่เหลือต่อ
ชุด....สำหรับ...ถวายตัว...
ตกลงไองานฉลองขึ้นครองราชย์นี้มันพ่วงด้วยงานจับคู่ให้ตาแก่มักมากนั่นด้วยสินะ...
ใบหน้ามนพองลมในแก้มอย่างนึกงอนก่อนจะจัดการโยนชุดไปรวมกับกองเครื่องประดับ
ไอเจ้าฟาโรห์นั่น
ที่ตอนที่มีคนมาเสนอลูกสาวให้เขาล่ะทำเป็นส่งสายตาฆ่าฟันให้เขา
แต่ทุกปีตาแก่นั้นกลับมีสาวๆเสนอตัวให้นับไม่ถ้วน มันน่าโมโหชะมัด....
แล้วเราจะโมโหทำไม?... อิจฉาสินะ... เราคงจะอิจฉาไอเจ้าบ้านั้นที่มีผู้หญิงให้เลือกมากมาย
แต่ตัวเรายังโสดสนิทเหี่ยวเฉา.... เอเลนเอ๊ยทั้งที่เป็นถึงร่างอวตารแล้วแท้ๆ
แต่ทำไมช่างไม่มีดวงเรื่องแบบนี้เอาซะเลย...
“แล้วถังพวกนี้มันอะไรน่ะ?”
เอเลนหันไปสนใจกับถังไม้มากมายที่วางเรียงรายในห้องขององค์ชายหนุ่ม
“พวกนั้นเป็นเหล้าองุ่นจากทางใต้ขอรับ
แต่ฤทธิ์นั้นแรงกว่าเหล้าองุ่นทั่วไปมากนัก
งานฉลองวันสุดท้ายข้าไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งยากจึงสั่งให้ทหารขนมาเก็บที่นี้”
เบเซทเลือกถังเหล้าองุ่นที่ว่ามาหนึ่งใบก่อนจัดการเปิดจุกเทเหล้าองุ่นยื่นให้ร่างอวตาร
“กลิ่นไม่เห็นเหมือนเหล้าเลย”
กลิ่นอ่อนๆขององุ่นคล้ายกับน้ำผลไม้มากกว่ากลิ่นของเหล้าองุ่นที่เขาได้กลิ่นอยู่เป็นประจำ
“เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าองุ่นจากทางใต้ที่ส่งมาขอรับ
เหล่านางในและนางกำนัลต่างชื่นชอบ เพราะกลิ่นและรสไม่รุนแรง
แต่ว่าฤทธิ์ของมันเรียกว่าร้ายแรงกว่าเหล้าองุ่นที่เราดื่มกันเป็นปกติเสียอีกขอรับ”
เอเลนมองน้ำสีแดงเข้มในมืออย่างสงสัยก่อนจะลองจิบชิมรสชาติ
รสหวานขององุ่นราวน้ำผลไม้ชั้นเลิศแตกต่างจากรสขมฝาดที่เขามักจะได้จากการเผลอดื่มเวลาร่วมโต๊ะเสวย
“มันใช่เหล้าจริงเหรอ
รสชาติยังกับน้ำผลไม้” เอเลนถามอย่างไม่เชื่อว่ารสหวานกลมกล่อมที่ลื่นคอเช่นนี้
จะเป็นเหล้าองุ่น
“นั้นแหละขอรับ
เหล่านางในทั้งหลายถึงชื่นชอบ แต่อย่าดื่มมากไปล่ะขอรับ”
เบเซทกล่าวเตือนเด็กหนุ่มร่างอวตารที่ลองยกแก้วขึ้นจิบอย่างชื่นชอบ
ก๊อก
ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนมิคาสะจะเปิดเข้ามา
“ขออภัยเบเซท
ท่านกำลังยุ่งอยุ่หรือไม่?”
