วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

{Attack On Titan:Levi x Eren } Kill me - Kiss me.-14:

14:


เอเลนได้แต่ยืนมองภาพม้าสีดำถูกกลบฝังลงในหลุมด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย อีกนัยหนึ่งเขาอดที่จะโทษตัวเองไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ม้าตัวนี้ต้องตายนั่นก็เป็นเพราะเขา
“มันทำผิดอะไร ทำไมมันต้องโดนฆ่า” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเองเสียงเบา
“มันก็ไม่มีความผิดอะไรหรอกครับ” นานาบะตอบขณะที่ลูบแผ่นหลังเอเลนเบาๆ
“ทำไมไม่มีใครคิดจะช่วยมันเลย”
“คุณรีไวพยายามที่จะช่วยมันอย่างเต็มที่แล้วครับ” นานาบะยิ้มตอบ เอเลนเหลือบตามองด้วยความสงสัยในคำพูดนั้น
“ยังไง”
“เคยได้ยินคำว่าการุณยฆาตมั้ยครับ สำหรับม้าที่ขาหักหากชั่วชีวิตของมันไม่สามารถกลับมาวิ่งได้อีกชีวิตของมันก็เหมือนกับตายทั้งเป็น เพื่อเป็นการช่วยให้พวกมันพ้นทุกข์พวกมันจะถูกทำการุณยฆาต ในขณะที่สตอร์มร้ายแรงกว่านั้น ม้าที่คอหักไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องตาย คุณรีไวแค่ช่วยให้มันไม่ทรมานมากยิ่งขึ้นครับ นั่นเป็นความกรุณาอย่างที่สุดที่คุณรีไวได้มอบให้แก่สตอร์ม”
“ฆ่าด้วยความการุณย์.........หึ พูดเสียสวยหรูแต่สุดท้ายมันก็คือการฆ่าให้ตายอยู่ดี” เอเลนกล่าวเสียงเรียบสายตาทอดมองกองดินขนาดใหญ่เบื้องหน้า
“หากจะต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด คนบางคนก็เลือกที่จะตายมากกว่าที่จะขอมีชีวิต” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง เอเลนสวนกลับในทันที
“ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ ผมไม่เชื่อว่าจะมีปัญหาอะไรที่แก้ไม่ได้ พวกที่เลือกจะตายมากกว่าที่จะมีชีวิตนั้นมีแต่คนโง่เท่านั้น”
รีไวจ้องมองใบหน้าหวานแต่แสนดื้อดึงนิ่งเงียบก่อนจะแย้มรอยยิ้มออกมาช้าๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็จำคำพูดของตัวเองเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน อย่าได้ผิดคำพูดกลืนน้ำลายตัวเองเข้าล่ะ”
เอเลนจ้องมองอย่างเคียดแค้นกระซิบคำพูดที่พวกเขาได้ยินกันสองคน
“ผมเกลียดคนอย่างคุณจริงๆ”
“แต่ดูเหมือนคืนที่ผ่านมา ร่างกายนายจะแสดงออกตรงกันข้ามกับคำพูดของนายโดยสิ้นเชิงสินะ......ทั้งๆที่ออกจะพอใจฉันจนหมดสติไปกลางครัน”
เอเลนกัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด
“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน”


กว่าจะเดินทางมาถึงทะเลสาบมาโจเลก็เป็นเวลาค่อนข้างสาย ท่ามกลางทะเลสาบน้ำนิ่งแห่งนี้มีเรือสำราญลำใหญ่ลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่เหนือผิวน้ำ แทนที่จะขึ้นเรือเล็กที่ทางเรือสำราญบริการส่งมาให้พวกรีไวกลับเลือกที่จะใช้เรือของพวกเขาเองเข้าเทียบกับเรือใหญ่ ดูเหมือนชั้นบนของเรือจะจัดปาร์ตี้ชุดว่ายน้ำกันอยู่ สาวๆในชุดบิกินีตัวจิ๋วเดินวนไปวนมาให้ว่อน เอเลนรู้สึกคุ้นๆเหมือนกับเห็นหน้าใครหลายคนในที่แห่งนี้ผ่านจากข่าวสารทางโทรทัศน์มาก่อน