มิคาสะน้อมกายให้เกียรติหลานชายผู้เป็นรัชทยาทโดยชอบทำก่อนถาม
“ไม่ขอรับท่านอา
ข้าเหลือเพียงแต่จัดของเล็กน้อยเท่านั้น”
เบเซทน้อมกายคืนเพื่อให้เกียรติผู้ที่มีศักดิ์เป็นอาของตน แม้จะยศสูงกว่าแล้วก็ตาม
“ท่านฮัซคาอยากพบเจ้าพร้อมบุตรี
ถึงแม้เจ้าจะไม่สนใจแต่คงยากที่จะปฏิเสธ”
ฮัซคา
เจ้าผู้ปกครองทิศใต้เป็นหนึ่งในผู้ที่จงรักภักดีต่ออียิปต์เสมอมา
อีกทั้งยังเป็นผู้ที่องค์รามเมสไว้วางพระทัยให้ช่วยราชกิจหลายอย่าง
ทั้งยังเป็นผู้รับใช้เก่าแก่ตั้งแต่รัชสัมรามเมสที่ 1
การเรียกเบเซทไปพบบุตรีไม่พ้นเป็นเรื่องหมั้นหมาย
แม้จะไม่บังคับโดยตรงแต่ก็ยากที่จะปฏิเสธ ด้วยว่าท่านฮัซคา
คือผู้รับใช้เก่าแก่ที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือ
“ข้าเข้าใจดีท่านอา
ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เบเซทน้อมศรีษะเคารพร่างอวตารและมิคาสะ ก่อนจะขอตัวออกจากห้อง
มิคาสะมองเด็กหนุ่มร่างอวตารที่หลบการพบปะผู้คนมาอยู่ในห้องของหลานชาย
เพราะมัวแต่วุ่นวายกับงานเลี้ยงทำให้เขาเองก็ไม่มีเวลาสนทนากับเอเลนมากนัก
“หลายวันมานี้เจ้าคงเหนื่อยน่าดู
ถ้าอย่างไรก็หลบอยู่ที่นี้จนพลบค่ำแล้วค่อยออกไปงานเลี้ยงอาจจะดีกว่า” มิคาสะเสนอ
“วันนี้ยังมีงานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายนั้นอีกเหรอ
เออ.. นี่ ถ้าฉันหลบอยู่ในนี้จนงานเลี้ยงเลิกเลยจะได้ไหม?”
ใบหน้ามนมองอีกคนอย่างเว้าวอน
ก็งานเลี้ยงที่แต่ละคนเอาแต่คุยเรื่องตนเองหรือเรื่องความงาม
ความสามารถของลูกสาวตัวเองให้องค์รามเมสฟังมันน่าเบื่อจะตาย
“ข้าเองก็อยากให้เจ้าทำเช่นนั้น
แต่การที่ร่างอวตารแห่งราไม่อยู่จนงานเลี้ยงจบเห็นเป็นการไม่ควรนัก”
ถึงแม้เขาจะชอบตามใจเอเลนอยุ่บ้าง
แต่ถ้าเป็นเรื่องงานแล้วหลายครั้งที่มิคาสะก็จะแข็งขืนไม่ยอมผ่อนปรนตาม
“อย่างน้อยวันนี้ในงานเลี้ยงจะมีการแสดงจากเหล่าสตรีที่อยากถวายตัวให้องค์รามเมสได้เชยชม
คงมีสิ่งที่ให้เจ้าเพลิดเพลินได้บ้าง”
มิคาสะพยายามหาเรื่องปลอบใจเด็กหนุ่มร่างอวตาร
แต่นั่นกลับทำให้เอเลนยิ่งคิ้วขมวดมุ่นกว่าเก่า
“ถ้างานเลี้ยงช่วงเย็นเริ่มแล้วฉันจะไป
นายรีบกลับไปทำงานของนายเถอะ”
มิคาสะน้อมกายให้กับร่างอวตารก่อนจะกลับไปทำงานที่ค้างคาต่อให้เสร็จ
หลังจากที่ประตูห้องปิดลง
ความเงียบสงบเข้าแทนที่ เอเลนทิ้งตัวลงงนอนกับแท่นบรรทมของเบเซทอย่างนึกหน่าย
ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องกลับไปปั้นหน้ายิ้มนั่งฟังเรื่องไร้สาระพวกนั้นอีกจนได้
เอาเถอะอย่างน้อยวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่ต้องฟังเรื่อน่าหน่ายพวกนั้น
นัยน์ตาสีอร่ามเหลือบมองถังเหล้าองุ่นที่ถูกเปิดไว้อย่างสนใจ
ก่อนจะยกรินใส่แก้วที่ว่างเปล่าจนเต็มอีกครั้ง รสหวานลิ้นทำให้เขาติดใจ
บางทีเบเซทอาจเข้าใจผิด นี่ไม่น่าจะเป็นเหล้าจริงอย่างที่บอก
บางทีพวกทหารอาจแอบสลัไปแล้วก็ได้ ก็เขาไม่รับรู้ถึงกลิ่นหรือรสแอลกอฮอลที่เจือปนอยู่สักนิด
และกว่าจะรู้ตัวเขาก็ดื่มเหล้าองุ่นนั้นหลายต่อหลายแก้ว
ใบหน้ามนใสเริ่มมีริ้วแดงจางๆบนหน้า นัยน์ตาสีอร่ามเริ่มปรือด้วยฤทธิ์สุรา
ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มอย่างสนุกสนาน ส่วนสติสัมปชัญญะนั้นเริ่มห่างไกลออกไปทุกที
ทุกที.....