“ข้างบนนี้ค่อนข้างจะหนวกหูไปหน่อย คงคุยกันไม่สะดวก ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า” แอนโทนี่เดินมารับพวกเขาทั้งหมดไปยังห้องรับรองพิเศษ
“อาจจะใช้เวลาสักระยะ เกรงว่าพวกคุณจะเบื่อเอาได้ เรือลำนี้มีคาสิโนขนาดย่อมและตู้สล็อตไว้บริการลูกค้าพิเศษถ้าสนใจ พวกคุณสามารถไปผ่อนคลายได้”
“นั่นของชอบผมเลย” นานาบะออกท่าทางดีอกดีใจจนออกนอกหน้า
“ผมขอผ่านดีกว่า” เอเลนยิ้มตอบความใจดีของอีกฝ่าย ของพวกนั้นไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเลยแม้แต่น้อยในเมื่อตอนนี้ความสนใจของเขาทั้งหมดนั้นอยู่ที่บทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้
เอเลนอยากจะรู้ว่าพวกเขาตกลงอะไรกันมากกว่า อย่างน้อยๆ การหารือกันในครั้งนี้อาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะเอาไว้ใช้ตลบหลังจัดการกับรีไว แอคเคอร์มานในภายหลังก็ได้
“อยู่เล่นที่นี่ไปก่อน อย่าไปไกลหูไกลตานานาบะจนเกินไป”
แต่กลับกลายเป็นว่าฝันที่วาดไว้ได้ถูกดับลงแทบจะทันที
“เรื่องที่เราจะคุยกันไม่ใช่เรื่องที่นายจำเป็นจะต้องรู้” ชายหนุ่มหน้าคมกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายไปจากห้องโถงกลางเรือ
“เขาทำเหมือนกับผมเป็นเด็ก” เอเลนหันไปโวยวายกับนานาบะ
“เจ้านายผมเอ็นดูคุณมาก” นานาบะเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มขัน
“ไม่น่าจะใช่....” เอเลนแอบพึมพำเสียงเบา เพราะถ้าจะว่าไปสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนในคืนนี้ไม่มีสิ่งไหนที่จะเข้ากับคำว่าเอ็นดูได้เลยแม้แต่น้อย
“คนลามก....ป่าเถื่อน” ริมฝีปากบางขยับพึมพำบ่นไล่หลังคนที่เดินจากไปเบาๆ
“เชิญคุณตามสบาย นานาบะ ผมขอเดินดูรอบๆดีกว่า”
“โอเค ขอแค่คุณอย่าไปไหนไกล เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณผมคงหัวขาด” นานาบะปั้นหน้าเครียดขณะทำท่าปาดคอตัวเองให้ดู
“นั่นก็มากไป.......” เอเลนยักไหล่ตอบขณะที่เดินแยกออกมา เขาไม่คิดจริงๆว่ารีไว แอคเคอร์มานจะให้ความสำคัญกับตนถึงขนาดนั้น
“ก็แค่บ่อนลอยน้ำ มันสนุกตรงไหน”
ร่างบางเดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนมุมโซฟารับแขก หยิบไวน์ขาวที่บริกรหนุ่มนำมาเสิร์ฟขึ้นจิบขณะที่กวาดตามองโดยรอบ สถานที่แห่งนี้นั้นถือเป็นบ่อนนอกกฎหมายที่พวกเงินหนาหน้าใหญ่ชอบมาอวดร่ำอวดรวยกัน แต่แน่นอนว่าก่อนจะเข้ามาถึงข้างในนี้ได้นั้นพวกเขาต้องผ่านด่านการตรวจตราที่เข้มงวด ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธขึ้นมาบนเรือแห่งนี้แม้กระทั่งพวกเลออนฮาร์ทและแอคเคอร์มานเองก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่เอเลนไม่เชื่อจริงๆว่าพวกเขาจะยอมเดินเข้ามาในสถานที่อโคจรด้วยมือเปล่า ต่างฝ่ายต่างต้องซ้อนแผนสำรองเอาไว้แน่ๆ
แล้วที่สำคัญสถานที่อโคจรที่ผู้คนต่างมาหาความสำราญกันอย่างเรือลำนี้กลับมีกลุ่มคนน่าสงสัยทำตัวลับๆล่อๆปะปนเข้ามาได้อย่างไร เอเลนไม่รู้สึกคุ้นตาชายแปลกหน้ากลุ่มนั้นแม้แต่น้อยดังนั้นย่อมไม่ใช่คนของแอคเคอร์มาน
หรือจะเป็นพวกเลออนฮาร์ท?.........คนพวกนั้นเหมือนจะกำลังตามหาอะไรบางอย่าง พวกนั้นอาจเล่นตุกติก