.
.
.
.
.
.
เสียงดนตรีประสานกับเสียงขับร้องดังก้องไปทั่วท้องพระโรง
เหล่าอาหารและเครื่องดื่มมากมายถูกเติมไม่ให้เว้นว่าง เหล่านักบวช อำมาตย์
และเจ้าเมืองต่างๆ
ร่วมร่ำสุราดื่มด่ำอาหารเริ่ดรสและการแสดงที่เริ่มทยอยถวายแด่องค์รามเมสไม่ขาดสาย
ทั้งที่ในงานยังคงครื้นเครงและสนุกสนานแต่ที่ประทับข้างกายองค์รามเมสกลับไร้ร่างของเด็กหนุ่ม
แม้จะมีสนมเอกเพทร่าประทับถัดรองลงมาจากที่เว้นว่าง นัยน์ตาคมกร้าวขององค์รามเมสพยายามสาดส่องมองหาเด็กหนุ่มร่างอวตารที่หายตัวไปตั้งแต่บ่ายจวบจนตอนนี้
เบเซทที่ประทับอยุ่ไม่ไกลนักรับรู้ได้ถึงบรรยกาศที่เริ่มหงุดหงิดจากองค์รามเมส องค์ชายหนุ่มจึงหวังละออกจากที่ประทับเพื่อย้อนกลับไปยังห้องบรรทมของตน
ที่เอเลนอาจจะยังหลบอยู่ที่นั่น
ก่อนที่รัชทยาทหนุ่มจะได้ลุกจากที่ประทับ
เสียงเซ็งแซ่ ฮือฮาที่เริ่มไล่ดังมาจากด้านหลังจนถึงท้องพระโรง
ก่อนที่จะได้เอ่ยถามข้อสงสัย ทุกสายตาก็จับจ้องไปยังต้นเหตุของเสียงเซ็งแซ่
แม้แต่องค์รามเมสยังถึงกับต้องฝืนกลืนน้ำลายลงคอกับภาพเบื้องหน้า
ร่างโปร่งบางที่ปรากฏในชุดผ้าฝ้ายงามวิจิตรทั้งเผยให้เห็นหน้าท้องแบนเรียบแต่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยตามแบบเด็กหนุ่มที่เล่นกีฬาบ้าง
พร้อมด้วยเครื่องประดับชั้นดีที่ประดับตามต้นแขน คอระหง และศรีษะ
แม้จะมีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าครึ่งนึง
แต่นัยน์ตาสีอร่ามที่มองมานั้นเหล่าบรรดาคนใกล้ชิดต่างคุ้นเคยกันดี
ว่าผู้ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือเด็กหนุ่มร่างอวตารไม่ผิดเพี้ยน!!
“ขอถวายความเคารพองค์รีไว
รามเมส”
ร่างโปร่งบางผายมืออกพลางย่อกายถวายต่อหน้าพระพักต์
ใบหน้ามนที่มีริ้วแดงจางๆยกยิ้มละมุนก่อนเอ่ยต่อ
“ทั้งที่เป็นวันเฉลิมฉลอง
แต่ผมไม่มีอะไรจะมอบให้ท่าน ถ้ายังไงผมขอแสดงโชว์ให้ดูก็แล้วกัน”
เอเลนยืดตัวขึ้นเต็มความสูง
ก่อนจะยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเหนือศรีษะ แขนอีกข้างพาดลงบนหน้าท้องของตน
ใบหน้าหวานหันไปมองเหล่านักดนตรีที่ต่างมองตะลึงงันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
เสียงหวานจึงเอ่ยสั่งแทน
“Music!”
เหล่านักดนตรีต่างจ้องมองกันและกัน
เพราะไม่รู้ว่าไอคำว่ามิวสิคนั้นคืออะไร
แต่เมื่อเห็นร่างอวตารมองมาจึงเดาว่าคงหมายถึงให้พวกเขาเล่นเพลงอะไรสักเพลงล่ะมั่ง
เกรงว่าถ้าไม่เล่นเพลงอะไรสักเพลงออกไปพวกเขาอาจได้ไปเป็นมัมมี่เฝ้าสุสานในวันพรุ่งนี้
หัวหน้าคณะดนตรีจึงเป็นผู้นำคณะดนตรีให้เริ่มบรรเลงเพลงที่คิดขึ้นมาได้ในตอนนี้
เมื่อดนตรีขึ้นบรรเลง
เด็กหนุ่มขยับกายตามจังหวะ แม้จะเรียกได้ว่าไม่อ่อนช้อย อีกทั้งยังสะเปะสะปะ
แต่กลับดูยั่วยวนจนองค์รามเมสต้องพยายามข่มกัดฟันตัวเองให้เพลงบรรเลงจนจบ
“อ..เออ...
ท่าน อา ท่านเอเลน.. ทำไม?” เบเซทหันไปถามมิคาสะผู้อยู่ใกล้ตัวที่สุด
แต่ท่าทางสบายๆของมิคาสะทำให้เบเซทรู้สึกแปลกใจ
“บางทีคงอยากลองชุดกระมัง
ตอนที่ข้าอยู่ดินแดนเทพ ข้าเคยเห็นท่านเอเลนในชุดเมดมาแล้ว” พอมาเห็นแบบนี้
มิคาสะจึงไม่แปลกใจ บางทีอาจเป็นการแสดงที่เอเลนคิดจะถวายองค์รามเมสอยู่แล้วกระมัง
แม้จะไม่เข้าใจว่าอะไรคือ
ชุดเมด? แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่ทุกข์ร้อนของเสด็จอาแล้ว
บางทีนี่อาจเป็นเรื่องปกติของคนจากดินแดนเทพ... องค์ชายหนุ่มได้แต่มองในแง่ดี
แล้วหวังว่าคงไม่ใช่เพราะฤทธิ์จากเหล้าองุ่นแดนใต้หรอกนะ...
หลังจากเพลงจบลงเด็กหนุ่มหมุ่นตัวก่อนจะล้มลงน้อมกายเบื้องหน้าพระพักต์ของฟาโรห์
องค์รามเมสรุดจากพระที่นั่งลงมายังเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม
ชายหนุ่มปลดผ้าคลุมประดับไหล่หุ้มร่างอวตารก่อนจะตวัดอุ้มร่างเด็กหนุ่มขึ้นในอ้อมแขน
ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อ
นัยน์ตาสีอร่ามที่หวานฉ่ำเดาได้ไม่ยากว่าเหตุใดเด็กหนุ่มถึงแสดงท่าทางประหลาดเช่นนี้
“ผู้ใดเอาเหล้าให้เอเลนดื่ม?!”
สุรเสียงเข้มก้องกังวานทำให้คนมีชนักติดหลังสะดุ้งโหยง
ก่อนจะก้าวไปทำความเคารพองค์หาโรห์เบื้องหน้า
“ส..
เสด็จพ่อเป็นลูกเองที่นำสุราจากแดนใต้ให้ท่านเอเลนลิ้มลอง”
ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ทั้งที่ตือนแล้วว่าสุราจากแดนใต้นั้นฤทธิ์ร้ายแรงนัก
“โฮ่...
เป็นเจ้างั้นรึเบเซท” ฟาโรห์หนุ่มเหลือบมองบุตรชายที่ก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“วันก่อนมีลูกม้าพันธุ์ดีคลอดออกมา
เห็นเจ้าชื่นชอบนัก ข้ายกให้!!”
รัชทายาทหนุ่มเงยหน้ามองบิดาพลางกระพริบตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ
แต่เสี้ยวหน้าก่อนที่องค์ฟาโรห์จะเดินจากไปเป็นรอยยิ้มไม่ผิดแน่
“งานเลี้ยงนี้ขอเชิญพวกท่านสนุกให้เต็มที่
ส่วนข้าคงถึงเวลาพักผ่อนเสียที” สิ้นคำสั่งองค์ฟาโรห์อุ้มร่างอวตารออกจากท้องพระโรงอย่างไม่สนใจสายตาเหล่าข้าราชบริภารและแขกเหรื่อที่มองตาไม่กระพริบ
เว้นเสียแต่หัวหน้านักบวชเพื่อนสนิทที่เติบโตมาด้วยกันกับองค์รามเมสที่ได้แต่กลั้นหัวเราะท่ามกลางเหล่าผู้คนที่ได้แต่ตะลึงงัน
แม้กระทั่งองค์รัชทยาทเบเซทที่ไม่เข้าใจเหตุใดบิตาถึงตบรางวัลอย่างงามให้เขากัน?