เอเลนรีบลุกเดินไปหานานาบะที่อยู่กลางวงโป๊กเกอร์ทันที
“คุณนานาบะ คนของเราอยู่ข้างนอกมีหรือเปล่า”
“ไม่แน่ใจนะครับ แต่คิดว่าเจ้านายคงจะปล่อยไว้อยู่” นานาบะเอ่ยตอบแต่สายตากลับไม่ได้ละไปจากไพ่ในมือ
“ให้เขาไปดูหน่อยได้มั้ย ผมเห็นคนท่าทางน่าสงสัยเข้ามาในนี้ด้วย”
“ครับๆ ได้ครับ ผมจะติดต่อไปเอง” รับคำเสียเป็นมั่นเป็นเหมาะแต่ยังไม่เห็นจะกระดิกตัวทำอะไรเลยสักนิด
เมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นนัดแนะกันออกจากห้องไปเอเลนจึงตัดสินใจแอบตามออกไปเงียบๆ
“เห็นๆอยู่ว่าพวกมันขึ้นเรือกันมาแล้ว แต่ดันคลาดไปได้”
“ต้องหาห้องที่พวกมันสุมหัวกันให้เจอ จะจัดการแอคเคอร์มานหรือเลออนฮาร์ทก่อนก็ได้ ให้พวกมันเข้าใจผิดแตกคอกันเองได้ยิ่งดี” ชายหนุ่มร่างสูงผู้มีใบหน้าตกกระอันเป็นเอกลักษณ์สั่งการกับทุกคน
ไม่ใช่พวกเลออนฮาร์ทหรอกเหรอ...แล้วเป็นพวกไหนกันแน่
“ถ้าจำเป็นก็ค้นห้องมันให้ครบทุกห้อง ใครที่มันโวยวายจัดการปิดปากให้หมด”
ชายหนุ่มหน้าตกกระออกคำสั่งโหดเหี้ยม ความลังเลใจเกิดขึ้นในใจเอเลนทันที ถ้าหากคนกลุ่มนี้จัดการ รีไว แอคเคอร์มานได้ย่อมเป็นโอกาสดีที่เขาจะหนีไปให้พ้น แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงจะไม่ได้มีเพียงชีวิตเดียวที่ต้องตาย ทั้งแอนโทนี่ เบลทรูท นานาบะ ลูกน้องคนอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้โดยสารที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ถึงยังไงก็ต้องไปเตือนพวกนั้นก่อน.........
แต่ด้วยความรีบร้อนไม่ทันระวังแขนเรียวพลันไปปัดแจกันดอกไม้ที่ตั้งโชว์ไว้ริมโถงทางเดินจนหล่นแตก
มาร์โควิ่งตัดมายังหัวมุมที่เป็นทางแยกอับสายตาที่ซึ่งแจกันหล่นแตกอยู่ แต่กลับไม่เห็นวี่แววของใครสักคน
“มีคนแอบฟังครับ!!!
“ตามไป......ฆ่ามันให้ได้” มาร์โคตะโกนสั่งเสียงกร้าว พวกลูกน้องต่างกระจายตัวกันแยกย้ายออกค้นหาในทันที

ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะไปสู่ส่วนไหนของเรือเอเลนก็ไม่สนใจ ร่างบางซอยเท้าถี่ยิบวิ่งหน้าตั้งชนิดไม่คิดจะเหลียวหลัง
ต้องไปหานานาบะก่อน.........
แต่ใครจะรู้ว่ายิ่งวิ่งจะยิ่งหลง เรือบ้านี่มันจะมีห้องหับเยอะแยะไปไหน
ขณะที่วิ่งไม่ดูฟ้าดูฝนแรงกระชากจากด้านหลังที่ทำเอาเซถลาเสียหลักล้มฟาดลงกับพื้นได้ฉุดร่างบางเอาไว้ ไม่ทันได้แหกตาดูชัดๆว่าใครเป็นใคร มือบางพลันสวนกำปั้นกระแทกกลับไปก่อนแต่กลับถูกหยุดไว้ได้โดยฉับพลัน
“คุณกำลังหนีอะไรอยู่ครับ” หนึ่งในการ์ดของรีไว แอคเคอร์มานเอ่ยถามเสียงเครียด
“เจ้านายคุณอยู่ที่ไหน ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา” เอเลนหอบหายใจพูดเสียงสั่น
“คุณบอกผมได้ครับ ผมจะรายงานท่านเอง”
“เมื่อครู่ ผมเห็นกลุ่มคนท่าทางน่าสงสัยขึ้นเรือมา ผมแอบตามไป พวกนั้นวางแผนจะเล่นงานเจ้านายคุณกับคุณแอนโทนี่ ผมต้องไปเตือนพวกเขา”
บอดี้การ์ดหนุ่มยกมือขึ้นส่งสัญญาณบอกให้เอเลนเงียบเสียงลง
“ครับ......ท่าน อยู่กับผมครับ ปลอดภัยดีครับ ครับ บังเอิญเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นครับ เมื่อสักครู่นี้..........”