รีไวรามเมสวางเด็กหนุ่มร่างอวตารลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา
ใบหน้ามนปรือตามองชายหนุ่มก่อนจะเอ่ยถามอย่างสงสัย
“งานเลี้ยงเลิกแล้วงั้นเหรอ?”
“เจ้าอยากอยู่ต่องั้นรึ?”
เด็กหนุ่มยันกายลุกขึ้นใบหน้ามนมองอีกฝ่ายอย่างนึกงอน
สองแขนบางโอบรอบคอขององค์รามเมสพลางขยับกายเข้าหาชายหนุ่ม
“ไม่เลย
ต้องไปนั่งฟังพวกนั้นเสนอสาวๆให้ท่านน่ารำคาญจะตายไป”
“โฮ่...
นี่เจ้าไม่ชอบที่เหล่าพวกเจ้าเมืองต่างๆเสนอลูกสาวให้กับข้างั้นรึเอเลน?”
“ใช่..
ผมไม่ชอบ” ใบหน้ามนพองลมในแก้มนัยน์ตาสีอร่ามจ้องนัยน์ตาคมกริบขององค์รามเมสอย่างไม่วางตา
“สาวๆในฮาเร็มของท่านก็เยอะแล้ว
จะเอามาเพิ่มอีกทำไม เหลือให้คนอื่นๆบ้างก็ได้มั่ง”
คงเพราะฤทธิ์สุรา
เอเลนจึงดูเว้าวอนผิดปกติ อีกทั้งยังแสดงสีหน้าท่าทางอย่างที่เขาไม่เคยพบเจอ
“เจ้าไม่ชอบใจที่ข้ามีสนมมากมายงั้นรึ?”
นัยน์ตาสีอร่ามมองค้อนอย่างไม่สบอารมณ์
“วันนี้ท่านพูดมากจัง....
งั้น ผมจะช่วยปิดปากให้เอง”
ริมฝีปากบางของเด็กหนุ่มทาบทับกับองค์รามเมส
ฟาโรห์หนุ่มเผยอปากเพื่อให้ลิ้นเล็กของเด็กหนุ่มสอดเข้าไปโดยง่าย
ลิ้นเล็กที่เกี่ยวกระหวัดถูกองค์รามเมสกระหวัดตอบรับอย่างปรีเปรม
เสียงชื้นแฉะแลกเปลี่ยนความหวานกลบเสียงดนตรีที่ลอยอยู่ไกลๆจนมิด
จากที่เป็นผู้รุกล้ำแต่เอเลนกลับถูกรีไวรามเมสไล่ต้อนจนรู้สึกหายใจแทบไม่ทัน
เกรงว่าอีกฝ่ายจะหมดลมหายใจเสียก่อนริมฝีปากช่างเอาแต่ใจจึงยอมถอดถอน
ก่อนจะขบที่กลีบปากล่างเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว
“วันนี้เจ้าดูยั่วยวนนักร่างอวตารของข้า”
ใบหน้าคมคายยกยิ้มพอใจพลางใช้มือปาดหยาดน้ำสีใสที่เลอะบริเวณมุมแกของเอเลนออก
“ยั่วงั้นเหรอ
แบบนี้เขายังไม่เรียกว่ายั่วหรอกนะ” ใบหน้ามนฉายแววซุกซนขี้เล่น
มือบางปลดเครื่องทอวประดับบนร่างชายหนุ่มออก
เด็กหนุ่มไล่จุมพิตจากลำคอหนาขององค์ฟาโรห์ จนถึงไหปลาร้า
ก่อนจะไล่เลียไปยังหน้าท้องที่ขึ้นลอนกล้ามขององค์รามเมส เด็กหนุ่มเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆจนสัมผัสกับแกนกายที่เริ่มแข็งขืนของฟาโรห์หนุ่ม
เอเลนปลดผ้าฝ้ายที่พันส่วนสงวนขององค์รามเมส
ใบหน้าหวานยิ้มละมุนก่อนจะเลียริมฝีปากของตัวเอง
“ผมเคยดูใน AV แบบนี้ต่างหากที่เขาเรียกว่ายั่ว”
รีไวรามเมสมองการกระทำที่อุกอาจของเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ
ถึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เรียกว่า AV นั้นเป็นอย่างไร
แต่ฟาโรห์รู้สึกชอบเจ้าสิ่งที่เรียกว่า AV นี่แล้วสิ ใบหน้าคมคายยกยิ้มเจ้าเล่ห์
มือหยาบกดหัวของเด็กหนุ่มให้เผชิญกับความแข็งขืนที่เจ้าตัวเป็นผู้จุดฉนวน
“แล้ว AV นั้นสอนอะไรกับเจ้าบ้าง ทำให้ข้าดูหน่อยเป็นไร?”