ขณะที่บอดี้การ์ดหนุ่มกำลังรายงานข่าวร้ายให้กับรีไวผ่านทางวิทยุสื่อสาร เอเลนก็ถึงกับต้องทรุดนั่งลงกับพื้นเพื่อพักเหนื่อย
ไม่ได้วิ่งหนักขนาดนี้มานานแล้วแฮะ เหนื่อยเป็นบ้า...... คงต้องหาเวลาออกกำลังกายให้มากกว่านี้แล้วสิ
ร่างบางนั่งคุดคู้หอบหายใจสะท้านขณะรอดูสถานการณ์
“ครับ ได้ครับท่าน ผมจะแจ้งทุกคนเดี๋ยวนี้ครับ”
“ลุกขึ้นเถอะครับ คุณเอเลน” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวขณะหิ้วแขนฉุดเอเลนขึ้น
“จะไปไหน”
“คุณรีไวมีคำสั่งให้ผมพาคุณไปหลบในที่ปลอดภัยครับ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวขณะที่รุนหลังพาเอเลนออกเดินซอกแซกไปตามทางแคบๆ
“เดี๋ยว!!! บนเรือลำนี้จะมีที่ไหนให้ปลอดภัยได้อีก”
“มีแน่นอนครับ คุณรีไวเตรียมการไว้แล้ว ขอแค่คุณไม่ออกไปเพ่นพ่าน” เขากล่าวตอบขณะที่ผลักเอเลนเข้าไปในห้องพักฮันนีมูนสวีทห้องหนึ่ง
“ฮันนีมูนสวีทนี่นะ.......นี่เหรอที่ปลอดภัยของเขา” เอเลนโวยวายลั่น
“แน่นหนามากพอครับ คนของเราที่คุ้มกันจากด้านนอกยังมีอีกมาก แม้แต่ยุงสักตัวก็ไม่มีทางเข้าถึงตัวคุณได้ถ้าคุณไม่เอาตัวออกไปสังเวยมันเอง” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวตอบหน้านิ่งชนิดที่เอเลนอดคิดไม่ได้ว่าขณะที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ชายคนนี้ก็ยังคงนิ่งเฉยได้จนน่าหมั่นไส้ชนิดที่ขนคิ้วสักเส้นยังไม่กระดิก
เจ้านายกับลูกน้องเหมือนกันไม่มีผิด........
“ผมต้องการนั่น........อย่างน้อยๆยังพอป้องกันตัวได้” เอเลนชี้ไปยังปืนหนึ่งในสองกระบอกที่บอดี้การ์ดหนุ่มเหน็บไว้ในอกเสื้อ
“เจ้านายไม่อนุญาตให้คุณแตะต้องอาวุธทุกชนิดครับ” การ์ดหนุ่มกล่าวตอบขณะกระชับเสื้อสูทของตนให้มิดชิด
“ถ้างั้นผมก็จะไม่อยู่ที่นี่เด็ดขาด” เอเลนเบียดตัวประชิดหวังจะผลักชายหนุ่มร่างสูงให้พ้นทางแต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่งไม่ไหวติง
“ไม่มีคำสั่งอนุญาต คุณออกไปไม่ได้ครับ กรุณาเข้าใจด้วย” บอดี้การ์ดหนุ่มผลักเอเลนให้ทรุดนั่งลงบนโซฟา ก่อนจะผันตัวออกไปจากประตูห้อง
“กรุณาอยู่ในนี้ด้วยความสงบด้วยนะครับ” เสียงเข้มดังแว่วมาจากอีกฟากของประตูพร้อมเสียงคลิ๊ก ที่ดังมาจากการล็อคประตูจากด้านนอก
“งี่เง่า!!!” เอเลนตะคอกกลับค้อนใส่คนที่อยู่อีกฟากของประตูจนตากลับ
“ใครมันจะไปอยู่เฉยๆได้กัน” ร่างบางตีหน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหลุดรอยยิ้มร้าย ควงปืนพกในมือที่แอบจิ๊กมาจากบอดี้การ์ดคนเมื่อครู่เล่นอย่างถูกใจ
“โอกาสดีๆแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆสักหน่อย”


เสียงแผดกระสุนปืนพร้อมกับเสียงกระจกแตกดังออกมาจากห้อง ตามสัญชาตญาณชายหนุ่มร่างสูงรีบชักปืนที่เหน็บอยู่บนอกเสื้อออกมาแต่กลับพบว่ามันเหลือเพียงกระบอกเดียว
“ตายห่า!!!!” มือใหญ่ปลดล็อคภายนอกถีบประตูห้องเปิดเข้าไปอย่างแรง ทั่วทั้งห้องเงียบสนิท ว่างเปล่า มีเพียงกระจกหน้าต่างที่แตกละเอียดและผ้าม่านสีขาวบางที่ปลิวไสวตามแรงลม หากเอเลนยังอยู่ในห้องนี้ก็คงมีโอกาสได้เห็นสีหน้าตกใจระคนตื่นตระหนกของบอดี้การ์ดหนุ่มคนนี้เป็นครั้งแรกแน่ๆ
“แจ้งเจ้านายด้วย......ตัวจุ้นหนีไปแล้ว”

จากที่สถานการณ์ตึงเครียดอยู่เดิมแล้ว นึกไม่ถึงจริงๆว่าเจ้าตัวจุ้นที่เขาหิ้วติดมือมาด้วยคราวนี้จะทำให้มันเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
“ตั้งแต่เมื่อไหร่” ร่างใหญ่เอ่ยถามพลางกุมขมับรู้สึกปวดหัวตุ้บๆ ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆสักวันเขาคงเครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกตายเพราะเอเลนแน่ๆ
“ราวๆสิบนาทีก่อน ตอนนี้กำลังให้คนออกตามตัวครับ” แว่วเสียงตอบผ่านมาจากวิทยุสื่อสารตัวจิ๋ว
“เดี๋ยวฉันออกไปเอง”
“........ครับท่าน”
“ไม่จำเป็นจะต้องไปใส่ใจ ตราบใดที่อยู่ในห้องนี้ พวกบราวน์ไม่มีทางหาเราเจอง่ายๆ” แอนโทนี่เอ่ยกับเขาเสียงเย็น
“บังเอิญว่าพวกบราวน์ไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจเท่าไหร่” รีไวกล่าวขณะลุกยืนขึ้นเดินออกไปจากห้อง
“เกิดอะไรขึ้น” มิคาสะลุกเดินตามออกมาพลางเอ่ยถาม
“เอเลนหนีออกไปจากห้องนิรภัย” รีไวเอ่ยเสียงเครียด มิคาสะคว้าไหล่พี่ชายเอาไว้ก่อนที่เขาจะเปิดประตูออกไปจากห้อง
“ช่างเถอะน่า ทุกครั้งที่เขาขยับตัวมันมักจะมีเรื่องวุ่นวายตามมาอยู่เรื่อย เขาอยากไปก็ปล่อยไป.....ลองดูว่าจะไปได้แค่ไหน”
“นายมีสิทธิ์ออกความเห็นได้ มิคาสะ แต่การตัดสินใจทุกอย่างยังคงอยู่ที่ฉัน” รีไวปัดมือน้องชายออกแล้วก้าวออกจากห้อง
“ก็ได้.....ตอนนี้นายใหญ่สุดนี่” มิคาสะเดินตามหลังออกไปติดๆในขณะที่แอนโทนี่ลุกขึ้น
“ผมจะช่วย........ให้คนของผมออกตามหาคนของคุณด้วยอีกทาง”

หลังจากลัดเลาะปีนเฉลียงระเบียงผ่านมาหลายห้อง เอเลนก็เลือกที่จะปีนเข้าไปในห้องที่เปิดหน้าต่างทิ้งเอาไว้ห้องหนึ่ง ภาพชายหญิงคู่หนึ่งที่แก้ผ้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงนัวเนียอยู่บนเตียงทำให้เขาชะงัก
ก็นี่มันฮันนีมูนสวีทนี่นะ........
และก่อนที่คนทั้งคู่จะรู้สึกตัวเอเลนก็ค่อยๆคลานต่ำออกจากห้องนั้นมาอย่างเงียบเชียบ
“คงต้องย้อนกลับไปที่ห้องโถงเรือก่อน......นานาบะน่าจะยังอยู่ที่นั่น”

และก็เป็นไปตามคาดจริงๆ นานาบะแทบจะไม่ขยับตัวออกจากวงไพ่โป๊กเกอร์เลย
“นานาบะ!!! นานาบะ!!! สนใจผมหน่อย” ถึงขั้นต้องตบไหล่อีกฝ่ายเข้าเต็มแรงเพื่อเรียกความสนใจ
“โอ้!!! ว่าไงล่ะเอเลน ไปซนที่ไหนมา ผมกำลังมือขึ้นเลยดูสิ!!!
“คุณบอกเจ้านายคุณแล้วใช่มั้ย เรื่องคนน่าสงสัยพวกนั้น เขาว่ายังไงบ้าง”
“อ๋อ!!! ผมลืมสนิทเลย แต่พนันได้ว่าเขาคงรู้แล้วล่ะ”
ไอ้แห้งนี่มันพึ่งพาได้แค่ไหนกันนะ!!!