เอเลนมองแกนกายที่เริ่มขยายขององค์ฟาโรห์
มือเรียวจับแกนกายนั้นก่อนจะรูดขึ้นลงอย่างเด้ๆกังๆ เพราะเคยดูแต่ภาคทฤษฏี
แต่ภาคปฏิบัติแบบนี้เขาเองก็เพิ่งเคยทำเช่นกัน
การกระทำที่ไม่คุ้นชิ้น
ทำให้คนช่ำชองอยากช่วยชี้แนะ
“นอกจากมือแล้วเจ้ามีสิ่งอื่นที่ช่วยข้าได้อีกนะเอเลน”
รีไวรามเมสดึงใบหน้ามนให้สบขึ้นมองตน
นิ้วหยาบล้วงเข้าไปในโพรงปากนุ่มของเด็กหนุ่ม
นิ้วของฟาโรห์ควานช่องปากนุ่มนั้นก่อนจะขยับเข้าออกเป็นตัวนำ
“เอาล่ะเด็กน้อย
ทีนี้ลองใช้ปากของเจ้าดูเป็นไร”
เมื่อได้รับการชี้นำจากชายหนุ่ม
เด็กหนุ่มร่างอวตารจึงใช้โพรงปากของตนครอบครองแกนกายขององค์รามเมส
ลิ้นเล็กไล้โลมจากโคนสู่ปลาย ก่อนจะขยับเข้าออกตามการชี้นำจากอีกฝ่าย
จังหวะที่เนิบนาบเริ่มแปรเปลี่ยนให้เร็วยิ่งขึ้น
มือหยาบขององค์ฟาโรห์ลูบไล้ยังผิวเรียบลื่นของเด็กหนุ่ม
พลางคลึงยังสะโพกนุ่มกลมกลึง
เมื่อถึงจุดฝันน้ำรักสีขุ่นพุ่งเข้าจนเปรอะใบหน้าหวาน
เด็กหนุ่มยันกายพลางคายน้ำรักสีขุ่นจนไหลลงตามร่างกายเปรอะไปถึงโคนขา
รีไวรามเมสจัดการปลดอาภรณ์ที่ห่อหุ้มเด็กหนุ่มร่างอวตารออก
ลิ้นร้อนไล้โลมเลียยังยอดอกสีหวานของเด็กหนุ่มที่เริ่มแข็งจนเป็นไต
“อ. อือ.......ท..ท่านรีไว..”
เสียงใสครางในลำคอตอบสนองตามแรงอารมณ์ที่ถูกปลุกจากอีกฝ่าย
รีไว รามเมส ซุกใบหน้าสูดกลิ่นกายหอมกรุ่นราวแสงตะวันของเด็กหนุ่ม
มือหยาบเล้าโลมส่วนอ่อนไหวพลางพลิกเด็กหนุ่มร่างอวตารให้อยู่ใต้ร่างของเขาแทน
“อ.. อา..อ๊า”
สะโพกกลมมนขยับตามมืที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของตน
สองแขนบางโอบรอบลำคอหนาของชายหนุ่ม กดทับให้ใบหน้าของรีไว รามเมส
ซุกลงกับหน้าอกของตน ปรนเปรอ ขบกัดกับยอดอกสีหวานที่ตั้งชัน
ก่อนจะเลื่อนมาขโมยกอบโกยลมหายใจของเด็กหนุ่มอีกครั้ง
เอเลนกระตุกสะโพกปลดปล่อยหยาดอารมณ์ของตนเองใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อจูบตอบรับจุมพิตที่แสนเร่าร้อนของชายหนุ่ม
รีไว รามเมส
พยายามฝีนกลืนน้ำลายหนืดลงคอ
ทั้งที่คิดว่าจะพยายามหักห้ามใจเพราะอีกฝ่ายถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์สุรา
แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้และอีกฝ่ายก็จะสมยอม มีหรือบุรุษผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นทั้งนักรบและนักรัก
จะสามารถยับยั้งชั่งใจได้
“เอเลน...