“พวกมันปะปนเข้ามากับพวกเรา เราจะอยู่เฉยๆกันหรือครับ”
“คงไม่ต้องทำอะไรแล้วล่ะครับ นู่น!!! เจ้านายมานู่นแล้ว”
เมื่อเอเลนหันไปมองที่ประตูทางเข้าก็เห็น รีไว แอคเคอร์มานเดินเข้ามาแล้วจริงๆ
“บ้าเอ้ย!!!” ร่างบางรีบแฝงตัวปะปนไปกับกลุ่มผู้คนหวังหลบให้พ้นจากสายตาของชายผู้นั้น
“ออกมาเองเลยเหรอเนี่ย” อาศัยจังหวะที่คนพลุกพล่านมุดเข้าไปหลบที่หลังโซฟาเงียบๆ
“มาดักทางกันแบบนี้แล้วจะออกไปได้ยังไงกันเล่า”
ร่างบางจับตามองขณะที่รีไวเดินเข้าไปพูดคุยกับนานาบะ
“หรือจะสอยมันให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ” จัดแจงปลดเซฟปืนขณะที่ยกเล็งจ่อไปที่ศีรษะของชายหนุ่มหน้าคมนิ่งๆก่อนจะเลื่อนไปยังตำแหน่งของหัวไหล่
“แค่เอาให้เจ็บก็พอมั้ง”
ขณะที่กำลังจะเหนี่ยวไก รีไวพลันหันมาสบตากับเอเลนยกปืนขึ้นแล้วลั่นไก กระสุนปืนพุ่งผ่านเฉียดข้างหูจนรู้สึกอื้ออึงไปชั่วขณะ ร่างของชายคนหนึ่งล้มลงแน่นิ่งอยู่เบื้องหลังเอเลน
“ลุกขึ้น!!! เอเลน......ออกมาจากตรงนั้น” รีไวตะโกนเสียงกร้าวขณะที่เริ่มเปิดฉากยิงกันขึ้น
“จัดการพวกมันให้หมด จับตัวผู้ชายคนนั้นมา” ชายหน้าตกกระยิงปืนขึ้นฟ้าตะโกนก้องพลางชี้มาที่เอเลน
เดี๋ยวนะ!!! จะจัดการพวกแอคเคอร์มานนี่พอจะเข้าใจอยู่ แต่ไอ้ที่จะจับเขาไปด้วยนี่มันยังไงกัน เขาไปเกี่ยวข้องกับพวกนี้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย
ต่างฝ่ายต่างเปิดฉากยิงถล่มใส่กัน เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวดังลั่นไปทั่วทั้งห้องโถงเรือ เอเลนคลานต่ำไปหยิบปืนในมือชายที่ถูกรีไวยิงตายมาถือไว้เพิ่มอีกกระบอกหลบพิงอยู่หลังเสาต้นใหญ่
“อยู่ตรงนี้ หมอบลงต่ำๆ” มือใหญ่กดแผ่นหลังร่างบางให้หมอบราบอยู่กับพื้น
“อย่าออกไป อยู่กับฉันไว้” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่รีไวก็ฝ่าดงกระสุนมาถึงตัวเขาแล้ว
“คุณจะวิ่งมาหาผมทำไม พวกนั้นจะฆ่าคุณ คุณมาอยู่กับผมเดี๋ยวผมก็ตายไปด้วยหรอก” เอเลนโวยวายใส่คนข้างตัว
“มันจะฆ่าฉัน ซึ่งมันทำไม่ได้แน่ แต่มันจะเอาตัวนายไปด้วย....ฉันไม่ยอม” เสียงทุ้มเอ่ยเครียดขึ้งขณะยิงสวนตอบกลับไป
“ถ้านายอยู่นิ่งๆที่ห้องนั้น เรื่องจะไม่เป็นแบบนี้” รีไวหันมาเอ็ดเสียงเครียด
“ผมมีมือมีเท้านะคุณ ให้ผมนั่งรอคนมาเก็บเหรอ อย่าบ้าน่า” เอเลนตวาดตอบขณะที่พลิกตัวหันไปยิงใส่ชายชุดดำคนหนึ่งที่พุ่งเข้าชาร์ตพวกเขาทั้งคู่จนล้มแน่นิ่งลงกับพื้น
“ผมดูแลตัวเองได้”
“อย่ามาทำเป็นเก่ง.......ออกไปจากห้องนี้ก่อน คนของเราอีกส่วนอยู่ข้างนอก ก้มต่ำๆไว้ คลานออกไป ฉันจะยิงคุ้มกันให้”
“ไม่ต้องมาสั่งหรอกน่า!!!
คนดื้อรั้นไม่ว่ายังไงก็ยังคงรั้นวันยังค่ำ แทนที่จะทำตามที่รีไวบอกเอเลนกลับเลือกที่จะพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่างกระโดดลงไปยังดาดฟ้าชั้นสองของเรือ
“เอเลน!!!
“ใครมันจะไปฟังคุณกัน”
เอเลนกลิ้งตัวม้วนตลบไปบนดาดฟ้าเรือสองสามรอบก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนี รีไวรีบกระโดดลงมาไล่ตามไปทันที
“เอเลน!!! กลับมา”
เสียงทุ้มดังไล่หลังมาเอเลนยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
เรือสำราญใหญ่ขนาดนี้มันต้องมีเรือฉุกเฉินบ้างสิน่า.......