ในเมื่อเจ้าเป็นฝ่ายเริ่ม จะมากล่าวร้ายหรือโกรธข้าที่หลังไม่ได้หรอกนะเจ้าหนู”
รีไวรามเมสแยกขาเพรียวของเด็กหนุ่มออก
ก่อนจะใช้น้ำรักที่ไหลเปรอะนั้นต่างสารหล่อลื่นเปิดช่องทางที่คับแน่น
ชายหนุ่มระดมจูบเรือนร่างเด็กหนุ่มร่าวอวตาร
ทั้งฝากรอยตีตราบนหน้าอกที่แอ่นตอบรับสัมผัส
ใบหน้าหวานปรือตามองชายหนุ่มก่อนจะรับจุมพิตจากอีกฝ่ายอีกครั้ง
ลิ้นร้อนไล่ต้อนเร้ยวลิ้ยของเด็กหนุ่มอย่างตระกาม
ก่อนจะถอดถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง
“เอเลนในเมื่อเข้าไม่ขัดขีน
แสดงว่าตอบรับข้าสินะเด็กน้อย?”
ใบหน้าหวานปรือตามองชายหนุ่ม
สติที่มีเริ่มหลุดลอยไปไกล รีไวรามเมสแยกขาเพรียวออกจากกัน
ความเป็นชายที่แข็งขืนจ่อกับช่องทางเบื้องล่างที่เขาพยายามทำให้คุ้นชิน
ก่อนที่จะได้ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่ม
เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอและร่างกายที่ปล่อยลงไปกับฟูกนอนทำให้ใบหน้าคมคายถึงขั้นกระตุก
“ฟรี้.....”
เด็กหนุ่มร่างอวตารหลับ!! ในขณะที่กำลังดำเนินการร่วมรักมาจวบจนถึงขั้นเกือบสุดท้าย
หางคิ้วของผู้เป็นฟาโรห์กระตุกถี่ยิบ
เดี๋ยวสิ!! ทั้งที่เป็นฝ่ายยั่วเขาก่อนแท้ๆ
แล้วมาทิ้งเขาไว้กลางทางแบบนี้มันจะไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือไง!?
ฟาโรห์หนุ่มไม่ยอมแพ้พยายามเขย่าปลุกร่างอวตารที่นอนหลับไร้สติ
แต่ไม่เป็นผล ดูเหมือนฤทธิ์สุราจะส่งผลให้เด็กหนุ่มร่างอวตารหลักลึกกว่าที่เคย
ทั้งยังส่งผลให้เขาค้างคายากที่จะระบาย
อย่าคิดว่าคนอย่างเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ
จริงอยู่ที่เขาไม่คิดหักหาญน้ำใจเด็กหนุ่มร่างอวตาร แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้ขอแค่เขาไม่ล่วงล้ำเข้าไปก็คงไม่มีปัญหา
คิดได้ดังนั้นจากขาที่ถูกจับแยกออก
รีไวจึงรวบขาเด็กหนุ่มให้ชิดกันก่อนจะสอดใส่ความเป็นชายที่แข็งขืนเข้าช่องทางระหว่างเรียวขาขาวของเด็กหนุ่ม
ร่างของเอเลนขยับไหวไปตามแรงอารมณ์ขององค์รามเมส
เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะแม้อีกฝ่ายจะไม่ได้สติก็ตาม
แต่ถึงกระนั้นร่างกายของเด็กหนุ่มร่างอวตารก็ตอบสนองต่อแรงปรารถนา
“อ.. อือ อ๊ะ.... อื้อ”
เสียงใสยังคงครางกระเส่าตอบรับการเล้าโลมของชายหนุ่ม
เสียงกระทบของผิวเนื้อรุนแรงมากยิ่งขึ้นและเร็วขึ้น เร็วขึ้น
จนกระทั่งที่สุดแห่งความปรารถนาถูกปลดปล่อย