วิ่งมาจนถึงท้ายเรือแต่สิ่งที่รอเขาอยู่กลับเป็นชายชุดดำพร้อมอาวุธครบมือสามคน
“พวกคุณคงไม่ได้ดักรอผมใช่มั้ย” เอ่ยถามขณะยกมือขึ้นเหนือศีรษะอย่างยอมจำนน
“อย่าขัดขืนดีกว่า ถ้าแกอยู่นิ่งๆเราจะไม่ฆ่า ไว้จัดการพวกแอคเคอร์มานได้ก่อนเราค่อยจะจัดการแกอีกที” หนึ่งในชายชุดดำกล่าวขณะที่จับเอเลนกดลงกับกาบเรือใช้เชือกมัดแขนไพล่หลังลวกๆ
“ผมไม่รู้จักพวกคุณนะ”
“แต่แน่นอนว่าเจ้านายของพวกเรารู้จักแก” ชายผู้นั้นตอบขณะที่ยกปืนจี้ท้ายทอยเอเลนให้เดินลงเรือยางชูชีพฉุกเฉิน
“เจ้านายพวกคุณเป็นใคร”
“ไว้เจอเดี๋ยวก็รู้เอ..........” ยังพูดไม่ทันจบคำชายคนนั้นกลับล้มลงแน่นิ่ง
“หมอบลงเอเลน” รีไว แอคเคอร์มานที่ตามหลังมาไล่เก็บชายแปลกหน้าอีกสองคนที่เหลือ
“พอแล้ว.....ลากันที” แต่แทนที่เอเลนจะฟังคำสั่งเขา ร่างบางกลับกระโดดลงจากเรือในระดับความสูงตึกสามชั้นทิ้งตัวลงไปในน้ำทะเลทั้งๆที่ถูกมัดอยู่
“เอเลน!!!” ถึงกับทิ้งปืนในมือไปอย่างไม่ไยดี ร่างใหญ่ปีนขึ้นปีกกาบเรือหมายจะกระโจนตามไป
“เดี๋ยวๆๆ ช้าก่อน” มิคาสะดึงชายเสื้อของพี่ชายเอาไว้ได้ทัน
“นี่มันท้ายเรือ รีไว ใบพัดข้างล่างนั่นมันจะหั่นตัวนายเป็นชิ้นๆ”
“ฉันจะไปช่วยเอเลน”
“พอเป็นเรื่องของเขาทีไรแล้วนายแม่งฟิวส์ขาดทุกที คิดดีแล้วใช่มั้ยที่เก็บเขาไว้กับตัวน่ะ เรื่องแค่นี้คงไม่ต้องทำเองก็ได้มั้ง” มิคาสะตวาดใส่หน้าพี่ชายเสียงดัง
“ยูมิล เบลทรูท ลงไป” มิคาสะออกคำสั่งให้สองหนุ่มร่างใหญ่กระโดดลงไปแทน
“นายก็ด้วย นายด้วย นายอีกคน” แล้วยังพาลชี้กราดไปยังลูกน้องอีกสองสามคนให้โดดตามลงไป
“แล้วนี่ผมต้องลงไปด้วยมั้ยครับนายน้อย”
“ถ้านายคิดว่าลงไปแล้วรอดก็ลองโดดลงไปสิ” มิคาสะหันไปตอบอย่างหงุดหงิด
“งั้นก็อย่าดีกว่าครับ” นานาบะยิ้มแหย ขณะนั้นเองแอนโทนี่และคนของเลออนฮาร์ทก็ไล่ตามมาถึง
“เป็นยังไงบ้าง”
“เอเลนกระโดดลงไปในน้ำ แล้วข้างบนนั่นล่ะ”
“เก็บกวาดไปหมดแล้ว เขาลงไปนานแค่ไหนแล้ว” แอนโทนี่เอ่ยตอบ
“สักครู่ใหญ่ๆ” รีไวตอบขณะที่กวาดสายตามองหาลงไปในผืนน้ำที่เชี่ยวกราก
“ถ้าว่ายน้ำไม่แข็งก็ท่าจะยาก ผมจะให้ทีมประดาน้ำลงไปดู” แอนโทนี่บอกกับพวกเขา แต่ก่อนที่จะมีใครได้ขยับตัวพวกเขากลับถูกซุ่มโจมตี
เรือเร็วลำหนึ่งขับอ้อมท้ายเรือกราดยิงขึ้นมาใส่พวกเขา ไรเนอร์ บราวน์เป็นหนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นและในอ้อมแขนของเขาหิ้วเอเลนที่หมดสติติดมือไปด้วย
“ไรเนอร์ บราวน์ แม่ง!!!” มิคาสะสบถเสียงดังขณะก้มหลบกระสุน ส่งสัญญาณให้คนของเขาเอาเรือเล็กลงไล่ตามไป
“ฟังให้ดี รีไว....ตอนนี้ฉันได้คนของแก......คราวต่อไปฉันจะมาเอาชีวิตแก และมันจะไม่มีทางพลาดอีก” ไรเนอร์ตะโกนขึ้นไปบอกคนที่หลบอยู่บนดาดฟ้าเรือ ทิ้งท้ายด้วยการโยนระเบิดมือลูกเกลี้ยงขึ้นไปซ้ำอีกดอกก่อนจะให้ลูกน้องขับเรือหนีหายไป
แรงระเบิดทำให้เรือเอียงสั่นอย่างรุนแรง แม้จะไม่จมแต่ก็เสียศูนย์
“เทียบท่า......สั่งกัปตันเอาเรือเข้าเทียบท่าเดี๋ยวนี้” แอนโทนี่ตะโกนเสียงดังลั่นขณะที่เรือเริ่มส่งเสียงครืดคราดลอยลำเข้าเทียบกับปากอ่าวช้าๆ
“ยังมีคนของพวกมันเหลือรอดอีกมั้ย” รีไวเอ่ยถามแอนโทนี่
“ผมยังเก็บหัวหน้าของพวกมันไว้”
“ช่วยส่งมันมาให้ที ผมมีเรื่องที่จะต้องคุยกับมัน”

ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน แต่เมื่อเอเลนลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตนไม่ได้อยู่ในที่ที่คุ้นเคย เขาตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิบนฟูกนอนสีขาว ข้างผนังประดับด้วยภาพเขียนอักษรศิลป์ญี่ปุ่น และทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงยูกาตะสีแดงสดห่มห่อกายเพียงชิ้นเดียว
“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรมาก ใจกล้าไม่เบากระโดดลงมาจากที่สูงขนาดนั้น”
และเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วย
“ข้างล่างเป็นน้ำโอกาสตายน้อยกว่าโอกาสรอดเยอะ” เอเลนเอ่ยตอบขณะที่ลุกนั่งเผชิญหน้ากับชายร่างใหญ่ผมบลอนด์ทองสั้นกุดคนนั้น ขณะเดียวกันนั้นก็มีสาวใช้ชาวญี่ปุ่นยกชาหอมกรุ่นเข้ามาเสิร์ฟให้แก่พวกเขาทั้งสอง
“ดูเลี้ยงยากกว่าที่คิดนะ รีไวมันคิดอะไรของมันกันแน่” ชายหนุ่มแปลกหน้าแค่นหัวเราะ
“ผมไม่ใช่สัตว์เลี้ยง” เอเลนตอบชัดถ้อยชัดคำขณะมองถ้วยชาหอมกรุ่นตรงหน้ารู้สึกคอแห้งขึ้นมาตงิดๆ
“คุณเป็นใคร ผมไม่รู้จักคุณ”
“แต่ฉันรู้จักนายดี ตุ๊กตา.........เหมือนหมอนั่นจะเรียกนายว่าอย่างนั้น”
“ถ้าคุณไม่ตาถั่วจนเกินไปก็คงจะเห็นว่าผมเป็นคน” ร่างบางเถียงกลับอย่างไม่นึกกลัวแม้แต่น้อย
“ตุ๊กตา......ตัวโปรดเสียด้วย แล้วเรามาดูกันว่ารีไว แอคเคอร์มานจะจัดการยังไงถ้ารู้ว่าคนโปรดตกอยู่ในมือฉัน ตอนนี้นายยังพอใช้การได้ อยู่ที่นี่อย่าคิดทำอะไรไม่เข้าท่าแล้วกัน ฉันบอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ได้มีความอดทนสูงเหมือนอย่างเจ้านายของนาย เกิดนายทำอะไรให้ฉันหงุดหงิดรำคาญได้ง่ายๆระวังจะได้ไปเป็นอาหารเจ้าพวกเด็กๆที่อยู่ในบ่อก็แล้วกัน” ชายร่างใหญ่กล่าวขณะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
“......อีกอย่าง อย่าก้าวขาออกไปจากห้องนี้เด็ดขาด แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
ประตูห้องปิดลง เอเลนจึงลองสำรวจดูรอบๆ ห้องที่ถูกตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นเรียบง่ายมีข้าวของเครื่องใช้เพียงไม่กี่ชิ้น ด้านหลังเป็นประตูบานพับที่ถูกเปิดโล่งมีชานเรือนให้นั่งเล่นชมสวนน้ำตกขนาดเล็ก ที่ใกล้ๆกันมีบ่อขนาดใหญ่ที่ถูกกั้นด้วยรั้วเหล็กสูงไม่เข้ากับบรรยากาศ ร่างบางสวมรองเท้าเกี๊ยะที่ถูกวางไว้ที่มุมห้องเดินเข้าไปดูสิ่งที่อยู่ในบ่อนั้นอย่างทุลักทุเล ทันทีที่เยี่ยมหน้าเข้าไปส่องดูก็ต้องตกใจจนผงะถอยหลัง จระเข้ขนาดใหญ่หลายสิบตัวกำลังกินไก่เป็นๆอยู่ในบ่อนั้น เสียงไก่ร้องดังลั่นขนปีกปลิวว่อนไปทั่วทั้งบริเวณ บอกตามตรงว่ามันเป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก เอเลนถึงกับทำใจมองภาพอุจาดตาแบบนั้นต่อไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกขื่นขมเอ่อท้นขึ้นมาในลำคอจนต้องโก่งคออาเจียนน้ำลายเหนียวๆออกมาหนึ่งยก


“บ้าเอ้ย!!! ชีวิตฉันมันจะอะไรนักหนา หนีจากโรคจิตลามกออกมาได้กลับต้องมาเจอโรคจิตวิตถารตัวจริงเข้าแทนสินะ”





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น