น้ำรักสีขาวขุ่นไหลเปรอะเปื้อนยังโคนขาไหลไปตามช่องทางคับแคบสีหวานที่ยังไม่ถูกรุกล้ำ
รีไว รามเมส
หอบหายใจถี่หนัก
ใบหน้าคมดุจ้องใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มมีความสุขอย่างไม่รู้เรื่องรุ้ราว
ว่าปล่อยให้มีคนต้องลำบากขนาดไหนอยุ่กลางทาง
มือหยาบบีบจมูกเชิดรั้นนั้นอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะเพิ่มรอยประทับสีกุหลายอีกตรที่ลำคอของเด็กหนุ่ม
ตีตราความเป็นเจ้าของซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ใบหน้าคมเขยิบเข้ากระซิบที่ใบหูคนไม่ได้สติแผ่วเบา
“อย่าคิดว่าครั้งต่อไปมันจะจบแบบนี้เชียว”
ด้วยนิสัยรักสะอาดฟาโรห์หนุ่มจึงจัดการเช็ดคราบเปื้อนทั้งหลายของตนเองและเอเลนจนหมดจด
แต่เพราะเจ้าตัวดีที่เอาแต่หลับไม่ได้สติ
อีกทั้งเดาได้เลยว่าเมื่อรุ่งส่างมาเยือนเจ้าตัวคงไม่รู้ว่าตัวเองได้กระทำความผิดร้ายแรงขนาดไหนไว้บ้าง
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยฟาโรห์หนุ่มจึงจงใจไม่ใส่อาภรณ์ให้ร่างอวตารและตนเอง แน่นอนว่าเช้าวันต่อมาใบหน้าที่ขึ้นสีสุกปลั่งของร่างอวตารจะทำให้คนขี้แกล้งได้ยลเป็นแน่
แล้วเป็นจริงดังคาดเมื่อตัวต้นเหตุที่จำอะไรไม่ได้นั้นได้แต่เอะอะโวยวายจนเขานึกแกล้งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังฉากต่อฉาก
ท่วงท่าต่อท่วงท่า เมื่อทุกอย่างรู้แจ้งร่างอวตารก็หลบหน้าไม่ยอมมรร่วมห้องกับฟาโรห์หนุ่มนานหลายอาทิตย์
คนที่จะเดือดร้อนที่สุดไม่พ้นรัชทยาทหนุ่มที่เอเลนขอหลบไปใช้เตียงบรรทมด้วยเป็นประจำ
หลังจากคือนั้นไม่นานนักทั่วทั้งธีปส์ก็มีกฏต้องห้ามบัญญัติเพิ่มขึ้น
คือ ห้ามผู้ใดให้สุราแด่ร่างอวตารดื่มโดยไม่ได้รับความยินยอมจากองค์ฟาโรห์ ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษประหารสถานเดียว
ทั้งที่มีกฏเช่นนั้นแต่เหล้าองุ่นแดนใต้กลับถูกขนเข้าเขตราชฐานจนกลายเป็นสินค้าหายากที่มีแต่องค์ฟาโรห์เป็นผู้ครอบครอง...
...ว่าไปนั่น แต่ตัวเองก็ทำเองซะงั้นถถถถถถถ ฟาโรห์เอ้ยยยยยยยย
ตอบลบแล้วมิคาสะ ไม่สนใจขยายความความว่าเมดให้ทุกคนรู้จักหน่อยรึ เพื่อบางที่องค์ฟาโรห์จะลงแดงตายอยากเห็นบ้าง55555
อยากแชร์ให้เพื่อนอ่านจัง
ตอบลบอยากอ่านอีกว่าศาสนา ฟินงะ มีพิเศษต่อไหม ตอนเเต่งไรงี้ เเล้วก็เรื่องที่มีพระศพ2ร่างในโลงที่เอเลนเปิดครั้งเเรกนั้นด้วย อยากรู้งะว่าเป็นไงต่อ อรั้ย
ตอบลบคนแก่ขี้หวงค่ะแอบสงสารหนูทิ้งพี่เขาไว้แบบนั้น้ร้ายมาก555
ตอบลบรอภาคสอง ถ้ารวมเล่มก็พร้อมเปย์มากค่ะ แง้ง
ตอบลบ